วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

หายไปเมื่อยังหายใจ

หายไปเมื่อยังหายใจ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีส่วนทำความฝันของเด็กสาวคนหนึ่งให้เป็นจริงขึ้นมา นี่เป็นคุณค่าในการเรียนรู้ที่มิอาจจะใช้มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์มาชี้วัดได้เลย หลานสาวคนหนึ่งมีความชื่นชอบในละครเวทีเป็นอย่างมาก เมื่อหลายเดือนก่อนได้ชวนให้ไปชมการแสดง เนื่องด้วยเหตุปัจจัยเรื่องเวลาและความอภิรมย์ส่วนตัวจึงหาคนไปเป็นเพื่อนได้ยากนัก สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเป็นเพื่อนโดยมีเงื่อนไขว่าค่าบัตรนั้นห้ามขอจากผู้ปกครองให้เก็บหรือหามาเอง หลานสาวสามารถที่จะเก็บเล็กผสมน้อยได้ตามจำนวน จึงได้ซื้อบัตรเข้าชมละครเวที lady of the state ที่นำนวนิยายดังสามเรื่องมาแสดง ที่โรงละครรัชดาลัย ถือว่าคุ้มค่าในการทำฝันและความหวังของเด็กสาวคนหนึ่งให้เป็นจริง


คำพูดของตัวละครนางเอกคนหนึ่งดังขึ้นว่า “คนหนึ่งหายไป ในขณะที่อีกคนหนึ่งหายใจ” ทำให้นึกถึงหัวใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลูกชายถูกประหารชีวิตต่อหน้าต่อตาด้วยข้อหาที่มาจากความอิจฉา และหวงแหนอำนาจ ภาพของพระแม่มารีย์ แทบเชิงกางเขนนั้นจะทุกข์ทรมานเพียงใด แต่....ใช่หรือไม่ เมื่อยังมีลมหายใจ จะต้องก้าวข้ามผ่านทุกข์นั้นไปให้ได้ ที่สุดเป็นแม่พระเองที่กลายเป็นศูนย์รวมของบรรดาอัครสาวก ให้กลับมารวมตัวกันก่อตั้งเป็นพระศาสนจักรจวบจนถึงวันนี้ นี่คือผู้หญิงที่รับภารกิจรักต่อมาอย่างกล้าหาญ ที่ได้แปรเปลี่ยนความทุกข์ลำบากให้กลายเป็นพลัง นี่แหละคือการข้ามผ่านที่เราควรให้เกิดขึ้นในชีวิต ที่เราต้องเคยตกอยู่ในภาวะความทุกข์ระทมด้วยกันทุกคน การก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยามมีลมหายใจ ดีกว่าการจมอยู่ในทะเลทุกข์แม้ยังหายใจอยู่ การลุกขึ้นสู้ด้วยความเข้มแข็ง บ่อยครั้งมักนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ได้เสมอ


และอีกหนึ่งตัวอย่างในโลกเล็ก ๆ ใบนี้ที่มีคนไม่ยอมหยุด และได้ก้าวข้ามผ่านความทุกข์ตราบที่ยังมีลมหายใจ สุภาสินีเข้าพิธีแต่งงานเมื่อเธอมีอายุเพียง 12 ปี โชคร้ายเป็นอย่างยิ่งเพราะ 12 ปีให้หลัง (ปี 1967) เธอต้องเลี้ยงลูกทั้ง 4 โดยลำพัง เพราะสามีของเธอเสียชีวิตลงเนื่องจากความยากจนทำให้เธอไม่มีเงินเพียงพอในการรักษาพยาบาล 
นับแต่วันนั้นเธอตั้งปณิธานว่า ความจนต้องไม่ทำให้คนตาย สุภาสินีตั้งใจทำงานเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงอันน้อยนิดของเธอ เธอไม่ได้มีการศึกษา ฉะนั้นอาชีพของเธอคือการไปรับจ้าง ไปเป็นกรรมกร ไปเป็นคนใช้ตามบ้านต่างๆ และไปเป็นคนขายผัก รายได้ของสุภาสินีนอกจากจะเพื่อจุนเจือบุตรทั้ง 4 คนให้ได้รับการศึกษาแล้ว เธอยังเก็บออมเงินเป็นเวลาหลายสิบปีเพื่อทำในสิ่งที่เธอตั้งใจ 
ในช่วงปี 1992 สุภาสินีนำเงินทั้งหมดที่ตนเองมี ซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้าง โรงพยาบาลเพื่อมนุษยชาติ (Humanity Hospital) สถานพยาบาลขนาดเล็กที่ให้บริการคนยากจนฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในหมู่บ้าน Hanskhali ของเธอ โดยมีนายแพทย์อเจย์ บุตรชายคนโต กลุ่มแพทย์พยาบาลอาสา และชาวบ้านในชุมชนร่วมกันบริจาคเงินสานฝันของเธอให้เป็นจริง 
ปัจจุบัน โรงพยาบาลเพื่อมนุษยชาติของเธอได้เติบโตขึ้น สุภาสินีมีโรงพยาบาลสาขาถึง 2 แห่งในรัฐเบงกอลตะวันตก เปิดให้บริการผู้ยากไร้กว่าหมื่นคนในแต่ละปี แพทย์ที่ทำงานส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นอาสาสมัคร ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาปฏิบัติงาน โดยได้รับเงินสนับสนุนผ่านการบริจาคของผู้ใจบุญ ในอนาคตสุภาสินียังมีแผนที่จะเปิดวิทยาลัยพยาบาลเพื่อผลิตบุคลากรทางสาธารณสุขให้สามารถบริการสังคมอีกด้วย จึงไม่แปลกนักที่ สุภาสินี มิสตรี สตรีวัย 74 ปี ชาวอินเดียจะได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงปัทมศรี (PadmaShri) จากฯพณฯ ราม นาถ โกวินด์ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ 21 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา 


หลังได้รับรางวัล เธอกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ฉันดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันขอร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งในโลกนี้ อย่าปฏิเสธคนไข้ที่ต้องการการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน สามีของฉันเสียชีวิตลงเพราะเขาถูกปฏิเสธการรักษา และฉันไม่ต้องการให้ผู้ใดต้องเสียชีวิตลงในลักษณะเช่นเดียวกัน” Cr : PiyanatSoikham

           หากความฝันสำเร็จได้ด้วยความเพียรทน คนเราก็จะผ่านความทุกข์ทนเพื่อพบกับความสุขได้ด้วยการพยายามแก้ปัญหาเช่นกัน มิใช่พอเกิดปัญหาก็ข้ามปัญหาไป ปล่อยให้ปัญหาคงอยู่ ตราบใดเรามีลมหายใจใยต้องกลัวกับการเผชิญปัญหา ความสุขที่แท้จริงมักจะเกิดตอนที่เราได้แก้ปัญหา เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งในทุกวันนี้ เรามักไม่มีความกล้าหาญเพียงพอ เรามักจะรอคอยให้ผู้อื่นมาพยุง เรามักเรียกร้องขอความช่วยเหลือโดยมิได้ออกแรงก่อน ในขณะที่วันนี้โลกมีสิ่งที่จะคอยช่วยเหลือให้เราก้าวข้ามปัญหาได้มากมาย แต่ทำไมผู้คนกลับดูซึมเศร้า ทุกข์โศกยิ่งนัก หรือเป็นเพราะหัวใจของเราเล็กลง หรือเป็นเพราะยิ่งสบายยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ปัสกาปีนี้เราควรตั้งคำถามให้ตัวเราว่า ในขณะที่เรามีลมหายใจเข้าออกอยู่ ชีวิตเรามีค่ามีความหมายเช่นไร พระเยซูเจ้าผู้จากไปได้ฝากลมหายใจไว้กับเรา เพื่อให้เราทำให้โลกนี้พบสันติ เราได้ทำแล้วหรือยัง โดยเฉพาะสันติในตัวเราเอง เมื่อพบแล้วการมอบสันติให้กับคนรอบข้างก็มิใช่เรื่องยากเลย ..

ไม่มีความคิดเห็น: