วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

กำลังภายใน



กำลังภายใน
จำได้ว่าในสมัยวัยเรียนชั้นมัธยมปลายมีหน้าที่หนึ่งคือการไปเช่าวิดีโอมาให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ได้ดูร่วมกันในทุกค่ำคืนวันศุกร์ และด้วยความชอบส่วนตัวจึงเช่าภาพยนตร์จีนกำลังภายในมาดูเป็นประจำ โดยทั่วไปเนื้อเรื่องก็จะคล้าย ๆ กัน คือพระเอกจะถูกรังแก ถูกเอาเปรียบ และไม่ใช่คนเก่ง  แต่มักเป็นคนจิตใจดีงามชอบช่วยเหลือผู้อื่น จนในที่สุดด้วยความดีความเพียรทน พระเอกก็จะได้พบเจอกับอาจารย์ที่เก่งกล้าสอนวิชาให้ เคล็ดลับของวิชาส่วนใหญ่คือการฝึกกำลังภายใน มีความนิ่งมีความสงบ พร้อมรับมือกับทุกความเคลื่อนไหวที่มาทำร้าย ต้องฝึกฝนอย่างหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตราบจนเป็นที่พอใจของพระอาจารย์ จึงให้กลับมาทำการชำระสะสางคนอันธพาลให้สิ้นซาก เสร็จแล้วก็จากมาอย่าได้รับตำแหน่ง คำสรรเสริญใด ๆ ตอนนั้นที่ดูก็เพราะความสนุกสนานในการต่อสู้ แต่ครั้นเมื่อมานึกย้อนหลังกลับไป จะเห็นภาพชัดว่า ยามใดที่เรามีจิตใจที่มั่นคง เราก็ทำงานได้อย่างบรรลุเป้าหมาย มีสติปัญญา ไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เสมอ

ท่ามกลางความวุ่นวายสาละวนของผู้คนในทุกวันนี้ ทำให้กำลังภายในของแต่ละคนอ่อนล้าลงเมื่อจิตใจอ่อนแอ การถูกครอบงำด้วยสิ่งภายนอกก็ย่อมเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ต่อให้มีกฎหมาย กฎบ้านกฎเมืองเท่าใดหากผู้คนไม่ปฏิบัติตามด้วยหัวใจด้วยจิตใจก็ไร้ความหมาย ถ้าผู้คนมีชีวิตภายในที่เข้มแข็ง มีจิตใจที่มั่นคง กฎต่าง ๆ นั้นก็ไร้ความจำเป็น เพราะคุณค่านั้นเกิดขึ้นในตัวผู้คนแล้ว ใช่หรือไม่ จิตใจของเราวันนี้กลับถอยห่างจากคุณค่าลงไปทุกที ๆ เราปล่อยให้ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเด่นอยากดังเข้ามามีบทบาทในชีวิต กำลังภายในเราไม่ได้รับการฝึกฝน มันจึงทำให้เราสับสน ยึดเอากฎภายนอกเป็นหลักชัย ละเลยกฎภายใน เท่านั้นยังไม่พอเรายังนำกฎภายนอกมาเป็นข้อยกเว้นและข้ออ้างเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงกฎแห่งใจไปเสียอย่างนั้น
ในยามค่ำคืน ผัวเมียสูงวัยนั่งคุยกันอยู่ในกระต๊อบที่ทรุดโทรม 
การทำตามคำสอนของพระเจ้า    ก็คงมีแต่พวกคนรวยเท่านั้นที่ทำได้ ใครที่มีชีวิตอยู่เย็นเป็นสุขอยู่แล้ว คงไม่ไปทำอะไรผิดกฎตามที่พระเจ้าห้ามไว้
บังเอิญพระเจ้าได้ยินคำสนทนาเหล่านี้จึงส่งเทวดาลงมาองค์หนึ่ง นำพาทั้งคู่ไปอยู่ในคฤหาสน์สุดหรู เทวดาบอกทั้งสองว่า 
จงอยู่ที่นี่ให้สุขสบายที่สุดตามคำอนุญาตของพระเจ้า อาหารข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างมีให้พร้อมแต่มีข้อแม้อยู่ข้อเดียว 
เทวดาชี้ไปที่ชามธรรมดา ๆ ที่มีฝาปิดอยู่ใบหนึ่งบนโต๊ะ แล้วบอกว่า 
ไม่ว่าเวลาไหนไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ห้ามเปิดฝาของชามใบนี้ออกเด็ดขาด   มิเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะถูกส่งกลับไปอยู่กระต๊อบเหมือนเดิม
ทั้งสองยิ้มรับอย่างมีความสุข    มีเรื่องดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตคงมีแต่ไอ้โง่เท่านั้นที่จะไปสนใจชามใบนั้น   ชีวิตที่แสนสุขดำเนินไปอย่างราบรื่น    ไม่มีใครไปสนใจชามใบนั้นแน่นอน แต่ความสุขที่มากล้น สุดท้ายก็จะกลายเป็นเรื่องความเคยชิน  จนอาจกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ  นานวันเข้า ทั้งสองคุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างทุกซอกทุกมุมในบ้านยกเว้นชามใบนั้นที่ยังไม่เคยแตะต้อง พวกเขาเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่า แท้จริงแล้วมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในชามใบนั้น ความรู้สึกมันเพิ่มดีกรี ความอยากรู้อยากเห็นขึ้นทุกวัน ในที่สุด วันนั้นก็มาถึง เมื่อลุงตะโกนออกมาด้วยความอึดอัดว่า
ไม่ไหวแล้ว หากไม่เปิดฝาออกดู เราต้องบ้าแน่ ๆ พระเจ้าให้เราเยอะแยะขนาดนี้แล้ว จะมาสนใจอะไรกับแค่ชามใบนี้ใบเดียว
ว่าแล้ว ลุงก็เปิดฝาออกทันที สิ่งที่ปรากฏคือ ไม่มีอะไรอยู่ในชาม  และแล้วเทวดาก็ปรากฏตัวขึ้น
พวกท่านมีความสุขสบายความร่ำรวยที่โหยหามาตลอดชีวิต   แต่ก็ยังปล่อยวางกับชามธรรมดา ๆใบนึงไม่ได้ เห็นไหมว่ากิเลสตัณหากับฐานะความรวยจนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน พวกเจ้าจงกลับไปอยู่กระต๊อบเหมือนเดิม กลับไปรับเคราะห์กรรมที่ตัวเองสร้างไว้ (บทความ:ขจรศักดิ์)


เราแสวงหาสิ่งภายนอกกันมามากแล้ว ปิดฝาชามความว่างเปล่าลงบ้าง ปล่อยวาง และกลับมาฝึกฝนกำลังภายใน สร้างชีวิตจิต ให้เข้มแข็ง เพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในวันข้างหน้า กระแสความเปลี่ยนที่รวดเร็ว และการเติบโตของการพัฒนา อาจจะพัดพาผู้คนที่ไม่เข้มแข็งให้ล้มหายจากไปอย่างไร้คุณค่า การฝึกฝนกำลังภายในฉบับง่าย ๆ คือ การรู้จักอยู่กับตัวตน สวดภาวนา รำพึงก่อนเข้านอนว่า วันนี้เราได้ทำความดีงามอะไรให้กับโลกใบนี้บ้าง ทำให้ผู้คนคนใดทุกข์เศร้าเพิ่มขึ้นบ้างไหม? สวดขอกำลังจากพระเจ้าเพื่อวันรุ่ง เราจะได้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้มากขึ้น ลดการเบียดเบียนผู้อื่นให้น้อยลงฝึกฝนวันละนิดติดเป็นนิสัยแล้วเราจะมีกำลังภายในที่มั่นคงแข็งแรงตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: