วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

สุขสร้างง่าย

 

สุขสร้างง่าย

เมื่อใดที่รู้สึก หดหู่ ไร้แรงใจ คนที่รักษาได้ดีที่สุด ก็คือ “ตัวเราเอง”

สายลมพัดแรงพาลมหนาวเย็นยามเช้าเข้ามาในห้อง จากที่ตื่นมางัวเงีย ๆ ต้องรีบตั้งสติ หาเสื้อกันลมกันหนาวมาใส่ ดีที่ก่อนออกเดินทางได้เตรียมมาบ้าง เป็นอีกครั้งที่เดินทางโดยไม่เร่งรีบ ไปเรื่อย ๆ สถานที่ไหนสวยก็พักชื่นชม หิวก็มองหาที่กิน ในร้านอาหารเที่ยงระหว่างทาง บรรยากาศดีพอสมควร เห็นรูปปั้นส่งยิ้มหวานมาให้ ดูมีความสุข เลยทำให้ได้คิดถึงข้อความที่ว่าไว้

ออกไปดูโลกภายนอกบ้าง อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียว อย่าจมปลักอยู่ในที่เดิม ๆ จะได้รู้ว่า โลกกว้างใบนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีโอกาสอีกมากมาย เวลาของชีวิตเราสั้นนิดเดียว อยู่ที่นี่ไม่เป็นสุข ก็เปลี่ยนที่ เปลี่ยนที่แล้วไม่เป็นสุข ก็จงเปลี่ยนตัวเอง ก็อย่าปล่อยใจให้ทุกข์ ได้ยินได้เจอเรื่องราวทุกข์ร้อนอะไร ให้หยุดตรองก่อนจะตอบกลับไป เอาเข้าจริง คนอื่นก็ไม่อาจเข้าถึงความรู้สึกจริง ๆ ของเราได้ ฉะนั้น เมื่อใดที่ท้อแท้ สิ้นหวัง เมื่อใดที่หดหู่ ไม่มีกำลังใจ คนที่รักษาได้ดีที่สุด ก็คือ “ตัวคุณเอง” เมื่อใดที่เหนื่อย ก็ให้กอดตัวเอง เมื่อใดที่ร้องไห้ ก็ปลอบตัวเอง ไม่มีใครคอยกอด คอยปลอบคุณได้ตลอดไป ฉะนั้น จงฝึกรักตัวเองนะ ต่อให้ดีที่สุด วันหนึ่ง ก็ต้องสูญเสีย ต่อให้คิดถึงที่สุด วันหนึ่ง ก็ต้องลืมเลือน ต่อให้รักที่สุด วันหนึ่ง ก็ต้องพรากจาก ทุกสิ่งมีพบ พราก จาก ลา เป็นปกติ หากวันหนึ่งต้องสูญเสียสิ่งใดไป จงรู้ไว้ว่านั่น เป็นเรื่องธรรมดา

บนความ “ถูกต้อง” ใช่ว่าจะ “ถูกใจ” เราเสมอไป บนความ “ถูกใจ” บางครั้งก็ “ไม่ถูกต้อง” ได้เช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะพอดี ถ้ามันไม่ขาด ก็เกิน นอกจากใจเราที่จะทำในสิ่งนั้น ๆ ให้มันพอดีและ ดีพอ แม้ชีวิตจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะทำได้ บางครั้ง เราก็เลือกที่จะไม่ทำได้ เราเลือกที่จะเป็นได้ เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่รู้ถูกผิดชอบชั่วดี เป็นคนที่มีจิตใจเมตตา เป็นคนที่รัก เชื่อมั่น ศรัทธา เป็นคนที่รู้จักให้โดยไม่หวังผล เป็นคนที่ยิ้มง่าย และอารมณ์ดี และเป็นคนที่ “มีความสุข”

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566

อยากถือรีโมท

 

อยากถือรีโมท

>>> หากควบคุมตัวเองไม่เป็น อย่าริอ่านไปควบคุมสิ่งอื่นรอบตัวเอง <<<

เห็นรีโมทหลากหลายอันวางอยู่ตรงหน้า หลายครั้งหลายคราวหยิบผิดหยิบถูกเวลาที่รีบใช้ ต้องดูให้ดี ๆ ว่า รีโมทของเครื่องไหนเป็นเครื่องไหน เพราะทุกเครื่องไฟฟ้าใช้รีโมทในการควบคุมทั้งนั้น ถึงแม้เคยมีคนคิดค้นแอพพลิเคชันรีโมทรวมอยู่ในอันเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนกับรีโมทประจำเครื่องใครเครื่องมัน ยิ่งในเมื่อย้อนหลังสักสิบปีที่แล้ว เราต่างเสพติดการดูโทรทัศน์ การที่ใครได้ถือรีโมทไว้ นี่เป็นการกำหนดวิถีบันเทิงให้ผู้อื่น จะต้องดูในสิ่งที่เราเป็นผู้เปิด จะต้องฟังเสียงเท่าที่เรากำกับ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ผู้คนต่างมีหนทางของตัวเอง เพราะเลือกเสพสื่อตามใจชอบบนจอมือถือ โทรทัศน์หมดความจำเป็นรีโมทก็ใช้เพียงแค่ปิดเปิด และถูกทิ้งร้างวางไว้อย่างไม่สนใจใยดี เราต่างควบคุมกำกับวิถีรื่นรมย์ให้กับตัวเองได้ มีรีโมทประจำตัว


แล้วถ้าเรามีรีโมทชีวิตที่สามารถควบคุมจังหวะชีวิตได้หล่ะ??? หลายครั้งหลายหนที่เจอเรื่องสุขเราก็อยากจะเก็บมันไว้ เพื่อเล่นซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราอิ่มเอมใจ  แต่เมื่อเราเจอเรื่องทุกข์ ช่วงที่ดูเหมือนย่ำแย่ อยากกดรีโมทให้มันข้ามไป รีโมทแบบนี้แหละที่ทุกคนอยากได้ แต่แท้จริง ในทุกช่วงจังหวะแห่งชีวิตมีคุณค่าเสมอ เราต้องหมั่นทำความรู้จักและควบคุมทุกจังหวะ อย่ามัวแต่ไปควบคุมคนอื่นให้มีความคิดเหมือนเรา ต้องเป็นไปตามจังหวะที่เรากำกับ หันมาควบคุมตัวเองง่ายกว่า เหนือสิ่งอื่นใดให้พระอยู่ทุกช่วงชีวิตของเรา แม้ช่วงที่เราคิดว่าแย่ที่สุด  ก็จะยังมีคุณค่า  เพราะนั่นคือพระพรเพื่อให้ชีวิตเราก้าวหน้า พระเจ้าให้รีโมทกับเรามาทุกคน แต่พระองค์คือเจ้าของรีโมทที่แท้จริง

พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ผู้ล่วงลับ เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา เคยตรัสกับเยาชนไว้ว่า “...ถ้าเรายอมให้พระคริสต์เข้ามาในชีวิต เราจะไม่เสียอะไร ไม่เสียสิ่งที่ทำให้ชีวิตเป็นอิสระ สวยงาม  และยิ่งใหญ่  มิตรภาพนี้ เป็นประตูชีวิตที่เปิดกว้าง เราจะมีพลัง และความมั่นใจยิ่งใหญ่ เยาวชนที่รัก  อย่ากลัวพระคริสตเจ้า พระองค์ไม่เอาอะไรไป พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งแก่เธอ เมื่อเรามอบตัวเราเองแด่พระองค์ เราจะได้รับร้อยเท่ากลับคืน

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566

หาแสงแบบไม่หิวแสง

 

หาแสงแบบไม่หิวแสง

<<< ให้แสงส่องนำทาง ไม่ไขว่คว้าแสงดาว แสงเดือน แสงตะวันมาสวมใส่ตัว >>>

            ยามเช้าสดชื่นเสมอ เป็นความจริงเมื่อต้องตื่นมาแต่เช้าตรู่เพื่อปฏิบัติภารกิจ แม้จะอยู่ต่างที่ต่างถิ่น ครั้งนี้มาอยู่ท่ามกลางขุนเขากับอากาศที่เย็นสิบกว่าองศา เมื่อทำหน้าที่เสร็จก็ออกมาเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ ท้องฟ้ายังมืด แต่แสงของวันใหม่กำลังจะมาทักทาย ไม่นานจากมืดมิดสู่แสงสว่าง อรุณเบิกฟ้า แสงแดดเริ่มทำงานให้ความอบอุ่น สะท้อนดอกหญ้าที่พัดไสวล้อเล่นลม ความร้อนค่อย ๆ ทำให้เกิดละอองหยาดหยดน้ำ ที่ความเย็นได้ปกคลุมในยามค่ำคืน บนกระโปรงและกระจกหน้ารถ เริ่มมีไอน้ำหยาดไหลเป็นทาง ความตื่นตัวของสรรพสิ่งเริ่มต้นในวันใหม่ แสงนำชีวิตให้พลิกฟื้นตื่นจากหลับใหล โลกนี้หากปราศจากแสง โลกคงไร้ชีวิตชีวา

            แต่...โลกวันนี้ ผู้คนมากมายกลายเป็นคนหิวแสง นำแสงมาเพื่อให้ตัวเองเบ่งเปล่งประกาย ให้ดูโดดเด่น ดัง ดึงดูด ความสนใจ เราใช้แสงเพื่อสร้างตัวตนบนโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น เราใช้แสงเพียงเพื่อตัวเอง ใช้แสงเพื่อเรียกร้องให้คนอื่นหันมามอง ต่างคนต่างหาแสง ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว นำแสงมาครอบครอง ด้วยการเอาชนะคะคาน ด้วยการเอารัดเอาเปรียบ ด้วยเล่ห์กลโกง ทำทุกอย่างให้ได้มา ในวันที่โลกเอื้อให้เราเกื้อกูลกัน แต่เรากลับใช้การเปิดกว้างของสังคมโลกวันนี้ เพียงเพื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก ให้ตัวเองกลายเป็นคนสำคัญอย่างน่าสงสาร ให้ตัวเองดูเก่งดูดีกว่าใคร ๆ น่าเสียดาย เรามิได้ให้แสงแห่งความดีแผ่ไปเพื่อผู้อื่น เราใช้แสงกันสิ้นเปลือง เหมือนกับแสงของพลุที่จุดขึ้นบนท้องฟ้า ให้ความสวยเพียงชั่วขณะ แสงพลุที่พยายามพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าไปเทียบดวงดาว แต่แล้วก็ดับลับหายไป...

            หากเราเป็นเหมือนคนไกลต่างถิ่น ที่ออกเดินตามแสงส่องนำเฉกเช่นพญาสามองค์ ที่ตามหาแสงแห่งความดี แสงแห่งความหวัง แม้เพียงแค่สัมผัส ได้พบเห็นในเวลาเพียงน้อยนิด แต่แสงนั้นกลับกลายเป็นแสงแห่งชีวิตนิรันดร์ ที่ก่อให้เกิดความงดงาม ที่สร้างสรรค์โลกนี้ ที่ให้ความอบอุ่นในวันเริ่มต้นใหม่ของสันติสุข เราออกมาตามหาแสงแบบนี้กันแล้วหรือยัง หรือยังคงเที่ยวหาแสงเพราะความหิวกันอยู่ จะมีประโยชน์อันใดเล่า ชีวิตนี้....