วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

สุขดีมีที่ใด


สุขดีมีที่ใด
สิ้นเดือนสองเข้าสู่เดือนสาม โมงยามเคลื่อนไปตามกาละของมัน เพียงแต่ใจของผู้คนล้วนตั้งตนกำหนดว่าวันนี้สั้นวันนั้นยาว โดยเอาความสุขทุกข์เป็นตัวบ่งชี้ และนำเอาวัตถุภายนอกมาเป็นเครื่องชี้ระดับความสุขอีกทีหนึ่ง เด็กนักเรียนต่างขะมักเขม้นเคี่ยวเข็ญเร่งอ่านหนังสือ เพื่อสอบปิดภาคเรียน หลายคนต้องไปสอบเพื่อแข่งขันเข้าโรงเรียนที่พ่อแม่อยากให้ไปเรียนในที่อื่น ไป ๆ มา ๆ ความสุขช่วงปิดเทอมที่เด็กใฝ่ฝันถึงกลับกลายเป็นความเครียด ลูกหลานบางคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็ต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาเพิ่มเติม ไหนจะค่าเล่าเรียน ไหนจะค่าใช้จ่ายสารพัด แต่ก็นั่นแหละ ทุกคนต่างก็หวังว่าในวันข้างหน้าเมื่อพ้นผ่านความทุกข์เหล่านี้ไปแล้วความสุขจะตามมา นี่เป็นวิถีที่ซึมลึกลงในสังคมมาอย่างยาวนาน เอาเข้าจริงเราก็ไม่ทราบได้ว่าวันข้างหน้านั้นเด็กเหล่านี้จะพบกับความสุขในชีวิตอย่างแท้จริงหรือ!!!!

ในมิติด้านกว้างของสังคมมาถึงวันนี้ วันที่เรามีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายให้สามารถใช้สอยได้ในเกือบจะทุกรูปแบบ ชีวิตแสนดี อยากได้อะไรเพียงแค่หยิบโทรศัพท์แล้วกดสั่ง กดจ่าย ไม่นานสิ่งนั้นก็มาถึงหน้าบ้าน และนับวันยิ่งมีบริการส่งถึงที่ในทุกสิ่งที่ต้องการ ดูเหมือนว่าชีวิตคนเรามีความสุขเสียจริง ๆ แต่ทำไมล่ะ??? เรายังคงมีเสียงอื้ออึง ถามหาความสุขกันอยู่ทุกโมงยาม บางอย่างในโลกนี้มีเพียงแค่เปลือก บางอย่างในโลกเป็นของสำเร็จรูป ทุกสิ่งล้วนเป็นมายา ความสุขนี่สิของจริง
โลกของเราถูกครอบด้วยระบบแลกเปลี่ยน ด้วยเงินตรามาเป็นเวลานาน ในไม่ช้าไม่นาน โลกก็จะเกิดระบบการแลกเปลี่ยนใหม่ ที่ไม่มีการผูกขาด เสมือนการกลับไปใช้ระบบแลกเปลี่ยนสิ่งของต่อสิ่งของตามแล้วแต่จะตกลงกัน โดยที่สมัยใหม่นี้จะมีการตกลงกันด้วยระบบเชื่อมโยงกันทั้งโลก ใครจะแลกเปลี่ยนสิ่งใดก็เข้าไปในกลุ่มนั้น ภายในกลุ่มก็จะทำการตกลงกันเป็นราคามาตรฐาน ไม่ต้องผ่านขบวนการต้องเปลี่ยนสกุลเงินอีกต่อไป ความสะดวกจะทบทวีคูณในวิถีชีวิตของเรา แต่อีกนั่นแหละ ก็ยังคงมีผู้คนทั้งโลกอีกมากมายร้องเรียกหาความสุขที่แท้จริง คำตอบมันตายตัวในทุกยุคทุกสมัย คำตอบที่ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาจากระบบใด ๆ ภายนอกทั้งสิ้น เพราะความสุขที่เที่ยงแท้มันมาจากภายใน ต่อให้เราประดับกายด้วยอัญมณีที่ล้ำค่า แต่ภายในรู้สึกเหงาเศร้าหมองก็เท่านั้น ภายนอกต่อให้ตกแต่งสวยงามเพียงใดภายในไม่มั่นคงเป็นได้แค่สวยแต่ไม่งาม มีผู้รู้ธรรมกล่าวไว้ว่า
ใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ใส่ใจคนในครอบครัว อย่ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่น
ความสุข..ไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด แต่อยู่ที่เสียงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหน
ความสุข..ไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอดภัย
ความสุข..ไม่ใช่มีคนรักสวย แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด
ความสุข..ไม่ได้อยู่ที่ได้ฟังคำหวานมากหรือน้อย แต่อยู่ที่ยามโศกเศร้าเสียใจ..มีคนบอกฉันว่า ไม่เป็นไร ยังมีฉันอยู่..


ใช่หรือไม่ ทุกวันนี้เราถูกสอนให้เป็นผู้รับตั้งแต่เด็กจนโต มีคนนำอะไรต่ออะไรมาบริการถึงที่ ยิ่งในวันข้างหน้านี้ชีวิตไม่ต้องออกไปไหน ทุกสิ่งพร้อมอำนวยความสะดวกถึงปลายเตียง ค่านิยมบริโภคเกิดขึ้น ฉะนั้นแล้ว เราต้องเริ่มเปลี่ยนค่านิยม  อย่าให้เด็กเสพติดกับความสะดวกสบายมากเกินไป ฝึกฝนให้เขารู้จักช่วยตัวเอง ฝึกให้เขาเป็นผู้ให้ สร้างภูมิให้เด็กเห็น ความสุขที่เกิดจากการให้ เด็กก็จะเกิดความภาคภูมิใจ หรือมีความสุขจากการกระทำความดีด้วยตัวเอง เป็นการสร้างทัศนคติด้านงามแง่บวก สิ่งนี้แหละที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เป็นทาสของบริโภคนิยม

ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนมาจากภายในทั้งสิ้น ครอบครัวจะมีความสุขถ้าคนในบ้านใส่ใจกัน คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลก คือคนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเองการได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงานทำให้เราพึงพอใจและยกระดับฐานะ เป็นการสร้างความสุขเพียงภายนอกและอาจจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง ความสุขที่แท้จริงเกิดจากภายในจิตใจของคนเรา ถ้าจิตใจของเราเต็มไปด้วยความโลภ ความอยากได้ใคร่มี ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบนิ่งของจิตใจ ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวและสุดจะคาดคะเนได้ สร้างความสุขได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่าไปมุ่งหวังยามแก่เฒ่าแล้วค่อยอยู่อย่างสงบสุขกันเลย...

ไม่มีความคิดเห็น: