เราต่างก็โชคดี
ด้วยความที่มีอะไรให้ต้องทำต้องแก้ไขปัญหาอยู่หลายวัน
ทำให้บางคืนถึงกับนอนไม่เต็มตื่น อยากจะมีเวลาทำให้เรื่องนั้นเรื่องนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามใจปรารถนา
แต่ก็อีกนั่นแหละ ความสมบูรณ์หามีไม่ ตราบยังมีลมหายใจ มีแต่ความสุขใจเท่านั้นแหละที่เราพึงต้องพยายามสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นมาในชีวิต
การแก้ปัญหาอย่างดีที่สุด แก้ให้ได้ แม้อาจจะต้องเสียเวลาสักหน่อย ไม่ยอมพ่ายแพ้สิ้นหนทาง
เป็นที่มาของปัญญาและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ไม่จมอยู่กับความคุ้นชิน จนวนเวียนอยู่ในวงจรเดิม
ๆ ของชีพจรในโลกนี้
และด้วยความที่ว่าวันเวลาที่ผ่านมาในชีวิตทวีขึ้นทุกวัน
จะให้มีพลังทำงานเหมือนเมื่อครั้งวัยวานหนุ่มแน่นนั้นยากยิ่ง นั่งทำงานได้ไม่นานก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
พักบ้างทำบ้าง มีครั้งหนึ่งพักด้วยการออกมาเดินเล่นซื้อของกินที่ตลาดนัดแถวบ้าน
เห็นแม่ค้าพ่อขายขะมักเขม้นเรียกลูกค้าอย่างอึกทึก มีหลายเสียงก็บ่นถึงความยากไร้
การขายของไม่ได้ คุยกันว่าอยากถูกหวยจะได้เลิกจน เลิกขายของเสียที ในจังหวะนั้น เห็นชายที่ไร้อวัยวะที่ใช้เดินเหิน
ขอรับบริจาคเงินทอน เงินเหรียญจากผู้มีจิตเมตตา โลกนี้ช่างมีความบังเอิญเสียจริง คนที่บ่นจนยังมีทางเลือก
คนที่ไร้ทางเลือกกลับนิ่งสงบ ทำให้คิดถึงเรื่องหนึ่งที่ได้อ่านและได้นำมาไตร่ตรองกับชีวิตกลางตลาดสดยามนี้
เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมักจะบ่นกับใคร ๆ เสมอว่า ตนเองนั้นช่างอาภัพ เกิดมายากจน วันหนึ่ง
ชายชราได้ถามเขาว่า
“พ่อหนุ่มทำไมดูเธอเหมือนไม่มีความสุขเลย?”
“ผมไม่เข้าใจ! ทำไมผมถึงจน!” เด็กหนุ่มตอบ
“จนเหรอ? เธอรวยต่างหากล่ะ!” ชายชราตอบ
“คุณตาเอาอะไรมาพูด ผมเนี่ยนะรวย
ดูจากตรงไหนครับ?" เด็กหนุ่มย้อนถามด้วยความสงสัย
“หากมีคนมาขอซื้อนิ้วเธอหนึ่งนิ้ว และให้เงินเธอนิ้วละ1พันเธอจะขายไหม?”
“หากมีคนมาขอซื้อนิ้วเธอหนึ่งนิ้ว และให้เงินเธอนิ้วละ1พันเธอจะขายไหม?”
“จะบ้าเหรอครับใครจะขายเล่าครับคุณตา!”เขาตอบออกไปเสียงดัง
“สมมุติว่ามีคนมาขอซื้อมือของเธอข้างละ1หมื่นเธอจะขายไหม?” ชายชราถามต่อ
“ไม่ขายๆ”
“สมมุติมีคนมาขอซื้อลูกตาของเธอข้างละแสนเธอขายไหม?” ชายชราถาม
“ไม่ขาย!”
“สมมติมีคนสามารถทำให้เธอกลายเป็นคนแก่อายุสัก 80 แล้วให้ค่าจ้างเธอ
1 ล้านเธอจะเอาไหม?”
“ไม่เอาครับ”
“สมมุติมีคนมาขอซื้อชีวิตของเธอ ให้เธอตาย ณ เวลานี้ แล้วให้ค่าจ้างเธอ 10 ล้าน เธอจะเอาไหม?” ชายชราถาม
“สมมุติมีคนมาขอซื้อชีวิตของเธอ ให้เธอตาย ณ เวลานี้ แล้วให้ค่าจ้างเธอ 10 ล้าน เธอจะเอาไหม?” ชายชราถาม
“โธ่คุณตาเป็นคุณตาจะเอาไหมล่ะ? เป็นผม ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ”
“นี่ยังไงล่ะที่ตาบอกว่าเธอรวย
ตอนนี้ตัวของเธอมีมูลค่าถึง 10 ล้านเลยนะแล้วเธอจะบ่นไป
ทำไมว่าเธอยากจน!”
ชายชราหัวเราะแล้วก็เดินจากไป เด็กหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจในบัดดล (คัดจากหนังสือ
เรียนทำทั้งชีวิต)
เราทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้เสมอถ้าเรานำสิ่งที่พระเจ้ามอบให้
ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ไม่ว่าจะสติปัญญา ใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้คนรอบข้าง
อย่าเอาแต่บ่นว่าและกล่าวหาถึงความยากไร้ ลองพิจารณาดูตื่นนอนขึ้นมาเราก็มีลมหายใจ
มีอาหารกิน มีภารกิจให้ทำ มีขาให้เดินก้าวหน้า มีแขนเพื่อโอบกอดโอกาสที่ผ่านมาถึง มีสายตาที่จะมองให้ไกลออกไปและมองดูความงามของสิ่งสร้าง
มีหูที่จะรับฟังเสียงบรรเลงของสรพพสิ่งที่สั่นไหว มีปากลิ้นรับรสอาหาร
และเปล่งเสียงสรรเสริญความดี มีหัวใจที่เต้นระบำนำความมีชีวิตชีวาท่ามกลางวันเวลา
สิ่งเหล่านี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เรามีความรักความเมตตาต่อกัน
เราโชคดีเพียงใดที่เรามีในสิ่งที่หลายคนไม่มี แต่เรากลับว้าวุ่น วุ่ยวาย วนเวียน
เที่ยวหาให้มีมากขึ้นและมากขึ้นจนเกินความจำเป็น และบ่นว่า “โชคไม่ดี” การมีชีวิตอยู่คือที่สุดของความโชคดี
แต่จะให้ดีต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความดีโดยไม่ต้องพึ่งพาโชคลาภ
ที่จะนำความโลภมาขวางทาง มาทำให้สะดุด ยิ่งเรามี เราต้องช่วยผู้อื่น
นำสิ่งที่มีที่เป็น
และเมื่อไรที่เรามองเห็นถึงความที่เรามีพระพร
ไม่มีขาดในสิ่งใดเลย เราจำต้องแบ่งปันให้กับผู้คนรอบข้าง หรือผู้ยังยากไร้
พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางสงครามแย่งชิง
ท่านกลับเลือกที่จะมอบเมตตาต่อผู้ไร้ที่พึ่ง นำความมีพร้อมของท่านไปช่วยเหลือผู้คน
นักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ผู้เป็นต้นแบบให้เรา แล้ววันนี้เราผู้โชคดีได้นำความดีให้กับผู้ใดบ้าง…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น