วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เริ่มด้วยแรงบันดาลใจดี ๆ


เริ่มด้วยแรงบันดาลใจดี ๆ
            ส่งท้ายปีเก่าย่างสู่ปีใหม่ จิตใจเราเข้มแข็งมากขึ้นเพียงใด เป็นคำถามที่เราน่าจะนำมาทบทวนมากกว่า ว่าชีวิตเราร่ำรวย มีเงินมีทองมากขึ้นเท่าใด? ชีวิตในปี 2020 ที่หลายฝ่ายบอกว่าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งใหญ่ เราจะมีพลังใจในการรับมือและอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้ดีเพียงใด บางครั้งเรารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง ทั้ง ๆ ที่เรานั้นมีอะไรมากกว่าผู้คนบนโลกนี้อีกมากมาย เรายังมีพระเจ้าอยู่เคียงข้างเสมอ ถ้าไม่ทำเป็นลืมพระองค์ แน่นอนในทุกชีวิตเรามักพบเจอกับภาวะการท้อแท้ หมดกำลังใจ เจ็บปวด วันนี้ขอนำเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนเกือบทั้งโลกผู้ที่มีชีวิตที่งดงามในยุคของเรานี้

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
“นิค วูจิซิค”แม้จะเกิดมาพิการโดยกำเนิด และถูกกลั่นแกล้งรังแกมาทั้งชีวิต แต่ “นิค วูจิซิค” นักสร้างแรงบันดาลใจผู้ไร้แขนไร้ขาชาวออสเตรเลีย ก็ยังยิ้มกว้างด้วยหัวใจทระนง ที่ไม่เคยพิการตามร่างกาย โดยความฝันสูงสุดของเขาคือ การจุดประกายความหวังให้คนทั้งโลก และปลุกเร้าพลังใจเข้มแข็งแก่ผู้สิ้นหวังอ่อนแอเจ็บปวดไร้หนทางชีวิต
ศรัทธาแรงกล้าที่มีต่อพระเจ้าเริ่มบ่มเพาะในใจตอนไหน
ตอนอายุ 15 ปี ผมอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลครั้งแรก ไปเจอบทหนึ่งที่บอกว่าพระเยซูสามารถรักษาคนตาบอดได้ ผมรู้สึกว้าวเลย!! ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมผมเกิดมาเป็นแบบนี้ ผมบอกตัวเองว่า ถ้าพระเจ้ามีแผนสำหรับคนตาบอด ก็น่าจะมีแผนการณ์สำหรับผม ถ้ามีคนให้แขนให้ขาผมก็เยี่ยม แต่ถ้าไม่ได้แขนขา ก็ขอให้เยียวยาหัวใจผม และให้ใช้ผมอย่างที่ผมเป็น ตอนนี้ผมมีความสุขมาก และมั่นใจว่าสวรรค์ก็รอผมอยู่
พลังศรัทธาทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
ผมกลายเป็นคนใหม่ที่รู้จักมอบความรักให้คนอื่น อยากจะแบ่งปันคุณค่า ทัศนคติ และความสุขให้ทุกคน เพราะความศรัทธาในพระเจ้าทำให้ผมเป็นผมได้อย่างทุกวันนี้
คุณยิ้มตลอดเวลา เคยมีวันร้าย ๆ บ้างไหม
ชีวิตผมก็มีทั้งขึ้นและลง เมื่อ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา มีสิ่งที่เกิดในชีวิต ทำให้ล้าและเหนื่อยมาก ตอนนั้น ผมเพิ่งคบกับภรรยาไม่นาน ผมร้องไห้เยอะมาก มีการวางแผนบางอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ผมบอกแฟนว่าผมถังแตก เธอตอบทันทีว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหางานทำเลี้ยงคุณเอง ผมประทับใจในตัวเธอมาก และรู้เลยว่าเธอรักผมแค่ไหน

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
เวลาเหนื่อยหรือท้อแท้ มีวิธีสร้างพลังใจอย่างไร
ผมจะอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลซ้ำ ๆ มีหลายบทที่อ่านแล้วได้พลังกลับมา วิธีให้กำลังใจตัวเองดีที่สุดคือการออกไปช่วยเหลือผู้อื่น แล้วคุณจะได้ความสุขแบบที่เงินซื้อไม่ได้ กำลังใจจากครอบครัวก็สำคัญ พ่อแม่ผมทำให้เห็นว่าบ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด น้องชายผมก็ช่วยเหลือผมทุกอย่าง ไม่ว่าผมเจออะไรร้าย ๆ ก็จะนึกถึงคนคนหนึ่ง เขาเป็นคนป่วยใกล้ตาย เป็นโรคกล้ามเนื้อลีบไม่สามารถทำอะไรได้ ผมเจอเขาตอน 2 ปีก่อนเสียชีวิต เขายิ้มตลอดเวลา แม้จะขยับตัวไม่ได้เลย พูดก็ไม่ได้ เขาก็ยังแบ่งปันเรื่องราวและให้ความหวังแก่คนป่วยใกล้ตายผ่านทางเว็บไซต์ เขาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมลุกขึ้นพูดเพื่อจุดประกายความหวังให้คนอื่น เป็นคนต้นแบบที่ไม่มีวันลืม           
ช่วยแบ่งปันแรงบันดาลใจ และจุดประกายความหวังให้คนท้อแท้หน่อย
คนเราไม่ต้องมีความกล้าที่จะเอาชนะ แต่ต้องกล้าลองเสี่ยงแม้จะล้มเหลว เพราะก่อนจะประสบความสำเร็จ คนเราต้องล้มเหลวมาก่อน อยากให้เปลี่ยนอุปสรรคเป็นโอกาส พยายามฝันให้ไกล และอย่ายอมแพ้ ผมหวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวชีวิตของผม ได้เห็นความรักของผม และความหวังยิ่งใหญ่ ทุกคนถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง พระเจ้ารักคุณนะครับ ถ้าคุณเปิดรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต คุณก็จะสามารถทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ พระเจ้าทำให้ผมมีความมั่นใจที่จะดำรงชีวิตอยู่ ผมไม่ใช่คนยิ่งใหญ่จากไหน พระเจ้าเป็นแบบอย่างของผมในการรับใช้ผู้อื่น และรู้จักให้อย่างไม่หวังผลตอบแทน สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตผม เกิดจากการสวดมนต์ และพลังศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ทำให้ผมรักคนอื่นด้วยความจริงใจ สำหรับคนที่ประสบปัญหาชีวิต ก็อยากให้เปิดใจรับพระเจ้า เงินไม่สามารถทำให้หัวใจงดงามขึ้นได้ งานหรือชื่อเสียงก็ไม่มีคุณค่าใด ๆ ที่งานศพของผมจะไม่มีใครพูดว่าผมทำอะไรไปบ้าง แต่จะพูดว่าผมเป็นใคร คุณเป็นใครสำคัญกว่าคุณได้ทำอะไรมา ผมบอกตัวเองทุกวันว่าต้องเป็นคนอย่างที่เป็นอยู่ ผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ แต่ทุกวันผมต้องให้อภัยมากขึ้น รู้จักให้คนอื่นมากขึ้น และไม่เห็นแก่ตัว ไม่หลงไปกับชื่อเสียงเงินทอง (ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต)

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ขอให้เราเริ่มต้นชีวิตในปีใหม่ด้วยแรงบันดาลใจของ “นิค” เพื่อเป็นตัวอย่างในการก้าวสู่ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดด แล้วเราจะได้พบกับความสุขในชีวิตทุกช่วงเวลา อีกทั้งสามารถที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ ไม่หลงใหล ไม่มึนงงในดงสมัยใหม่แต่ยึดมั่น มั่นคงในความดีงามตลอดไป พรที่สำคัญยิ่งอยู่ที่หัวใจอันแข็งแกร่งของเราแต่ละคน ขอสุขสวัสดีจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน...

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ว่างเพื่อวาง


ว่างเพื่อวาง
ในหลายครั้งของชีวิต มีเรื่องราวที่มักคาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นได้เสมอ กับบางคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาวันหนึ่งกลายเป็นพระเอกนางเอกเข้ามาทำให้ชีวิตพบกับความงดงาม บางคนที่เคยเห็นว่าแสนดีกลายเป็นมารร้ายทำเรื่องที่คนทั่วไปยังไม่กล้าทำ ทำให้รู้สึกผิดหวังหดหู่ เป็นขยะอารมณ์รบกวนจิตใจทั้งวัน แต่..ก็เป็นเราเองที่ไปเก็บนำขยะเหล่านั้นมาให้รกใจมิใช่หรือ? เช่นเดียวกันเราเองก็อาจจะทำให้บางคนเกิดความไม่สบายใจได้ด้วยเหมือนกัน เราแต่ละคนล้วนมีพื้นที่ที่จะสร้างความงามและความทรามได้เช่นกัน แต่สำหรับพระเจ้ามีแต่ความงามให้เราเสมอผ่านทางสิ่งสร้างทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้คือแหล่งที่จะทำให้จิตใจเรามีที่ว่างพอเพื่อให้เกิดสันติในจิตใจได้ ทำให้เราเห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ยังคงอยู่เป็นนิรันดร์


ณ ริมแม่น้ำ เมืองโบราณฟ่งหวง (เมืองหงส์) เขตปกครองตนเองของชนเผ่าน้อยถู่เจียง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูหนาน เมืองโบราณหงส์นี้ตั้งอยู่กลางหุบเขาและมีแม่น้ำถั่วเจียง แม่น้ำที่ใสสะอาดไหลผ่าน สองฝั่งแม่น้ำมีบ้านแบบโบราณที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันบนริมแม่น้ำ เป็นภาพที่สวยงาม ได้มีโอกาสไปนั่งชื่นชมดื่มด่ำจนกลายเป็น ‘พื้นที่’ ที่เอื้อต่อการครุ่นคิดทบทวนถึงสิ่งต่าง ๆการใคร่ครวญชีวิต เป็นหนังสือประเภทที่จะหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อต้องการขบคิดถึงอะไรบางอย่าง เป็นทัศนียภาพที่ปลอดโปร่งโล่งกว้างพอจะหาคำตอบได้ และตรงนั้นเองจึงเป็นที่มาของการทบทวนชีวิตที่กำลังจะผ่านพ้นไปอีกหนึ่งรอบปี พื้นที่ชีวิตเรามีที่วางเพิ่มขึ้นหรือรกรุงรังมากกว่าเดิม มีการจัดระเบียบของวิถีชีวิตเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่นบ้างมากน้อยแค่ไหน??? สายน้ำไหลผ่าน สายน้ำที่ใสสะอาดแห่งนี้เป็นเงาสะท้อนให้ย้อนถึงความงามของวันเวลา


ขวบปีที่ผ่านมาชีวิตที่ถูกมัดรัดให้อยู่กับความวุ่นวาย ไล่ล่าหามันเสมือนนั่นคือที่สุดของการมีชีวิตความเป็นมนุษย์ หลายครั้งที่เราจมอยู่ในภาวะที่ว้าวุ่น หลายเวลาที่เครียด สับสน พาลให้หมดเรี่ยวหมดแรง จนไม่อยากจะทำอะไร เพราะสิ่งที่เราได้กลับมา บ่อยครั้งกลับไม่มีคุณค่าอะไรเลย และแล้ว...พอหายเหนื่อย ความวุ่นวายเดิม ๆ ก็หวนกลับมาหาอีกครั้งและอีกครั้งวนเวียนอยู่เช่นนี้ เรากำลังถูกกระแสแห่งความฟุ่มเฟือย เรื่อยเปื่อย มาเบียดบังความโล่งความว่างจนไม่สามารถที่จะปล่อยวางลงได้เลย กระแสของการบริโภคจนเกินตัว จับจ่ายซื้อของเกินความจำเป็น ซื้อมาเพื่อเก็บมิได้ซื้อมาเพื่อใช้สอยให้เกิดประโยชน์ ของมูลค่าเป็นพันแต่เราใช้งานเพียงไม่กี่บาท บ้าน ห้องพักห้องนอน เต็มไปด้วยสิ่งของเกินไปจะก้าวเดินยังลำบาก พื้นที่จึงไม่มีที่ว่างพอสำหรับคนอื่น เรามีชีวิตอยู่เพื่อแข่งขันกันมีมากกว่าแข่งขันกันดี
แท่งปูนที่ถูกปูให้เป็นเสมือนสะพานข้ามฝั่งกลางลำน้ำถั่วเจียงเดินได้ทีละคน เมื่อสวนทางกันก็หยุดหลบหลีกให้กันและกัน สะพานนี้จึงเป็นสะพานน้ำใจให้ก้าวผ่านแม่น้ำที่กว้างใหญ่จากฝั่งสู่ฝั่ง สอนให้ได้หยุดเพื่อคนอื่นบ้าง หยุดเพื่อให้เกิดที่ว่าง หยุดเพื่อทักทายยิ้มให้กัน หยุดเพื่อเก็บความทรงจำอันงดงามช้าลงนิดชีวิตพบกับสันติสุขกลางลำน้ำเชี่ยว การช้าลงทำให้เราได้พื้นที่มากขึ้นและก้าวข้ามไปอย่างมั่นคง

โลกนี้คือสถานที่ของการปฏิบัติการงานอันเป็นคุณความดีในวันที่มีลมหายใจอยู่ มิใช่หรือแท้จริงแล้ว การมีลมหายใจคือ ความว่างเปล่าที่มีชีวิต ความอยากได้อยากมีอยากเป็นที่หนึ่งอยากเหนือคนอื่น ทำให้พื้นที่ว่างกลายเป็นที่อัดแน่นด้วยความโลภ ความหลง พื้นที่ของชีวิตจึงเต็มไปด้วยสิ่งของที่ไร้ค่าก่อให้เกิดเศษขยะทางอารมณ์และความรู้สึกที่ร้าย ๆ ไม่รู้จักที่จะผ่อนไม่รู้จักที่จะหยุดคิด หลบหลีกเราชอบเก็บสะสมสิ่งไม่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา
พื้นที่ของชีวิตเราหากไม่รู้จักจัดระเบียบให้เรียบร้อย ไม่มีพื้นที่ว่าง ๆ สำหรับพักใจบ้าง ก็จะทำให้ชีวิตของเราดูสับสนวุ่นวาย เรามาช่วยกันจัดเก็บพื้นที่ของชีวิตให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้มีพื้นที่ว่าง ๆ ไว้สำหรับเก็บความสงบ เพื่อเพิ่มพื้นที่สันติสุข เก็บแต่สิ่งดี ๆ เป็นพื้นที่ว่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขสงบภายใน จัดระเบียบอารมณ์เพื่อเพิ่มความรู้สึกนึกคิดที่ดีต่อกัน จัดระเบียบการจับจ่ายเพื่อให้เกิดความพอเพียง เก็บกวาดความแค้นเคือง เพื่อเป็นการผ่อนจิตใจ เมื่อจิตใจสงบ ก็จะมีพื้นที่ขยับขยายออกไปเพื่อเพิ่มที่ว่างให้กับคนรอบข้าง ก้าวข้ามฝั่งไปด้วยกัน หากจิตใจไม่สงบพื้นที่ในใจเราก็จะแคบจนไม่มีใครเข้าถึงได้


สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชิญชวนเราผู้ที่มีศรัทธาในองค์พระคริสตเจ้าไม่ให้หันเหความสนใจไปกับสิ่งภายนอก แต่เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับพระเยซูคริสต์ “มอบความสุขและสันติสุขแก่กันและกัน” ใช่หรือไม่ ในค่ำคืนนั้นไม่มีที่ว่างกลางเมืองสำหรับการบังเกิดของพระกุมาร แต่กลับมีที่ว่างในหัวใจของหลายคนกลางทุ่งเลี้ยงสัตว์ ที่ทำให้การประสูติมาขององค์พระผู้ไถ่สมบูรณ์ ในวันนี้หัวใจเรายังมีที่ว่างเพื่อจะวางความรักและสันติสุขมากน้อยแค่ไหน ยังคงมีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ชื่อเสียงตำแหน่ง การยกยอ เพื่อจะเก็บถ้วยรางวัลให้ล้นห้องหับอยู่หรือเปล่า? ในหัวใจเรายังเต็มไปด้วยความคิดแค้น โกรธเคืองเป็นไฟเผาจนทำให้ที่ว่างนั้นกลายเป็นซากร้างเปล่าไร้ประโยชน์หรือไม่?หัวใจเรายังเต็มไปด้วยสิ่งสร้างที่ไร้คุณค่ามากน้อยแค่ไหน? แท้จริงแล้วคริสต์มาสคือการมีที่ว่างเพื่อปล่อยวางและเป็นที่ว่างให้ทุกคนจะได้พักพิง และถ้าทำให้ทุกวันเป็นวันคริสต์มาสได้ สันติสุขจะบังเกิดกับเราทุกคนอย่างแท้จริง

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ผ่านสู่ความชื่นชม


ผ่านสู่ความชื่นชม
เมื่อย่างเข้าสู่ฉางชา เมืองเอกของมณฑลหูหนาน ประเทศจีน นับเป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนประเทศที่กว้างใหญ่และผู้คนมากมายแห่งนี้ จากที่เราเคยได้ยินมากับหู ฟังการเล่าขานถึงความลำบาก ที่แสนติดตาตรึงใจจนกลายเป็นฝันร้ายของใครหลายคนที่เคยมาเยือน โดยเฉพาะเรื่อง “ห้องสุขา”  วันนี้ปรากฏว่าไม่มีอีกแล้วตามเสียงลือเสียงเล่าขานอันนั้น สะอาดสะอ้าน ไร้กลิ่น แต่ที่ยังหลงเหลืออยู่พอสมควรคือการสูบบุหรี่ไม่เป็นที่เป็นทาง เข้าใจได้ที่ประเทศจีนค่อนข้างหนาว บุหรี่จึงเป็นเครื่องบรรเทาได้พอสมควร ความเป็นระเบียบในเรื่องนี้ต้องรอเวลา ตามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า อีก 3 ปีจะไม่มีคนจนในจีนอีกต่อไป แต่สำหรับเรื่องมารยาททางสังคมของชนชาวจีนนั้น ขอเวลาอีก 30 ปี รับรองว่าจะไม่น้อยหน้าญี่ปุ่นแน่นอน คนจน 400 ล้านคน ผู้นำจีนขอเวลาแค่ 3 ปีเพื่อแก้ปัญหา แต่เรื่องกิริยานิสัยทางสังคมคือสิ่งที่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกนั้น จำเป็นต้องขอเวลานานสักหน่อย เพราะเขายอมรับความจริงว่าไม้แก่ดัดยาก จึงจำต้องใช้เวลาหล่อหลอมเยาวชนคนรุ่นใหม่ และคนกลุ่มนี้ก็จะเป็นพลเมืองกลุ่มใหญ่ในอนาคตข้างหน้าที่เต็มไปด้วยคุณภาพ



สิ่งที่เห็นต้องนับถือว่าผู้นำประเทศรู้จักวิธีการ ที่จะค่อย ๆ ปลูกฝังระเบียบวินัย โดยอาศัยเทคโนโลยีและเครื่องมือในการช่วยฝึกฝน การเข้าแถวขึ้นรถไฟ ขึ้นรถประจำทาง ต้องเข้าแถวรอสัญญาณว่าพร้อมจะให้รูดบัตรแตะตั๋วเข้าไป ผิดเวลาเพียงนาทีก็ต้องเปลี่ยนตั๋วรอรอบอื่นต่อไป การใช้เงินก็ผ่านการจ่ายด้วย QR Code เสียเป็นส่วนมาก ในขณะที่พ่อค้าแม่ขายยังมีเครื่องชั่งแบบโบราณ แต่มี Code รับเงิน การรักษาวัฒนธรรมของตัวเองให้แข็งแกร่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ถ้าหากใช้คนควบคุมคนที่มีจำนวนมากย่อมต้องมีการต่อรอง การทุจริตก็เกิดขึ้น เราเห็นคนหนุ่มคนสาวจีนเริ่มแต่งตัวมีสีสันมากขึ้นแต่หาได้น้อยที่จะแต่งตัวแบบเซ็กซี่ จะว่าอากาศหนาวก็คงไม่ใช่ทั้งหมด มีการสร้างเขตเมืองใหม่ มีสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ ที่ดูเป็นระเบียบ ตามสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย ทางด่วนเสาสูงเสียดเขาที่เห็นในภาพ ก็มีโอกาสได้สัมผัสของจริง ที่ทำเสาสูงคือไม่ต้องทำลายภูเขาป่าไม้ แม้จะมีเจาะอุโมงค์บ้างทุกอย่างยังคงรักษาสภาพให้เหมือนเดิม  โรงแรมที่พักบางแห่งสะดวกสบาย บริการดีแม้จะพูดคุยติดต่อผ่านเครื่องแปลภาษา สมกับการที่ผู้นำของเขาประกาศว่า ประเทศจีนมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่มาช้านาน จะต้องเป็นมหาอำนาจที่ทั่วโลกยอมรับ และจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกดูแคลนหมิ่นศักดิ์ศรีว่าเป็นประเทศไร้อารยธรรมอีกต่อไป

แน่นอนว่านี่เป็นการมอง ชม เพียงไม่กี่วัน เห็นในส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ยังคงไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมายนัก แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เรารู้ว่า คนเรานั้นหากปรับเปลี่ยนตัวให้ทันยุคทันสมัยโดยไม่หลงลืมรากเง้าเดิมนั่นทำได้ และถ้ารู้จักปรับประยุกต์ใช้ ความสุขความชื่นชมยินดีจะบังเกิดขึ้น หลักการหนึ่งที่ผู้นำประเทศนำมาใช้คือการวางแผนเพื่อเตรียมผู้คนให้สามารถพัฒนาตัวเองได้ โดยตั้งเป้าหมายว่า ปลายศตวรรษที่ 20 จะสร้างให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ในระดับมีกินมีใช้ สร้างสรรค์สังคมให้มีกินมีใช้ทั่วทุกด้าน และชี้นำด้วยทัศนะการพัฒนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อปฎิรูปเศรษฐกิจการตลาดอย่างรอบด้าน โดยค้นคว้าและประสานหลักการของผู้นำในอดีตที่ผ่านมาทั้งสามรุ่นนำมาใช้ด้วยกัน จึงก่อให้เกิดการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่าประเทศที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ได้มีการเตรียมทางให้กับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ตกยุคตกสมัย
แม้ว่าการใช้เครื่องมือสมัยใหม่มาสร้างระบบเพื่อให้เกิดระเบียบ แต่ในวันที่ระบบเกิดล่ม จิตใจของผู้คนต้องมั่นคงพอที่จะยอมรับ และอยู่ร่วมกันได้อย่างเห็นอกเห็นใจ มีเหตุการณ์หนึ่งที่ประสบพบเจอ ระบบการออกตั๋วรถไฟในเมืองฉางชาล่มเป็นชั่วโมง ผู้โดยสารต้องยืนเข้าแถวรออย่างยาวนาน จึงเกิดอาการไม่พอใจหงุดหงิด เข้าไปต่อว่ากดดันเจ้าหน้าที่ สิ่งที่เห็นคือเจ้าหน้าที่พยายามอธิบายเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่สามารถจะระงับความโกรธนั้นได้เลย จนถึงกับต้องเสียน้ำตา ไหนจะเหนื่อยไหนจะเครียดเมื่อต้องรองรับอารมณ์ของผู้คนมากมาย เมื่อทุกคนเห็นน้ำตาของเจ้าหน้าที่สาวอารมณ์ที่แข็งกระด้างก็อ่อนลง และเข้าใจในภาวะเช่นนี้ที่ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากรอการแก้ไขจากส่วนกลาง ใช่หรือไม่ จะอย่างไรเสียเครื่องก็ไม่มีหัวจิตหัวใจรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนได้เท่ากับคน เอไอที่ว่าเลิศก็ไม่ประเสริฐเท่ากับจิตใจของคนไปได้ สิ่งนี้ต้องผ่านการฝึกฝน ต้องอดทน ผ่านความทุกข์ยาก ผ่านความลำบาก ผ่านวันเวลา ไม่ใช่ผ่านการป้อนข้อมูลวิเคราะห์สังเคราะห์เพียงเท่านั้น หลักการหรือจะสู้หลักธรรมได้ นี่คือชีวิตที่งดงาม และจะได้รับความชื่นชมยินดีในที่สุด



เราเห็น เราชื่นชมวิธีการพัฒนาของผู้อื่น เราก็ต้องมาย้อนถามว่า วันเวลาผันเปลี่ยน โลกเปลี่ยนแปลงไป เราได้เตรียมตัวเตรียมใจ ฝึกฝนตัวตนเพื่อสร้างความชื่นชมยินดีให้กับผู้ใดบ้าง หรือเรายังจมอยู่ในโลกส่วนตัว คิดเห็นแต่ตนเองฝ่ายเดียวอยู่หรือเปล่า โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจที่จะเอาวัฒนธรรมและธรรมชาติของท้องถิ่น น้ำใจของชุมชนมาผสมผสานกับความสร้างสรรค์ยุคใหม่ ความชื่นชมยินดีนั้นจะสมบูรณ์ต้องมาจากกลุ่มชน มิใช่เพียงแค่ลำพังคนเดียว....

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เวลาแห่งรัก


เวลาแห่งรัก
มีความรู้สึกว่าเราเพิ่งฉลองคริสต์มาสผ่านมาเอง แป๊บเดียวเรากำลังจะฉลองกันอีกแล้วหรือ??? วันเวลาผ่านมาแล้วผ่านไปรวดเร็ว เร็วจนหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างหลัง เดือนสุดท้ายของปีวนเวียนมาอีกรอบ สิ่งต่าง ๆ รอบข้างกายเปลี่ยนแปลงไป มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น เปลี่ยนเร็วจนไม่มีเวลาจะจดจำของเก่าก่อน ทุกสรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนไป แต่หัวใจคนเรานั้นมั่นคงเปลี่ยนไปหรือไม่ สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในหนทางธรรมมีความดีเป็นเข็มทิศ แม้จะมีสิ่งเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดก็มิอาจจะหวั่นไหว และมักจะหวนกลับไปสำรวจตรวจสอบตัวตนเสมอ ๆ ปราชญ์กรีกโบราณ โสเครติส กล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่ถูกสำรวจตรวจตราไม่ใช่ชีวิตที่น่าอยู่” ชีวิตก็เหมือนเส้นทางที่ยังคงต้องสำรวจ เรามีเวลา 70-80 ปี บางคนก็สำรวจทุกซอกทุกมุม บางคนก็ไม่สำรวจมันเลย การสำรวจไม่ได้แปลว่า   จะชอบสิ่งที่พบเห็นตามทาง   แต่ก็อาจมีโอกาสพบเห็นเรื่องที่มีสีสันระหว่างทาง การสำรวจเส้นทางนี้คือ “การใช้ชีวิต” นั่นเอง


ผู้คนในสังคมวันนี้จะมีคนที่คอยสำรวจตัวตนมากน้อยสักเพียงใด เราส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปกับเวลาและลู่ไปตามกระแสแห่งโลกวัตถุ โลกบริโภค ที่ฝังและยัดเยียดให้เราเดินไปในเส้นทางนั้น  เสนอความสุขแบบจอมปลอม จนทำให้สูญเสียความงามในชีวิตไปก็มาก ทำให้หลงทาง สร้างให้เราเป็นคนเก่งที่เห็นแก่ตัว เพื่อสร้างโลกแห่งการแข่งขันแล้วเรียกมันว่า “การพัฒนา” แอบอ้างคำสอนแห่งความยากจนด้วยการย้อนแย้งให้เสพสิ่งสวยงามของเปลือกวัตถุภายนอก ทั้งหลายทั้งปวงคือการหลอกล่อให้เราถอยห่างจากความรักที่แท้จริง แล้วก็ใช้มาตรฐานเชิงเศรษฐศาสตร์มาวัดค่าผลได้ผลเสีย “วัดจุดคุ้มทุน” นี่เป็นมาตรวัดที่ถูกต้องแล้วหรือ? บางทีเราก็พยายามสร้างตนเองเพื่อให้ได้มาตรฐานตามกระแสโลกโดยมิได้เหลียวแลคนอื่น ประเภทว่า “เก่งคนเดียว ดีอยู่คนเดียว” ในโลกแห่งความเป็นจริง บางสิ่งแม้อาจจะดูว่าไม่สมบูรณ์แต่มีความสุข และก้าวเดินหน้าอย่างสันติสุขมากกว่าการเดินบนความสำเร็จเพียงลำพัง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเกาะอยู่แห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน ความสุข ความเศร้า ความรู้และอื่น ๆ รวมไปถึงความรักด้วย
วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า “เกาะกำลังจะจม ดังนั้นทั้งหมดจงเตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ” มีแต่ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะ ‘ความรัก’ ต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย เพื่อช่วยเหลือทุกความรู้สึกให้ปลอดภัย
 เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว ‘ความรัก’ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้าง ‘ความรวย’ แล่นเรือผ่านมา ความรวยได้ตอบว่า
            “ไม่ได้หรอกฉันรับเธอไม่ได้ เพราะเรือฉันหน่ะเต็มไปด้วยทองคำและเงินแล้ว จึงไม่มีที่ว่างให้เธอ"
ความรักจึงตัดสินใจจะถาม ‘ความเห็นแก่ตัว’ ซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วยเรือลำงาม “ความเห็นแก่ตัว ช่วยฉันด้วย” ความรักร้องขอ
“ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก ความรักคุณหน่ะเปียกทั้งตัว มันจะทำให้เรือฉันเปียกไปด้วย”
‘ความเศร้า’ ได้พายเรือเข้ามา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก  “ขออนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณด้วยนะ”
“โอ้...ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลย ฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ” ความเศร้าตอบ
‘ความสุข’ ได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงร้องเรียกขอความ ช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่กำลังสุข แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง” เป็นเสียงของคนแก่คนหนึ่ง
ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมากจนลืมถามว่าใครคือผู้ใจดีคนนั้นเมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น ความรักจึงถาม ‘ความรู้’ และคนแก่อื่น ๆ
“ใครกันเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน” ความรู้ตอบว่า “เวลา”
ความรัก “แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันได้หล่ะ” ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตนเอง แล้วตอบกลับมาว่า

ก็เพราะว่ามีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน...”
บางทีชีวิตที่ผ่านมา เวลามักนำความรักมาให้ชีวิตเสมอ แต่เป็นเราเองที่มองไม่เห็นค่าของความรัก ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามาบดบัง โดยเฉพาะความรู้สึกแห่งยุคสมัยใหม่ ที่มองค่าความรักเป็นเพียงแค่ความ ‘คุ้ม ไม่คุ้ม’ เวลาที่เหลืออยู่ เวลาที่มีอยู่ ลมหายใจที่เข้าออก ได้บอกให้เราใช้เส้นทางชีวิตอย่างไร? ใช้เวลาสำรวจตรวจสอบตัวเองบ้าง เพื่อว่าเราจะได้รอดพ้นจากเกาะที่กำลังจะจมลงไปพร้อม ๆ กัน บางทีชีวิตที่ประสบความสำเร็จคือชีวิตที่มีความรัก ความเมตตา ความรู้  ความเข้าใจโลก ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่สร้างปัญหาให้ใคร ไม่เบียดเบียนใคร ทำให้สังคมดีขึ้น แล้วเวลาจะทำให้ความดีงามของเรางอกงามขึ้นในชีวิตของคนอื่นโดยไม่ต้องไปเอ่ยอ้าง.....