วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

กว้าง x ลึก = ยืนยาว

กว้าง x ลึก = ยืนยาว
เช้า ๆ หลายวันมานี้ เราคงจะพอได้รับรู้ถึงอากาศที่เย็นลง มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีอากาศที่เย็นลงอีกในไม่กี่วันข้างหน้า แต่พอสาย ๆ แดดก็แผดลงมา กลายเป็นร้อนปกติเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนกันว่าจะเกิดฝนฟ้า อาจจะทำให้น้ำท่วมได้ในกรุงเทพฯ แต่แล้ว...มีแต่แสงแดด คนที่เตรียมร่มแม้จะไม่ใช้กันฝนก็ต้องนำมากางออกกันแดดแทน ก็เป็นธรรมดาของการคาดการณ์ ที่มักจะคลาดเคลื่อนได้เสมอ โดยเฉพาะการคาดการณ์ธรรมชาติที่แสนจะยากลำบาก มนุษย์เราพยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจวัด เพื่อตรวจเตือนก็ยังไม่สามารถจะทำได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์




พูดถึงการคาดเดาทำให้คิดถึงคำของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่ นักข่าวถามว่า“พระสันตะปาปาครับ โดนัลด์ ทรัมพ์ กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และโลกกำลังอยู่ภาวะตึงเครียดเพราะเรื่องนี้ พระองค์จะทำเช่นไรครับ”
พระสันตะปาปา “พ่อคิดว่าเราต้องรอดู พ่อไม่ชอบคิดไปก่อนและไม่ชอบตัดสินคนก่อน พวกเราจะดูว่าเขา (ทรัมพ์) จะทำอย่างไรและสิ่งใดที่เขาทำ จากนั้น พ่อถึงจะแสดงความคิดเห็น แต่การกลัวหรือชื่นชมยินดีล่วงหน้าเพราะมีบางสิ่งที่อาจจะเกิดนั้น ในความคิดพ่อคิดว่ามันไม่ฉลาดเท่าไหร่ มันจะกลายเป็นเหมือนพวกนักพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือทำนายโชคลาภที่อาจจะไม่เกิดก็ได้ พวกเราจะดูว่าเขาทำอะไรและค่อยแสดงความคิดเห็นตามนั้น”cr. Pope Report

คำว่าคาดการณ์คาดเดา เอาเข้าจริงส่วนถูกนั้นมีไม่มาก แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งทำให้ผู้คนมักเชื่อถือกันได้อย่างมากมาย ไม่ต้องอื่นใดในชีวิตจริงของเรา การเชื่อหมอดู เชื่อเรื่องโชคเรื่องดวง เพราะเรามักมองชีวิตในด้านเดียว คือด้านที่อยากจะมีความมั่นคงยืนยง อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว อยากมีความเป็นอมตะไม่รู้ป่วย รู้แก่ ไม่รู้เจ็บ เราจึงเชื่อและทำตามสิ่งใดก็ได้ที่บอกกล่าวเพื่อนำพาเราไปพบสิ่งนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำแล้วจะได้พบหรือเปล่า??? ก็ไม่รู้ พอเราหมกมุ่นกับมันมาก ๆ เราก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็เพื่อชีวิตตนเองเป็นที่ตั้ง บางทีเราก็ใช้ร่างกายแบบไม่ค่อยระมัดระวังกินตามใจปากมากกว่ากินเพื่อสุขภาพ มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ เมื่อกินแล้วไม่ได้ใช้พลังงานออกไปมากนักจึงสะสมกลายเป็นความอ้วน ก็หายาลดความอ้วนแทน เพื่อให้รูปร่างดูดี ผิวพรรณเปล่งปลั่งอย่างยืนยาว แต่ก็ไม่ไปออกกำลังกาย นานเข้าร่างกายก็อ่อนล้าอ่อนแอ ย่ำแย่ ก็เที่ยวไปหาหมอดูเสริมดวงต่อชะตาแทนที่จะหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพคนเราก็มักมีความคิดที่ย้อนแย้งกันในตัว อยากมีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย เราหนีความจริงไม่พ้นยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายย่อมมีความเสื่อมถอย มีแต่การต้องพยายามรักษาให้คงอยู่ไม่ใช่ให้คงทน



นอกเหนือจากมิติชีวิตด้านยืนยาวด้วยการมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่จบชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคภัยหรืออุบัติเหตุที่ไม่พึงควรแล้วหารู้ไม่สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตที่ยืนยาว ก็คือชีวิตที่มีทั้งความกว้างและความลึก ชีวิตด้านกว้างคือมีน้ำใจกว้างขวาง เห็นผู้คนเป็นเพื่อนมนุษย์ ด้านลึกคือมีความลุ่มลึกทางจิตใจ สามารถจะเข้าถึงความสุขภายในที่อยู่ในจิตใจของเราได้ถ้ากว้างและลึกแล้ว แม้ชีวิตจะสั้นก็ไม่มีความหมาย
ด้านกว้างของชีวิตคือการมีจิตใจอ่อนโยน รับรู้ถึงความต้องการของคนอื่น มีเมตตาในฐานะความรัก ความกรุณาที่มาจากใจ ปรารถนาดีที่จะทำให้ทุกชีวิตมีความสุข ไม่เบียดเบียนทำร้ายกันพร้อมทั้งสามารถรับคำขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัยและเมตตาผู้อื่นได้ ในยามที่พี่น้องทางภาคใต้ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ชีวิตด้านกว้างได้เปิดรับน้ำจิตน้ำใจที่จะส่งผ่านไปเพื่อช่วยเหลือ แบ่งปันต่อกัน ความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์คือความทุกข์ส่วนหนึ่งของเรา อะไรที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้จงช่วยกันทำ มิติด้านกว้างนี้ไม่มีขอบเขตแห่งชั้นชน ไม่มีขอบข่ายของตำแหน่งฐานะ รักผู้อื่น เมตตาผู้อื่นเหมือนรักและเมตตาต่อตัวเอง ช่วยกันส่งกำลังใจส่งความช่วยเหลือเท่าที่เราทำได้ เพื่อให้พี่น้องชาวไทยของเราทางด้ามขวานกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่เป็นปกติสุขโดยเร็ววัน

ากฐานชีวิตที่สำคัญ คือ มิติชีวิตด้านลึก เป็นมิติทางด้านจิตวิญญาณเปรียบได้กับตึกอาคารสูงที่ต้องการรากฐานแข็งแรงมั่นคง ยิ่งหากตึกอาคารนั้นสูงเสียดฟ้าเพียงใด เสาเข็มหรือฐานรากก็ต้องลงลึก หนักแน่นและมั่นคงมากเพียงนั้น การลงลึกนี้หมายถึงความเชื่อ ความศรัทธา และความไว้วางใจ มีปรีชาญาณ รู้จักที่จะอยู่กับความสงบนิ่ง มีธรรมะมีคำสอนเป็นเครื่องชี้นำชีวิต การสวดภาวนาคือการเสริมสร้างชีวิตทางด้านลึกให้หยั่งรากลึกลงในชีวิตมากขึ้น
ในโลกที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย จนทำให้บางช่วงเวลาเราทำบางสิ่งบางอย่างลงไปแบบไม่รู้ตัว หลงลืม ละเลย หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเราเห็นเพียงสิ่งภายนอกที่ถูกเคลือบเสริมเติมแต่ง จนกระทั่งเราให้ความสำคัญกับการมีชีวิตที่ยืนยาวเพียงด้านเดียวมากเกินไป ดังที่เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชีวิตเรามีสามด้านคือร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ หากเรามุ่งสร้างความยืนยาวให้ร่างกายอย่างเดียว ปล่อยให้จิตใจและจิตวิญญาณกำพร้า เราก็เป็นแค่เพียงวัตถุหนึ่งที่เดินไปมาอยู่ในโลกที่หาประโยชน์อันใดมิได้ ใครจะเป็นอย่างไรไม่สน ขอเพียงฉันมี ฉันสุขก็เพียงพอ ถามว่า “สุข”จริงไหม สุขแบบยืนยงถาวรหรือสุขเพียงชั่วคราว ในวันที่เราจากโลกนี้ไปจะมีอันใดให้โลกได้รำลึกถึง แต่ถ้าหากเรามีพร้อมทุกมิติต่อให้ร่างกายจะลาลับไปจะเร็วจะช้า แต่ความดีที่เราทำจากมิติกว้างและลึกจะส่งผลให้เรายืนยาวอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดไป....

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

รุ่นใหม่

รุ่นใหม่

            ภายในเวลาอันรวดเร็ว มือถือ สมาร์ทโฟนก็มีรุ่นใหม่ ๆ ให้ใช้กันเป็นว่าเล่น เพียงวันนี้ซื้อรุ่นนี้ วันรุ่งขึ้นก็ล้าสมัยไปเสียแล้ว คนที่บ้าเล่นบ้าใช้ก็ต้องมีเงินเพียงพอกับการเปลี่ยนเครื่อง หรือยกระดับเครื่องไปเรื่อย ๆ บางคนแทบไม่ต้องทำอะไร ซื้อมายังอ่านคู่มือไม่ทันจบ ก็ต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่เสียแล้ว ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะมัวแต่ตามเปลี่ยนแอพพลิเคชั่น ตามเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนรุ่น
ภาพ ; http://p4.isanook.com/hi/0/ud/270/1352826/apple-samsung-lg-htc-2013.jpg
            ภายในเวลาอันรวดเร็ว เด็กรุ่นใหม่ เด็กในเมืองเกือบทุกคน เรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่และสามารถใช้ได้อย่างรวดเร็ว เพียงอยู่อนุบาลก็ต้องนั่งหน้าจอกันแล้ว โรงเรียนไหนสอนด้วยแท็บเล็ต ก็ถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นนำ พ่อแม่ก็จะวิ่งแห่พาลูกหลานไปสมัครกันเป็นทิวแถว พัฒนาการตามวัยของเด็กถูกละเลย ถูกจับใส่และครอบงำด้วยเครื่องเลี้ยงดูสมัยใหม่นี้ เพื่อให้ลูกก้าวล้ำนำสมัยกว่าใคร ๆ
ภายในเวลาอันรวดเร็ว เทคโนโลยีก็เข้าครอบครองมนุษย์ แทนศาสนาและความเชื่อ โดยเนื้อแท้และภาพรวมมองการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของสังคมโลก มาบัดนี้เปลี่ยนไปเป็นเพื่อความเป็นที่หนึ่งของข้า ของฉัน คนรุ่นใหม่กับเครื่องรุ่นใหม่ ถูกซื้อถูกใช้ เพื่อสนองความอยาก ความโลภ ที่ยังคงหมุนวนอยู่ในจิตใจของมนุษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า
ภาพ : https://i.ytimg.com/vi/Jm-rIQ3eQUs/maxresdefault.jpg
            ภายในเวลาอันรวดเร็ว แทบทุกตารางเมตรของประเทศเต็มไปด้วย อินเตอร์เน็ตแต่สิ่งที่น่าแปลก คือ อินเตอร์เน็ตเหล่านี้มากกว่า 70 % หมดไปกับการท่องเก็บดูภาพลามก ภาพโป๊ และเรื่องไร้สาระ พูดคุยกันเป็นวัน ๆ แต่หาบทสรุปไม่เจอ ชีวิตของคนรุ่นใหม่ คนยุคอินเตอร์เน็ต จึงเต็มไปด้วยกากขยะที่โถมทับลงในจิตใจทุกๆวัน
ภาพ : http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000005737401.JPEG
            ภายในเวลาอันรวดเร็ว พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเสียเงินเสียทองกับค่าโทรศัพท์ระบบใหม่ ที่เปิดขึ้นมาเพื่อใช้ทายผลการแข่งขันกีฬาสารพัด มีการขายของ ขายเสื้อผ้า เครื่องประทินหน้าและผิว เสริมหน้าอก อาหารเสริม ยาลดความอ้วน ซื้อง่ายขายไม่จริงบ้าง จริงบ้าง เด็กสาวรุ่นใหม่บางคนจึงใช้ร่างกายเพื่อให้ได้มาซึ่งของใช้อำนวยความสะดวก บรรดาท่าน ๆ ผู้ปกครองบ้านเมืองก็ได้แน่นั่งคิดระบบใหม่ ๆ และคอยรับเปอร์เซ็นต์จากความเห็นแก่ตัวเหล่านี้ คนรุ่นใหม่ก็ตกเป็นเหยื่อของคนรุ่นเก่าไปเสียอย่างไม่รู้ตัว
            ภายในเวลาอันรวดเร็ว ประเทศไทยต้องมีเด็กเกิดใหม่ที่ติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในทุก ๆ ปี จากการเปลี่ยนคู่นอนคู่เที่ยวตลอดเวลา นำมาซึ่งโรคร้าย ผู้คนต้องตายไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่โรคร้ายโรคนี้ก็มิได้ตายตามไปด้วย มันยังคงอยู่เพื่อเป็นเครื่องหมายชี้ให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์ของผู้คน เด็กน้อยตาใส ๆ ไร้เดียงสา ต้องมารับเคราะห์กรรมเหล่านี้ คนรุ่นใหม่แบบนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างไร? เป็นความจริงที่แสนปวดร้าว

            ภายในเวลาอันเดียวกัน ความรวดเร็วเหมือนกัน โลกกำลังก้าวสู่หายนะอย่างไม่รู้ตัว พ่อแม่พี่น้องกำลังจะได้รับทุกข์ระทมมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และภายในเวลาเหล่านี้ เราจะเยียวยาสภาพสังคมและจิตใจกันอย่างไร? เราจะใช้โปรแกรมไหน แอพพลิเคชั่นตัวไหน ช่วยบอกที ช่วยคิดค้นที และในเวลานี้รารู้จักศาสนาและความดีมากน้อยแค่ไหน คนรุ่นใหม่ที่เคารพ!!! 

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

เด็กที่พ่อแม่สั่งสอน

เด็กที่พ่อแม่สั่งสอน
            เป็นธรรมเนียมที่พอเข้าสู่สัปดาห์ที่สองของปีใหม่ก็จัดให้เป็น วันเด็ก การให้ความสำคัญกับเด็กตั้งแต่ต้นปี ก็คงเป็นเพราะต้องการให้เรารู้ว่าเด็กนั้น คือ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วัตถุประสงค์ของวันเด็กก็เปลี่ยนแปลงตามไปกับยุคสมัยด้วยเช่นกัน ผู้ใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับเด็กเพียงแค่วัตถุ นำเครื่องไม้เครื่องมือออกมาอวด ออกมาโชว์ เพิ่มความอยาก เพิ่มความโลภให้กับเด็กอย่างไม่รู้ตัว แทนที่จะเป็นการให้แบบอย่าง เป็นการให้แรงบันดาลใจ ผู้ใหญ่วันนี้กลับให้ค่านิยมแห่งวัตถุกับเด็ก ที่มาพร้อมกับความเพลิดเพลินของเครื่องเล่น



            เด็กทุกคนย่อมรักความสนุก เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะต้องใช้หัว เพื่อคิดค้นกลเม็ด สั่งสอนพวกเขาไปพร้อมกับความตื่นตาตื่นใจของวัตถุ เครื่องมือ เครื่องใช้เหล่านั้น สอนพวกเขาให้รู้คุณรู้โทษดีกว่าไปยืนถ่ายรูปคู่กับสิ่งเหล่านั้น เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงาม พร้อมที่จะให้พ่อแม่ ได้ถักทอสายใยแห่งความดีลงในใจพวกเขาเสมอ..

            กับสถานการณ์แห่งความหวาดกลัวเช่นนี้ ก็ทำให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันมากยิ่งขึ้น เป็นโอกาสอันดีที่เราจะหันกลับมาทบทวนถึงบทบาทของการเป็นพ่อเป็นแม่ ที่มีหน้าที่ในการสั่งสอนลูกๆ เราได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีแล้วหรือ ... เราเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเต็มภาคภูมิแค่ไหน... โดยปกติเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่มักพาลูกๆเดินห้าง และให้เวลากับสิ่งเหล่านั้นมากกว่าการพาลูกๆมาเข้าวัด มีผลสำรวจออกมาว่าจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นท่ามกลางบริโภคนิยม และมีความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด วัฒนธรรมเหล่านี้ก็จะค่อยๆซึมลึกลงในใจเด็ก ..

            เด็กไทยวันนี้รู้จักเข้าวัด ไหว้พระกันมากน้อยแค่ไหน รู้สึกสุขใจ อิ่มใจทุกครั้งที่เห็นพ่อแม่พาเด็กๆมาเข้าวัด สอนให้รู้จักนั่งสงบ สอนให้รู้จักสวด สอนให้รู้จักตอบรับและร้องเพลงในวัด ภาพเหล่านี้นั้นหาได้น้อยเต็มที         ใช่หรือไม่ พระเยซูเจ้าในวัยเพียงสิบกว่าขวบก็ชอบที่จะวิ่งเล่นซุกซน หนีพ่อแม่เที่ยว แต่พระองค์วิ่งเล่นเข้าไปในพระวิหาร เข้าไปอ่าน ไปฟัง ไปสนทนาธรรมกับผู้ใหญ่ ใช่หรือไม่เด็กชายเยซูวันนั้น คือผู้ที่โอบอุ้มโลกของเราในวันนี้ เป็นวีรบุรุษผู้เต็มเปี่ยมด้วยคุณงามความดี และเด็กชายเด็กหญิงลูกของเรา จะมีสิ่งใดที่ช่วยจรรโลงโลกนี้ได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสอนของเราในวันนี้....



วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

วัน คืน ความสุข

วัน คืน ความสุข
วันหยุดพักผ่อนช่วงปีใหม่ผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง ปีใหม่นี้ มีวันหยุด ๔ วัน  ก็คงมีหลายคนที่เก็บสิทธิ์วันลาวันหยุดเมื่อปีที่ผ่านมาไว้เพื่อนำมาใช้ในช่วงนี้ เรียกว่าขอหยุดยาว ๆ ตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของปี จะได้มีวันหยุดสัก ๖-๗วัน เพื่อจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ ชาร์จพลังชีวิตที่เคยหดหายไป มีบ้างบางคนเลือกที่จะอยู่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ ในวันที่ท้องถนนโล่ง ๆ ไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่อาจจะหาของกินอาหารยากสักหน่อย นี่ก็เป็นวิถีชีวิตของแต่ละคนที่จะเลือกมีความสุขกับวันเวลาช่วงปีใหม่ หากลองสังเกตดู ปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่ไม่ต้องบันเทิงเกินไป เป็นปีที่หลายคนหลายครอบครัวเลือกที่จะกินเลี้ยงอยู่ในบ้าน เป็นคืนที่มีความสุขแบบ “หอมหวาน” ในวิมานบ้านเกิด เป็นปีที่ไม่ต้องแย่งกันเดินบนถนนที่ปิดให้ผู้คนออกมานับเวลาถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ เป็นปีที่ “อบอุ่น” ที่ได้นั่งรอคอยวันใหม่กับคนใกล้ชิด นับว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ปีที่สงบไม่วุ่นวาย หลายคนมีความสุขกับชีวิตที่ไม่ต้องมีอะไรเว่อวังอลังการ ที่สำคัญสุดการได้มีเวลาได้ทบทวนและให้ความสำคัญกับการพูดคุยกันในครอบครัว

สำหรับ “คนข้างวัด” ปีนี้ก็เป็นการขึ้นปีใหม่อีกปีหนึ่งที่ได้รับความสุขใจ อิ่มเอม ไม่แพ้ปีก่อน ๆ ด้วยวิถีชีวิตที่พยายามจัดสรรให้ลงตัวมากที่สุด มีเวลาอยู่กับเพื่อนร่วมงาน แบ่งปันถึงการทำงานร่วมกันให้มีความสุขจนนาทีสุดท้าย ช่วงนาทีส่งท้ายปีเก่าแม้จะอยู่ในที่ที่อากาศหนาวเย็น แต่กลับอบอุ่นท่ามกลางมิตรภาพ และการรับฟังเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนจากผู้ชำนาญการ และเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการเดินทางภายในวันเดียว ๓ จังหวัด จากขอนแก่น มากรุงเทพฯ เข้าวัดเซนต์หลุยส์ และบ่ายกลับบ้านเกิดสิงห์บุรี ดูเหมือนว่าน่าจะเหน็ดเหนื่อย ตรงข้ามรู้สึกว่าได้รับพลังเพิ่มขึ้น เช้าวันต่อมาตื่นมาทักทายแสงวันใหม่ริมเจ้าพระยา มุมเดิมที่สีสันวันเวลาแตกต่างไป ความสุขแบบนี้หาซื้อที่ไหนไม่ได้จริง ๆ ได้มีเวลาอยู่กับแม่ พี่น้อง หลาน ๆ ได้เที่ยวได้ร่วมกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ได้มีเวลาเยี่ยมเยียน ขอบคุณญาติผู้ใหญ่ที่ให้ความอุปการะดูแลตลอดปีที่ผ่านมา ได้มีเวลาขอโทษขอโพยต่อความบกพร่องต่อกัน ทั้งหลายทั้งปวงแล้วเหมือนวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความสุขยังคงต้องพยายามเก็บรักษาเอาไว้ให้นาน เพื่อนำไปเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตเราพัฒนา วัฒนามากยิ่งขึ้น ๆ ไป 

ในบางครั้งบนวันเวลาระหว่างปี เรามักมีความโลภความอยากมีนั่นมีนี่ อยากมีเงินเยอะ ๆ อยากถูกหวย อยากรวย อยาก ๆ อีกหลายอยาก แอบฝันไว้ว่าคงจะมีความสุขเพิ่มขึ้นกว่านี้ถ้ามีความสะดวกสบายมาเติมเต็ม แต่หารู้ไม่ว่าในทุกวันเวลานั้นมักมีความสุขให้เราอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญ เราไม่ใส่ใจที่จะให้วันคืนเหล่านั้นนำความสุขมาให้อยู่กับเราต่างหาก จิตใจมักเตลิด ว้าวุ่น สับสน วนเวียนอยู่กับคำว่า เมื่อไรจะมี เมื่อไรจะรวย เมื่อไรจะได้ แล้วก็พลั้งเผลอใจออกนอกลู่นอกทาง เราอยู่ในยุคที่มีความฝันลม ๆ แล้ง ๆ  คอยยุแยงให้เสียพลังใจ
ต้นปีเราก็มักเห็นคนทำนายเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดวงคนเกิดราศีนั้นราศีนี้ไม่ดี ใครเกิดปีนี้จะชงกับปีนั้นตามสื่อต่าง ๆ พออ่านไปอ่านมาเกิดอาการวิตกกังวล จะทำอะไรก็มีปมอยู่ว่าดวงเราจะดีหรือร้าย ความเชื่อใจในตัวเองหดหายมลายไป ความวางใจในพระเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะความเชื่อของเราเกินครึ่งถูกเทไปทางเรื่องโชคเรื่องดวง เช่นนี้แล้ว วันเวลาของเราก็อยู่กับสิ่งเหล่านั้นแหละ ยังวน ๆ เวียน ๆ อยู่กับสิ่งภายนอก ใช่หรือไม่ ความสุขของเราอยู่ที่การวางตัวและการวางใจของเรา ถ้าเรามีชีวิตอยู่บนความพอเพียง ไม่ก่อหนี้ ไม่ไขว่คว้าเกินความจำเป็น มีความสุขอยู่กับคนใกล้ตัว ดูแลกัน หยอกล้อกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แบ่งปันรอยยิ้มให้กัน ไว้วางใจต่อกัน และที่สุดแล้วยอมที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นคนเรียกร้อง จะมีอะไรหอมหวานดีไปกว่าความปรารถนาดีต่อกันเล่า นี่แหละปฐมเหตุของความสุข

มามองในภาพที่ใหญ่ขึ้น เราจะเห็นว่าประเทศที่เคยร่ำรวยทางด้านเศรษฐกิจ ร่ำรวยจากการเอารัดเอาเปรียบทางด้านการค้า การครอบครองทรัพยากร เริ่มจะประสบปัญหามากขึ้น เพราะการใช้จ่ายที่เกินตัว และการกอบโกยที่เกินไป มาถึงวันหนึ่งระบบเหล่านั้นก็พังไม่มีทางที่จะยั่งยืนถาวร ทุนนิยมไม่อาจจะต่อกรกับธรรมนิยมได้ สังคมโลกเริ่มปรับตัวหาจุดสมดุล สังคมไหนที่ผู้คนมีความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณ สังคมนั้นย่อมอยู่รอด สังคมไหนที่เต็มไปด้วยรักและเมตตาอาทรต่อกัน สังคมนั้นย่อมมีสันติ แล้วสังคมไทยเราจะเป็นแบบไหนก็ต้องอยู่ที่เราจะเริ่มต้นปีใหม่นี้อย่างไร หันมาให้ความรักความเมตตา แบ่งปันน้ำใจต่อกันให้มาก ๆ  ลดการแข่งขันเอารัดเอาเปรียบที่ชอบใช้ความร่ำรวยมาต่อรองกับชีวิต หยุดใช้อำนาจหน้าที่เข้าข่มเหงผู้ต่ำต้อยกว่า เพียงเท่านี้ความสุขก็จะคืนกลับมา ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมาคืนความสุข ทำวันเวลาของเราให้มีความสุขด้วยตัวเอง แล้วความสงบสุขจะตามมาและจะดำรงอยู่ตราบนานเท่านาน อย่ามัวแต่แสวงหาความร่ำรวยแต่จงแสวงหาความรักที่ส่งถ่ายให้กันและกันโดยไม่มีกำไรขาดทุนมาเป็นตัวชี้วัด....

ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการอวยพรแด่โรมและโลก (Urbi et Orbi) ซึ่งในหนึ่งปีจะทำสองครั้งคือวันคริสต์มาสและวันปาสกา) โดยปีนี้ พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า “อำนาจของพระกุมาร พระบุตรของพระเจ้าและบุตรของแม่พระ ไม่ได้เป็นอำนาจของโลกนี้ซึ่งตั้งอยู่บนการใช้กำลังและความร่ำรวย แต่นี่คือพลังแห่งความรัก นี่คือพลังที่สร้างสวรรค์และโลก และให้ชีวิตแก่สิ่งสร้างทั้งปวง พลังแห่งความรักนี้นี่เอง ที่นำพระเยซูคริสต์ผู้ถ่อมตนลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์และมอบชีวิตพระองค์บนไม้กางเขน นี่ยังเป็นอำนาจของการรับใช้ซึ่งเริ่มต้นอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกใบนี้ อาณาจักรของความยุติธรรมและสันติ” (Pope Report)