วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

หนาวนอกร้อนใน

หนาวนอกร้อนใน


และแล้วคนเมืองกรุงที่ห่างหายจากอากาศหนาวเย็นยามฤดูเหมันต์ ก็ต้องหันกลับไปรื้อค้นเสื้อกันหนาวที่นอนอุตุอยู่ในชั้นล่างสุด อยู่ลึกสุดของตู้เสื้อผ้าออกมาสวมใส่ เพราะใครจะไปคิดว่าปลายเดือนมีนาที่กำลังเข้าสู่ฤดูร้อน จะต้องมาพบเจอกับอากาศที่หนาวเย็นได้ใจขนาดนี้ ร้อนๆอยู่ดีๆวันรุ่งขึ้นหนาวจับใจ แม้แต่กรมพยากรณ์อากาศยังคาดมิถึง ซึ่งปกติก็คาดได้แม่นยำอยู่แล้ว แต่แม่นยำในระยะกระชั้นชิดเสียเป็นส่วนใหญ่


ช่วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมาวิถีชีวิตนำพาให้ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด นำประสบการณ์ไปถ่ายทอด ไปก่อความคิด ไปก่อกำลังใจให้กับเด็กๆ เพื่อให้รู้จักเรียนรู้มุมมองของชีวิต ที่ต่างด้านต่างมุมบ้าง ในสังคมของเราเด็กมักถูกอัดแน่นด้วยวิชาการ ชีวิตมีแต่เรียนมีแต่เรียน โดยมีข้ออ้างของผู้ใหญ่บางคน ที่พยายามให้เด็กไปเรียนพิเศษ วิชาชีวิตในมิติอื่นถูกลืมเลือน เมื่อเด็กๆได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องมีขีดจำกัดของการเรียนมาเป็นตัวเร่ง สารแห่งวัยของพวกเขาก็หลั่งล้น ความกระตือรือร้นถูกนำมาใช้ ผสมกับอากาศหนาวเย็นที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศ ความสนุกแห่งวัยบรรลุ ความสุขปรากฏบนใบหน้า


ใช่หรือไม่ ช่วงเวลาปิดภาคเรียนผู้ปกครองก็ต้องหากิจกรรมให้เด็กๆได้ทำโดยมีกลุ่มหนึ่งชอบส่งลูกๆไปสัมผัสกับอากาศเย็นที่เมืองนอกเมืองนา กลับมาก็มาเล่ามาคุยให้เพื่อนๆเพลิดเพลินเจริญปาก เพื่อนๆก็พากันฝันว่าอากาศหนาวในต่างแดนเป็นเยี่ยงไรหนอ!!!! แต่ธรรมชาติก็ยุติธรรมเสมอ จึงจัดสรรอากาศที่เย็นฉ่ำให้เด็กๆเยาวชนวัดของเรากลุ่มหนึ่งได้มีโอกาสสัมผัสความหนาวเย็นโดยไม่ต้องลำเข็ญเดินทางไปยังต่างแดน แถมยังได้ประสบการณ์การอยู่กับตัวเอง การอยู่กับผู้อื่นในบริบทของสังคมไทย ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ธรรมชาติสิ่งรอบๆตัวที่ได้สั่งสอนบทเรียนในชีวิตของพวกเขาอีกด้วย....


แต่สำหรับคนทั่วไป อากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกขั้ว ความกลัวของคนก็เริ่มมีให้เห็น แม้จะหนาวข้างนอกแต่ภายในกลับรุ่มร้อน หวาดวิตกว่าโลกใกล้แล้วหรือ วิตกว่าคำทำนายอายุขัยของโลกจะเป็นจริงขึ้นมา ดูจากเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น มีบ้างบางคนบอกว่าอย่าได้วิตกไปเลย อากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่นี้หาได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลกไม่ แต่ด้วยความเชื่อส่วนตัว(ย้ำเป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้อิงแอบแนบวิชาการใดๆ) โลกใบนี้ผืนแผ่นดินมันก็เป็นผืนเดียวแผ่นเดียวกันใช่ไหม? ที่หนึ่งขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ ที่เหลือย่อมสะเทือนเลื่อนลั่นไปด้วย และในเมื่อทุกสรรพสิ่งเกี่ยวโยงยึดเชื่อมกันทั่วทั้งพิภพ เมื่อแผ่นดินเกิดการเปลี่ยนแปลง น้ำ ทะเล สายลม แสงแดด สรรพชีวิตย่อมเปลี่ยนแปร สิ่งเหล่านี้กำลังส่งสัญญาณมาหาเรา ในเมื่อทุกสรรพสิ่งกำลังเคลื่อนตัวสู่หมวดการปรับสมดุล แล้วคนเรายังไม่คิดจะปรับตัวให้สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกหรอกหรือ ตามวัฏจักรของโลกสิ่งใดไม่ปรับตัวสิ่งนั้นย่อมดับสูญ พระเป็นเจ้า พระผู้สร้างสูงสุดทรงให้อิสระกับเรามนุษย์ในความคิด ในการตีความหมายในทุกสิ่งสร้าง เพื่ออยู่รวมกันอย่างเอกภาพ แต่มนุษย์เรากลับใช้อิสระและความประเสริฐเอาเปรียบ เหยียบย่ำสรรพสิ่งมาอย่างยาวนาน เราขุดแร่ธาตุ น้ำมัน มาเผาผลาญวันละหลายล้านลิตร พออยากอยู่กับธรรมชาติก็กลับไปข่มขืนธรรมชาติ ไปปรับไปตัดไปดัดไปคัด เอาธรรมชาติมาเป็นวัสดุสิ่งปลูกสร้าง เมื่อเราไปขืนธรรมชาติอย่างหนักหน่วง คราเมื่อจำต้องคืนสู่ที่ทาง ธรรมชาติจึงเกิดความรุนแรงอย่างหนักหนาสาหัส


สายลมหนาวครั้งนี้อาจจะเป็นสายลมแห่งการเตือนเราให้กลับมาสู่การเรียนรู้สู่ความเป็นหนึ่งเดียว อย่าเที่ยวไปโทษกันและกัน เราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อการทำลายระบบในธรรมชาติด้วยกันทั้งนั้น และเราต้องไม่มีความกลัวแต่ต้องมีความไว้วางใจมากขึ้นและมากขึ้น ใครเล่าจะอาจหาญสู้ธรรมะได้ ธรรมะถึงเวลาจัดสรร เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้เดินไปด้วยกัน หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดขัดขืนฝืนครรลองแห่งธรรมชาติ ความรุนแรง การทำลายก็จะบังเกิดขึ้น


ใช่หรือไม่ ครั้นเมื่อความร้อนขึ้นสู่ระดับ ไม่ช้าไม่นานสายฝนก็ล่วงหล่น เมื่อครั้นสายฝนพายุกระหน่ำ จากนั้นท้องฟ้าพลันงดงาม ยามนี้หัวใจของผู้คนมีแต่ความร้อนรุ่มสุมอยู่ภายใน เป็นร้อนในทางอารมณ์ เป็นร้อนทางความคิดริษยา เป็นความร้อนในทางกิเลส ความโลภและความไม่รู้จักพอ หลงตัวเอง ความเห็นแก่ตัว อากาศหนาวๆภายนอกกำลังบอกเราว่า หยุด ลด ละ พัก เว้นวรรค และกลับใจสู่ทางธรรมนำความดี ที่เต็มไปด้วยไออุ่นหนุนส่งให้กันและกัน เพื่อให้ชีวามีสุขชีวิตแจ่มใส สร้างโลกใบเก่าให้เป็นโลกที่สะอาดสะอ้าน เพียงแค่เราอยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกันก็เพียงพอ


ชีวิตก็เหมือนฤดูกาล มีฤดูร้อนที่แผดเผา แต่เราก็ไม่ถึงกับแห้งตาย และไม่นานฤดูกาลก็เปลี่ยนเป็นฝนที่เย็นฉ่ำลงมา หล่อเลี้ยงสิ่งที่แห้งแล้งกลับมีชีวิตชีวาให้ชุ่มชื่น ความจริงของโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่ใช่ต้องทุกข์หรือสุขตลอดกาล ทุกข์หรือสุขผลัดเปลี่ยนกันมาและหมุนเวียนกันไป หากอยากเป็นคนที่มีความสุขนาน ๆ มีความทุกข์สั้นๆ ให้ความสุขกับคนอื่นบ้างแล้วความทุกข์ของเราก็จะคลายลง ความอิ่มใจ ความปีติจะมาเยือน เปลี่ยนความรุ่มร้อนภายในเป็นเครื่องทำความอุ่นให้กับผู้หนาวเหน็บบ้าง แล้วฤดูกาลแห่งรัก สันติก็จะปรากฏขึ้น เป็นแสงแดดอันอบอุ่นชวนให้เราเข้าใกล้กับความสงบตลอดกาล....

ไม่มีความคิดเห็น: