วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ด้วยใจดวงนี้


ด้วยใจดวงนี้
เช้าวันพุธ 08.45 น. ท่ามกลางผู้คนมากมายบนรถไฟฟ้า เป้าหมายข้างหน้าคือโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตามนัดหมายกับคุณหมอ ท่ามกลางระบบรถไฟฟ้าที่ขัดข้องมาสองวัน วันนี้จะเกิดขัดข้องขึ้นอีกไหม!!! ใจลุ้นระทึก เช็คข่าวแต่เช้า เหตุการณ์ปกติ แต่แล้ว...เมื่อขึ้นมาเห็นรถไฟจอดอยู่ รีบเข้าไปในขบวน ทันใดนั้นก็มีประกาศว่า ขณะนี้ระบบเกิดขัดข้องจะทำให้ขบวนล่าช้าไป 10 นาที หลายคนเดินออกจากขบวน ไม่นานรถก็ออก ในทุกสถานีรถจะจอดนานกว่าปกติ


09.15 น. ท่ามกลางคนไข้คนป่วยและญาติพี่น้องเต็มพื้นที่ ต่างรอตรวจรอพบหมอ หลายคนใจจดใจจ่อรอว่าเมื่อไรจะถึงคิว สำหรับคนที่เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำจะทำใจรอได้ ในแต่ละนัดแต่ละการตรวจอย่างน้อยจะต้องเสียเวลาครึ่งค่อนวัน หมอมีไม่กี่คนแต่คนเจ็บป่วยมากเหลือเกิน นี่คือความจริงของโรงพยาบาลของรัฐที่ให้สวัสดิการแก่คนทั่วไป 
09.45 น. ท่ามกลางการรอคอยอย่างมีความหวัง นั่งอ่านข่าวที่คนไทยทั้งประเทศต่างตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน แม้แต่คนที่นั่งรอข้าง ๆ ก็ยังถามไถ่ถึงความคืบหน้าของเด็ก ๆ ทีมฟุตบอล หมูป่า ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนนางนอน จ. เชียงราย ผ่านมา 4 วันแล้ว ก็ยังหากันไม่พบ หลายฝ่ายต่างระดมสรรพกำลัง เครื่องไม้เครื่องมือ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ฝนกระหน่ำลงมาทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น แต่ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นของทุกคนที่หวังว่าเด็กนักฟุตบอลทีมนี้จะปลอดภัย 


แต่ก็อีกนั่นแหละ...ท่ามกลางความห่วงใยของคนทั้งประเทศก็ยังมีบางคน บางข่าว โชว์เก่งโชว์กร่าง วิเคราะห์อวดภูมิ แถมยังมีบางคนพยายามเข้าไปถ่ายเซลฟี่ตัวเองต่อหน้าปากทางเข้าถ้ำ แทนที่จะช่วยชีวิตน้อง ๆ ที่กำลังประสบภัย กลับไปถ่ายรูปเล่นไม่น่าเชื่อว่าโลกเรามีคนประเภทไม่รู้กาลเทศะอย่างนี้มากมายเหลือเกิน ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยกับความบอบช้ำทางจิตใจของคนอื่น มีอีกบางส่วนเขียนข้อความถึงความทุกข์คนอื่นเพียงเพื่อขอให้คนบริจาคเงิน หากินกับความทุกข์ลำบากของคนอื่น จิตใจแบบนี้ไม่คู่ควรค่าความเป็นคน หลายคนก็ดิ้นรนเข้าไปเพื่อให้อยู่ในพื้นที่ เพื่อแสดงตัวตนว่าเจ๋ง เสียสละ มีจิตอาสา แต่ทำไปทำมากลับเป็นการขัดขวางทำให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทำงานไม่สะดวก หากเรามีจิตใจที่รู้จักกาลเทศะ มีจิตสำนึกความควรไม่ควร และวางตัวตนตามแบบที่ตัวเราเป็นยังจะดีเสียกว่า บางคนก็แค่อยากจะมีตัวตนบนโลกเสมือนจริง ทำอะไรก็ได้ที่ขัดแย้งกับคนอื่น เพื่อเรียกร้องให้คนเข้ามารุมเยอะ ๆ จะได้เป็นที่รู้จัก เรามีคนแบบนี้ในสังคมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นโรคจิตดิจิตอล


ใช่หรือไม่ ทุกเหตุการณ์ในโลกใบนี้ ต่างเกิดจากสิ่งเดียวเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เกิดทั้งสิ่งที่ดีงดงาม และสิ่งเลวร้ายถึงขั้นเสื่อมทรามนั่นคือใจคนเรานี่แหละ หากเราสามารถทำให้จิตใจเราคิดดีมุ่งสู่ความดี พลังดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น
สานุศิษย์ผู้หนึ่งเอ่ยถามอาจารย์เซนอู๋เต๋อว่า ท่านอาจารย์ คนเรามีหัวใจดวงเดียว เหตุใดบางครั้งจึงใจกว้าง บางครั้งจึงใจแคบ?
อาจารย์เซนมิได้ตอบคำถามข้อนี้ แต่กลับบอกกับสานุศิษย์ว่า ตอนนี้เจ้าจงหลับตาลง แล้วสร้างภาพกำแพงเมืองแห่งหนึ่งขึ้นมาในใจของเจ้า สานุศิษย์ผู้นั้นหลับตาลงและปฏิบัติตามคำของอาจารย์เซน จากนั้นสักครู่จึงกล่าวว่า กำแพงเมืองสร้างเสร็จแล้ว
อาจารย์เซนจึงบอกว่า เช่นนั้น เจ้าจงหลับตาต่อไป คราวนี้สร้างภาพเส้นขนเส้นหนึ่งขึ้นในใจ สานุศิษย์ทำตามคำของอาจารย์ เวลาผ่านไปไม่นาน จึงกล่าวว่า เส้นขนสำเร็จแล้ว
จากนั้นอาจารย์เซนจึงให้สานุศิษย์ลืมตา ทั้งยังเอ่ยถามว่า ยามที่เจ้าสร้างกำแพงเมืองขึ้นมาในใจ เจ้าใช้ใจของเจ้าสร้างมันเพียงคนเดียว หรือใช้ใจของผู้อื่นมาร่วมสร้างด้วย?
ใช้ใจของข้าเพียงคนเดียวสานุศิษย์ตอบ
 แล้วตอนที่เจ้าสร้างเส้นขนขึ้นมาในใจเล่า เจ้าใช้เพียงเสี้ยวหนึ่งของใจ หรือว่าใช้ทั้งหมดของใจในการสร้างมันขึ้นมา?
สานุศิษย์ตอบว่า ใช้ทั้งหมดของใจ
ยามนี้อาจารย์เซนจึงกล่าวว่า เจ้าสร้างกำแพงเมืองทั้งหลังก็ใช้ใจเพียงดวงเดียว หรือจะสร้างขนแค่เส้นเดียวก็ต้องใช้ใจดวงนี้ดวงเดียวเช่นกัน แสดงว่าใจเพียงหนึ่งใจนั้นสามารถใหญ่ได้ เล็กได้ แคบได้ กว้างได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะเลือกให้มันเป็นเช่นไร


แม้ในที่คับแคบเพียงใด แต่ใจคนยังสามารถกว้างใหญ่ได้เสมอ ในทางที่มืดมนหากหัวใจผู้คนฉายแสงสว่างกระจ่างใส ความสงบสุขจะเกิดขึ้น แล้วเราจะผ่านความเจ็บปวด ความบอบช้ำไปด้วยกันอย่างมีความสุขและเป็นความทรงจำที่งดงามของสังคมไทย และไม่ว่าเหตุการณ์ที่เด็ก ๆ ทีมนักฟุตบอล หมูป่า จะจบลงอย่างไร(ในวันที่เขียนยังไม่มีความคืบหน้า) แต่คนไทยทั้งชาติต่างแสดงให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ พลังที่เกิดจากใจแต่ละดวงของเราทุก ๆ คน ที่ไม่เคยทิ้งกันในวันที่ภัยมา หัวใจไทยยิ่งใหญ่เกรียงไกรเสมอ

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

บอลโลกบอกเรา


บอลโลกบอกเรา
มหกรรมฟุตบอลโลกเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมาได้สัปดาห์กว่า ๆ แล้ว โดยมีประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ละชาติแต่ละประเทศที่เข้ารอบมามี 24 ทีม ต่างหมายมั่นปั้นมือแสดงฝีเท้ากันอย่างเต็มที่ เรียกว่าดูแล้วสนุกสนานตื่นเต้น คนดูกูรูเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง คาดการณ์ว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะคว้าถ้วยคว้าแชมป์ไปครอง ในใจก็ได้แต่คิดว่า โปรดช่วยนั่งดูเพื่อความสนุกสนานอย่าไปอะไรกับกีฬามากนัก เพราะเป้าหมายแห่งการแข่งขันกีฬาระดับโลกก็เพื่อให้มนุษยชาติมีอะไรร่วมกันทำร่วมกันอยู่อย่างสันติ ที่สำคัญสุดอย่าให้คนในครอบครัวของเราไปข้องเกี่ยวกับการพนันขันต่อเป็นเด็ดขาด เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์อย่างแสนสาหัส การแข่งขันทุกชนิดกีฬาขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ดูเพื่อนำมาเป็นบทเรียน นำวิธีการแก้เกมมาแก้ไขปัญหาในชีวิต ให้ฟุตบอลโลก บอกเรานำเราสู่ทางออกจากทุกข์

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ในการแข่งขันรอบแรกทีมฟุตบอลของประเทศเยอรมนีที่ได้ครองแชมป์เมื่อครั้งที่แล้ว ต่างถูกคาดว่าจะได้เป็นแชมป์อีกสมัย แต่ผลการแข่งขันออกมากลับไม่ได้สดใสอย่างที่คิด คงต้องปรับเปลี่ยน ปรับแผนการเล่นกันในรอบต่อ ๆ ไป ใช่ว่าคนที่เคยรับชัยชนะต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป กว่าจะถึงชัยชนะที่สมบูรณ์แบบก็ต้องผ่านหนทางแพ้พ่ายบ้าง เสมอตัวบ้าง และด้วยการปรับตัว ปรับหัวจิตหัวใจของนักสู้จะช่วยกอบกู้ให้ไปถึงเส้นชัยได้ ส่วนคนที่คิดว่าตนเองเก่งตลอดนั้นมักไปไม่รอด จอดอยู่กลางทาง ในชีวิตจริงของเราก็ย่อมผ่านพ้นประสบการณ์เหล่านี้กันมาทุกคน บางครั้งบางคน เราคิดว่าเราเก่งแล้ว ฉลาดล้ำเกินกว่าใคร ๆ วิธีการของเรานี่แหละสุดยอด ทอดยาวจนเห็นเส้นชัยลาง ๆ แต่เอาเข้าจริงบางสิ่งกลายเป็นภาพลวงตา เดินไปก็ชนนั่นชนนี่ เพราะคิดในแนวเดียว ไม่เปลี่ยนแนวทางก็มีแต่ต่ำเตี้ย ต้องตายลงไป การยึดมั่นในตัวเองเกินไปไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยรอบตัวมักนำมาซึ่งความอับจน 
ในการทดลองหนึ่ง ที่ให้บทเรียนและสอนเราให้มีการปรับปรุงตัวเองเสมอ นักวิทยาศาสตร์จับผึ้งจำนวน 6 ตัว ใส่ในขวด และจับแมลงวัน 6 ตัว ใส่ในอีกขวดเช่นกัน จากนั้นวางขวดนอนลง โดยหันก้นขวดไปยังหน้าต่างที่มีแสงสว่างกว่าทางอื่น
ผลการทดลองพบว่า…กลุ่มผึ้งจะพยายามบินออกทางก้นขวด จนกระทั่งมันตายจากการขาดอาหารหรือว่าหมดแรง
ในขณะที่แมลงวัน จะบินวนอยู่ในขวดชนไปชนมา แต่ก็จะค่อยๆทยอยบินหาทางออกมาจากขวดได้ จากฝั่งคอขวด ที่อยู่ตรงกันข้ามกับก้นขวดซึ่งหันไปทางหน้าต่าง
ทำไมผลการทดลองจึงออกมาแบบนี้…

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผึ้งเป็นสัตว์ที่ฉลาด มีองค์ความรู้ พวกมันรู้ว่าหากบินไปในทิศทางที่มีแสงสว่างจะเป็นทางออกจากรัง แต่เมื่อมันต้องมาอยู่ในขวด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผึ้งไม่เคยประสบมาก่อนมันก็ยังคงเชื่อในความคิดแบบเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ต้องบินออกทางแสงสว่างเท่านั้นแต่สำหรับแมลงวัน เป็นสัตว์ที่ไม่มีความคิดเป็นตรรกะอะไร ดังนั้นเมื่อมันถูกจับไว้ในขวด มันจึงบินชนผนังขวดแกะทางไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับทางออก
การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า คนฉลาดก็สามารถที่จะพลาดพลั้งล้มเหลวได้ หากมีความรู้แต่ยึดติดกรอบเดิม ๆ ในขณะที่ผู้ไม่รู้ หากทำในสิ่งที่แตกต่าง ก็อาจประสบความสำเร็จได้เช่นกัน โลกวันนี้กว้างขึ้นมาก หากเรายังจมอยู่กับกรอบเดิมๆ เราก็ไม่สามารถไปไหนได้ และอาจจะหมดแรงหมดไฟในการสร้างสรรค์วันเวลาให้มีคุณค่า
อีกประการหนึ่งการทำงานเป็นทีม ร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์จะช่วยผลักดันให้งานเดินหน้าไปได้อย่างสวยงาม และพบทางออกในการแก้ไขปัญหาได้เสมอ การแก้ไขปัญหาก็ต้องใช้ปัจจัยหลาย ๆ อย่างเอื้ออำนวยกัน คนที่เป็นโค้ชข้างสนามต้องมีแบบแผนสำหรับเล่นเกมรุกและเกมรับ ในความจริงของชีวิตบางช่วงบางตอนต้องใช้แผนตั้งรับเพื่อรับมือกับความทุกข์ยากที่ถาโถมเข้าใส่ และต้องรู้จักลุกขึ้นสู้ในวันที่อ่อนแอ สิ่งที่เสริมสร้างพลังให้กันและกันได้คือแรงใจ เสียงเชียร์ หาใช่เสียงแช่งด่า โลกนี้จะน่าอยู่ได้ด้วยกำลังใจที่ส่งต่อให้กันและกัน

ภาพ : อินเตอร์เน็ต

 เราเห็นนักฟุตบอลหลายคนพยายามเล่นบอลด้วยทักษะคนเดียว มันอาจจะได้ผลในบางช่วงบางเวลา แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา ทักษะความชำนาญ ความฉลาดส่วนตัวถ้าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต้องใช้เพื่อให้ส่วนรวมได้เดินหน้าต่อไปด้วยกัน หาใช่โชว์เพื่อตัวเองฝ่ายเดียว ความมุ่งมั่นในชัยชนะคือแรงขับดัน ความศรัทธาในความเชื่อคือแม่แรงยกจิตวิญญาณให้ผ่องใสขึ้น ฟุตบอลโลกแข่งขันเพื่อแพ้เพื่อชัยชนะ แต่ชีวิตในโลกนี้ต้องแบ่งปันเพื่อสันติสุข เราเกิดมามิใช่เพื่อตัวเอง แต่ต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน ใยต้องคงความคิดตัวเองอยู่เสมอกันเล่าผู้คนยุคดิจิตัล

วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ธงแดงแฝงธรรมะ

ธงแดงแฝงธรรมะ
ถ้ามีความเชื่อชีวิตย่อมพ้นทุกข์ ถ้าวางใจย่อมรู้จักการปล่อยวาง และถ้ารู้จักที่จะจับจังหวะทุกย่างก้าวเป็น สติปัญญาก่อเกิดและควบคุมสภาพจิตใจให้สู่ความที่มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งได้ ลิ้นที่นิ่งสงบย่อมทำให้สมองปลอดโปร่ง นี่เป็นเพียงคำแนะนำที่กำลังพยายามทำให้เกิดขึ้นในการดำรงอยู่ของกายตนคนธรรมดาคนหนึ่ง เพื่อความสงบของจิตใจที่เคยแตกซ่าน ที่เคยกระวนกระวาย ทุรนทุราย ไปกับความโลภ โกรธ หลง วิตกกังวล และมองปัญหาเพียงมุมเดียว ทั้งที่หลายอย่างที่เห็นปรากฏเด่นเป็นสัญญาณว่า สิ่งนั้นอย่าดันทุรังทำ เพราะจะนำความทุกข์ยากมาให้ แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนผ่าน รู้จักนิ่ง รู้จักฟังบ้าง มองเห็นสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นไปตามครรลองที่ควรเป็นเสมอ


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ประจวบเหมาะกับสายการบินมีโปรโมชั่นในราคาที่ถูก เรียกว่าถูกกว่าการนั่งรถทัวร์มาก ขึ้นชื่อว่าเรื่องประหยัดเป็นงานถนัดของเรา ครั้นพอจองตั๋ว ได้วันเวลาลงตัวเรียบร้อย ก็ทราบข่าวว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นมีนัดผ่าตัดเล็ก ๆ ไม่สะดวกในการพบปะกันต่างฝ่ายต่างเสียดายโอกาส อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นทุกจังหวะของชีวิตถูกวางไว้ให้เราแล้ว ก็มีผู้ใหญ่ใจดีอีกท่านหนึ่ง ทำกิจการรีสอร์ทอยู่แถวหาดกะรน เคยเชิญชวนให้ไปพักแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยไปที่นั่นสักที ครั้งนี้เลยลองถามดูว่ายังจะพอมีห้องว่างบ้างหรือเปล่า???เนื่องจากเป็นวันธรรมดาและช่วงโลว์ซีซั่น เราจึงได้ห้องพัก ไม่ต้องทิ้งตั๋วราคาถูกนี้ไป ถือโอกาสนี้ไปพักผ่อนอีกคำรบหนึ่ง 



ยามเย็นฝนฟ้ากระหน่ำทำให้การบินไปภูเก็ตล่าช้า แต่แล้วเราก็มาถึงจนได้ โดยผู้ใหญ่ใจดีท่านนั้นจัดการให้มีรถมารับถึงสนามบิน (กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง) ดูจากแผนที่ระยะทางไม่ไกลนักแต่ถนนบนเกาะภูเก็ตและการจราจรในเมืองก็ติดใช่เล่น ทำให้เสียเวลาเกือบสองชั่วโมง แต่ด้วยความที่ห่างหายจากการมาเยือนถิ่นนี้นานพอสมควร หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป สองข้างทางจึงไม่ก่อให้เกิดความจำเจ เมื่อถึงยังที่หมาย โรงแรม Karona Resort & Spa หาดกะรน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ได้เข้าพักในห้องที่กว้างขวาง สวยงาม จากนั้นถือโอกาสลงมาเดินสำรวจบริเวณรอบ ๆ มีร้านอาหารทะเลหลากหลายร้านแต่ไม่ค่อยจะคึกคักนัก และด้วยว่าเป็นเวลากลางคืนเราจึงยังไม่เห็นชายหาดและท้องทะเล 


            เช้าวันถัดมาเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นความงามของท้องทะเลผ่านทางหน้าต่างห้องพักโดยมีต้นมะพร้าวเป็นฉากหน้า ช่างชวนให้ลงไปเดินเล่นเสียนี่กระไร ในฤดูฝนมรสุมเช่นนี้ คลื่นลมแรง บริเวณชายหาดจึงเห็นธงแดงโบกสะบัดทั่วพื้นที่ บริเวณหาดกะรนคนไม่มากนัก เราต่างเลือกมุมมองท้องทะเล และคลื่นลูกใหญ่ ๆ ที่สาดเข้าหาฝั่ง จนกลายหายเป็นฟองขาวบนหาดทราย ดังทะเลเจอมรสุมแปรปรวน ทุกคนล้วนมีชีวิตเป็นเช่นนั้น และไม่นานความทุกข์จะจางหายไป ความสดใสไหลเวียนมาอีกครา ในความรุนแรงมีความงาม ในความทุกข์มีความสุขแฝงอยู่ ยิ่งเมื่อเห็นธงแดงแรงตามลม เป็นสัญญาณว่าอย่าลงไปว่ายน้ำ อย่าหลงไปในความงามที่เป็นอันตราย บางสิ่งบางอย่างดูด้วยตาเห็นความงามไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าให้ได้มา บางสิ่งบางอย่างชื่นชมอยู่ห่าง ๆ อย่าได้เข้าไปเกลือกกลั้ว บนหนทางชีวิตดำเนินด้วยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น


นอกจากหาดกะรนยังมีโอกาสแวะเวียนไปหาดกะตะ หาดป่าตอง แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นแต่ก็พอจะมีนักท่องเที่ยวมานอนอาบแดดอยู่ประปราย เตียงตั้งว่าง ๆ เต็มชายหาด ดูแปลกตา สวยงามไปอีกแบบ และเช่นกันทุกหาดล้วนมีธงแดงเตือนห้ามไม่ให้ลงว่ายน้ำ ถึงกระนั้นก็ตามยังมีคนฝ่าฝืนที่จะลงไปเล่นน้ำ ว่ายน้ำอยู่บ้าง ทำให้ต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องเป่านกหวีดไล่ให้ทุกคนขึ้นจากทะเล เพื่อความปลอดภัย ในชีวิตจริงบางทีก็เป็นเช่นนั้นเราเห็นสัญญาณเตือนแล้ว แต่บางเวลาก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมฟังเสียง ต้องรอให้มีคนอื่นมาตักเตือนอีกครั้ง เช่น บางคนใช้ร่างกายแบบไม่บันยะบันยัง ทำงานหนักหักโหม ร่างกายออกอาการเตือนว่าไม่ไหวแล้วนะ ก็ไร้ผลจนวันหนึ่งต้องมานอนบนเตียงให้หมอรักษา ใช่หรือไม่ ความจริง ก็คือ ความจริง แต่ความจริงมักมีสามมุมเสมอ ความจริงในมุมของเขา ความจริงในมุมของเรา ความจริงในมุมของความจริง แล้ววันนี้เรายืนอยู่บนความจริงในมุมไหนกัน



ตลอด 2 วันที่ภูเก็ตท่ามกลางคลื่นลมแรง มีเวลาเดินเล่นบนชายหาดมีเวลานิ่ง ๆ มีเวลาพูดคุยกับคนร่วมชายคาเดียวกัน มีเวลารับฟัง มีเวลามองดูคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก ใช่เราต่างมีหน้าที่สร้างความสุขแท้จริงแห่งสวรรค์บนโลกนี้ ด้วยการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่นและกระทำความดี กิจการดีที่เรากระทำแม้ไม่มีใครเห็น ก็ก่อเกิดความสุขยิ่งใหญ่ลึก ๆ ในใจ นี่เป็นอีกหนึ่งเวลาที่ทำให้เราอยู่บนความจริงของชีวิต ที่มีเพียงสิ่งเดียวที่มั่นคงเสมอ นั่นคือรักของพระ ท้องทะเลนั้นกว้างนักหนาแต่รักของพระบิดาสุดขอบฟ้าลึกกว่าทะเล

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ฝนเม็ดนั้น (คำพูดนั้น)

ฝนเม็ดนั้น (คำพูดนั้น)
            ระหว่างเดินเล่นดูของในงานแห่งหนึ่ง ท้องฟ้ายามเย็นสีฟ้าเข้ม แต่แล้วจู่ ๆ หยดน้ำหยดหนึ่งร่วงหล่นมาปะทะใบหน้า เมื่อเงยขึ้นมองท้องฟ้าอีกที กลายเป็นก้อนเมฆดำปกคลุม ยังไม่ทันจะวิ่งเข้าหาที่หลบฝน สายน้ำจากเบื้องบนก็ไหลพรั่งพรู ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกิดขึ้นอีกคำรบหนึ่ง นี่เป็นสัญญาณว่า ฤดูฝนเริ่มต้นอีกวาระ สำหรับคนเมืองดูเหมือนจะไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับสายฝนมากนัก เพราะตกเมื่อไรติดเมื่อนั้น เทเมื่อไรท่วมเมื่อนั้น ความลำบากในการเดินทางบังเกิดขึ้น จากที่ใช้เวลานานอยู่แล้วต้องเพิ่มไปอีกเป็นเท่าตัว จะว่าไปคงไม่ใช่ในฤดูฝนอย่างเดียวกระมัง ที่ทำให้เราเกิดทุกข์ลำบาก เอาเข้าจริงแทบทุกวันด้วยซ้ำเราก็เผชิญกับความทุกข์ ไม่มีหรอกที่ไม่ทุกข์ เมื่อใดที่เจอความทุกข์ กัดฟันทนเอาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกข์สิ้น สุขย่อมเกิด ไม่มีงานใดที่ทำแล้วไม่เหนื่อย เมื่อใดที่เหนื่อยก็หาเวลาพัก พักแล้วก็หายเหนื่อย เพราะทุกข์จึงเรียกว่าชีวิต เพราะเหนื่อยคุณค่าจึงเกิดขึ้น แต่ละคนจะมีวิธีการและระบบจัดการกับความทุกข์นั้นอย่างไรที่จะไม่ให้ชีวิตต้องจมไปกับสิ่งนั้น


ในความเปลี่ยนแปลงของวันเวลาและสิ่งสร้างในโลกนี้รวดเร็วนัก หลายครั้งหลายหนเกิดคำถามในใจว่า วันนี้เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมี และอย่างง่ายดาย แต่เหตุไฉนหนอ เรายังไม่สามารถจัดการกับความทุกข์ยากในชีวิตได้ ใช่หรือไม่ สิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหล่านั้นมิอาจจะทำให้จริตจิตใจคนเราพัฒนาขึ้นได้เลย แถมกลับทำให้แคบลง ๆสวนทางกับความเปลี่ยนแปลงด้านวัตถุภายนอกอย่างสิ้นเชิง เรามีเครื่องมือสื่อสารให้ติดต่อปฏิสัมพันธ์กันอย่างง่ายดายและกว้างไกล ใยเรากลับเห็นคนป่วยทางด้านจิตมากขึ้น ยิ่งน่าตกใจคือ เราเห็นเด็กที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น เคยมีเด็กบางคนมาเล่าความทุกข์ให้ฟัง ส่วนใหญ่ปัญหาคือการพูดคุยกับเพื่อนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ไม่ค่อยจะเข้าใจ ต่างคนต่างพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดและติดยึด ไม่ฟังความคิดคนอื่น ต่างคนต่างยึดติด เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็รู้สึกเกิดความขัดแย้ง และด้วยความเป็นวัยรุ่นวัยที่ต้องอยู่กับเพื่อนฝูง เมื่อเกิดขัดใจกัน นี่จึงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับพวกเขา เกิดอาการคิดมากนอนไม่ได้กินไม่อิ่ม ปัญหาสุขภาพจิตก็ตามมา
บางทีการไม่ยอมรับกันและกันก็คือปัญหาของมวลมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย ปัญหาครอบครับในยุคปัจจุบันก็เช่นกัน สามีพูดอย่างภรรยาพูดอีกอย่าง แล้วเราก็ไม่ฟังกัน หรือ แค่ฟังผ่าน ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ การเอาตัวเอง เหตุผล และความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง มักนำมาซึ่งพายุแห่งความขัดแย้ง คำพูดที่รุนแรง เกิดภาวะกดดันที่ไม่อาจจะระบายก็มักจะไหลหลั่งออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง บางทีเราอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฝนกำลังตั้งเค้ามา และเมื่อฝนเม็ดแรกปะทะใบหน้า แทนที่จะหาที่หลบฝนเรากลับยืนจังก้าท้าทาย ความแตกแยกจึงเกิดขึ้น

ไม่ว่าคนเราจะพัฒนาเครื่องมือสื่อสารให้พูดได้เหมือนมนุษย์อย่างไรก็ไม่อาจจะมีคำพูดที่จะก่อให้เกิดความสุขได้เท่ากับคำที่ออกจากปากด้วยหัวใจของคนได้ เช่นกันคำพูดของเราหลายครั้ง ก็นำมาซึ่งความทุกข์ให้กับผู้อื่นได้ด้วยเหมือนกัน สรุปแล้วไม่ว่าเราจะใช้คำพูดออกมาในรูปแบบใด เราต้องหมั่นตรวจสอบว่าคำพูดของเรานั้นจะไม่ไปทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาอีกหนึ่งทุกข์ในโลกนี้ คำพูดที่ดูถูกกัน ใส่ร้ายกัน เกรี้ยวกราด ประชดประชัน ควรจะต้องลดลงในชีวิตเราบ้าง พูดแต่สิ่งดี พูดในสิ่งที่เราเชื่อว่าจะสร้างความสุขให้กับทุกคน และที่สำคัญ ฝึกที่จะไม่ใส่ใจในทุกคำพูดของคนอื่น มีปัญญาที่จะรับกับคำพูดที่แสดงถึงการก่อให้เกิดกิเลสและความโมโห มีเรื่องเล่าว่า
วันหนึ่ง...ในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของ โคลัมบัส ที่กษัตริย์สเปนจัดขึ้น ขุนนางที่หมั่นไส้ 'โคลัมบัส มานาน ก็กระแนะกระแหนโคลัมบัสด้วยเหตุผลเดิม ๆ
แค่เดินเรือออกไป แล้วพบแผ่นดินใหม่...ที่มันมีอยู่แล้ว ใคร ๆ ก็ทำได้!
โคลัมบัส ไม่โต้ตอบ... แต่หยิบ ไข่ต้ม ใบหนึ่งขึ้นมา
ท่านตั้งไข่นี้ให้ได้ซิ
ขุนนางรับไข่ต้มมาและพยายามตั้งไข่ให้ได้ แต่เมื่อปล่อยมือ ไข่ก็ล้มลงทุกครั้ง
ไม่มีใครตั้งไข่ได้หรอก ขุนนางยืนยันและท้าทาย หรือท่านตั้งได้ ?
โคลัมบัสรับไข่ต้มใบนั้นมาและเคาะเบาๆให้ไข่บุบจากนั้นเขาก็นำไข่ตั้งบนโต๊ะ...ไข่ใบนั้นไม่ล้มขุนนางโวยวายเสียงดังทันที แบบนี้ใคร ๆ ก็ทำได้!
โคลัมบัสยิ้มตอบสั้น ๆ ก่อนเดินจากไปว่า แล้วทำไมท่านไม่ทำ? (หนังสือ : ยังหายใจ ต้องไม่แพ้)

บ่อยครั้งคำพูดก็มักทำลายกันและกัน บั่นทอนกำลังใจกันและกัน คนที่ฉลาดและมีจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ความกดดันของคำพูดที่หมายจะทำร้ายเรา อย่าปล่อยให้คำพูดร้ายของคนอื่นมาทำให้ชีวิตเราเป็นทุกข์ และเช่นกัน อย่าให้คำพูดเราไปสร้างความลำเค็ญให้คนอื่น สร้างสังคมแห่งการสื่อสารด้วยคำพูดที่เราเชื่อว่าเป็นคำพูดที่ออกมาจากความจริงใจ คำพูดที่ปลอบโยน คำพูดที่สร้างความรักและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คำพูดที่เป็นดั่งหยาดฝนที่ชโลมหัวใจกัน แล้วผู้คนจะคลายจากความซึมเศร้า เพราะเรารักที่จะอยู่ร่วมกันในสันติสุข

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

กิน เกิน แก้

กิน เกิน แก้
ทำไม ยาลดความอ้วนจึงได้ขายดี และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนปัจจุบันไปเสียแล้ว??? จนกระทั่งมีการผลิตยาปลอมมาหลอกลวงผู้บริโภคกันมากมาย และเพิ่งมีการตรวจสอบทลายโรงงานกัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการขายกันอย่างเปิดเผย อยู่คู่กับสังคมสมัยสื่อใหม่เลยทีเดียว มองเห็นปรากฏการณ์อันนี้แล้วมานั่งคิดว่า ในวันนี้เรากิน เราบริโภคกันเยอะแยะ เรามีของให้เลือกรับประทานเข้าไปแบบไม่จำกัด เรามีเงินที่จะจับจ่ายกันพอใช้ได้เลยทีเดียว เมื่อกินมากความอ้วนจึงมาเยือน หรืออาจจะเป็นเพราะกระแสที่อยากจะหุ่นดีเหมือนดาราที่รีวิวอาหารเสริม ยาลดความอ้วนกันแน่ ทำให้นิยมลดหุ่น แทนที่จะใช้วิธีควบคุมปริมาณอาหารแต่กลับเลือกใช้วิธีรวบรัดตัดความ ใช่หรือไม่ แค่ทานเข้าไปเท่าที่ร่างกายต้องการแค่นี้เราก็มีรูปร่างสมส่วนแล้ว 
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
นักฟุตบอลอาชีพหลายคนแม้จะอายุมาก แต่ก็ยังรักษารูปร่างความฟิตไว้ได้ เช่น คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เวลาเขาจะกินอะไรก็ต้องคำนวณดูว่าวันนี้จะซ้อมหรือออกกำลังกายไปกี่ชั่วโมง พลังงานจะหมดไปเท่าไร จากนั้นก็กินอาหารที่ให้พลังงานเท่าที่คำนวณออกมา เรียกว่ากินเท่าไรสูญเสียถ่ายเทออกมาเท่านั้น หลายสโมสรกีฬาในต่างประเทศก็จะทำในลักษณะนี้ เพื่อควบคุมร่างกายของนักกีฬาให้มีความสมดุลอยู่เสมอ เป็นวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬา แต่เราไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ เพียงแต่เราต้องรู้จักที่จะควบคุมความอยากให้เป็น อะไรที่มันมากไปมันก็จะกลายเป็นส่วนเกิน ส่วนยื่นออกมา ประจวบเหมาะกับวันหนึ่ง ๆ ร่างกายคนยุคใหม่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว นั่งนิ่งทำงานหน้าเครื่อง มีเครื่องมือเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างทั่วถึง แค่นึกเล่น ๆ วันหนึ่ง ๆ เราเดินกันสักกี่ก้าว ไม่ต้องพูดถึงการออกกำลังกาย แล้วสิ่งที่กินลงไปในแต่ละวันนั้นจะสะสมอยู่เท่าไร ลองดูตัวอย่างจากเรื่องนี้ เห็นภาพชัดเจนขึ้น

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ได้พบกรงไก่ จึงพยายามจะสอดตัวเองผ่านซี่กรงเข้าไป แต่เป็นเพราะตัวเองอ้วนเกินไป จะสอดจะแทรกยังไงก็เข้าไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีการอดอาหารสามวัน ให้ลำตัวเล็กลงจนสามารถสอดลำตัวเข้าไปได้ในที่สุด แต่พอหลังจากกินไก่ อิ่มแปล้แล้ว ลำตัวพองขึ้น ไม่สามารถที่จะออกจากกรงได้ ก็เลยต้องเริ่มอดอาหารอีก สามวันจึงออกจากกรงได้ ในที่สุดก็คิดได้!! จึงปลงสังเวชกับความโง่ตัวเอง ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เป็นเพราะความอยากของปาก ที่แท้แล้วก็เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ชีวิตคนเราก็แปลก เร่งหาเงินมาเพื่อบริโภค เมื่อรู้ตัวอีกทีสิ่งที่เกิดขึ้นคือส่วนเกิน ก็ต้องเสียเงินเพื่อให้ส่วนเกินนั้นหายไป นอกจากนี้ในยุคสมัยใหม่เราก็เสพ บริโภคข้อมูลกันจนมากล้น มีแต่ปริมาณแต่ไร้คุณภาพ สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นส่วนเกินที่ทำให้ผู้คนเกิดอาการล้น ๆ เกิน ๆ อ่านเพียงผ่าน รู้เยอะแต่ไร้ลึก แข่งกันเพื่อโชว์มากกว่าเพื่อแชร์ ยิ่งเห็นมากยิ่งยากมาก เราจึงเห็นความขัดแย้งที่เกิดจากการเชื่อมั่นถือมั่นในข้อมูลของตนฝ่ายเดียว และยืนยันว่าความจริงนั้นคือพระเจ้าที่ใครมิอาจจะลบล้างได้ หากแม้มีใครหน้าไหนกล้าที่จะโต้แย้ง จะต้องถูกกล่าวหาอย่างไร้ความปราณี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความบาดหมางแบบไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน ท้าตีท้าด่ากันไปมา และยิ่งเมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลมีการพัฒนาสูงมากขึ้นเท่าใด เราก็ย่อมตกเป็นเหยื่อได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งในโลกออนไลน์ที่เราชอบดู ชอบอ่าน ชอบแชร์ ชอบกิน ชอบเที่ยว ข้อมูลเหล่านี้จะไหลหลั่งดั่งห่าพายุฝนมาให้เราเสพ ข้อมูลที่เรามีจึงกลายเป็นข้อมูลที่เราชื่นชอบเท่านั้น แล้ว...ใช่หรือไม่ ทุกสิ่งในโลกหาได้มีเพียงด้านเดียวเสมอไป สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ โลกนี้มีหลายมิติ อย่ามองอะไรเพียงด้านเดียว
นี่จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็น เมื่อมีฝ่ายที่เล็งเห็นช่องทาง และผลกำไรจากการชวนเชื่อในสื่อสมัยใหม่ หลอกให้กินหลอกให้ใช้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียผลกระทบต่อผู้อื่น เป็นความเห็นแก่ตัวที่ใช้สาธารณะให้เป็นประโยชน์ เกาะกลุ่มที่รับข้อมูลด้านเดียวนี้ แล้วใส่ ๆๆๆ ข้อมูลเข้าไป จนคนรับไม่มีเวลาตั้งตัว รับๆๆๆ จนกลายเป็นความจริงแห่งตนที่มากล้นเกินแก้ ทั้ง ๆ ที่การแก้ปัญหาหลายอย่างมันง่ายนิดเดียว นั่นคือ แก้ที่ต้นตอของปัญหานั่นแหละ ดังที่มีคำพูดที่กล่าวว่า หากไม่รู้ทางออก ก็กลับมาออกตรงทางเข้า

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
เมื่อมีมากเกินก็ต้องหาทางแก้ แล้วเราก็มักแก้แบบมักง่ายกันเสมอ ๆ การมีชีวิตสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ เราต้องรักตัวเองให้เป็น หากมีความสุขกับการกินก็ต้องมีวิธีในการรักษาสุขภาพร่างกายให้ปลอดภัยจากโรคภัย รูปร่างคนเราไม่เหมือนกัน ไม่ต้องทำให้เป็นแบบบล็อกเดียวกันทั้งโลก ถัดมาคือ เรียนรู้บริโภคให้เป็นและปันสู่คนอื่น เราแม้สละเลือดเนื้อเพื่อผู้คนอื่นไม่ได้ อย่างน้อยก็สละส่วนที่เกิน ลดความมากให้ส่วนนั้นไปเยียวยาและประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ และแม้เราจะไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่เสียสละต่อทุกคนแต่เราก็เป็นผู้พิทักษ์รักษ์โลกด้วยตัวของเราเองได้ แล้วสันติสุขของโลกก็จะบังเกิดขึ้นจากความรู้จักพอ ไม่เกิน ไม่ขาด ไม่ต้องแก้ ไม่ต้องไข