วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สื่อใหม่ : เหรียญสองด้านถึงอย่างไรก็ต้องใช้

สื่อใหม่ : เหรียญสองด้านถึงอย่างไรก็ต้องใช้

เมื่อวันนี้ วันที่เทคโนโลยีถูกพัฒนามาอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรวดเร็วและเข้าสิงสถิตในชีวิตประจำวันอย่างแยกไม่ออก มันกลายเป็นสิ่งหนึ่งส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เข้ามายืนอยู่หน้าประตูและก้าวเข้ามาอยู่กินกับเราอย่างไม่ทันตั้งตัว ใช่ เราใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่กันจนกลายเป็นเรื่องสามัญประจำสังคม เราติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น ได้มากขึ้น แต่สารนั้นมันคือขยะดิจิตอลหรือเปล่า เรามีเครื่องไม้เครื่องมือแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตกันและกัน แต่มันได้ช่วยลดการแข่งขันลงได้บ้างหรือเปล่า เราสัมพันธ์กับผู้คนมากหน้าหลายตามากขึ้น แต่เราพร้อมเป็นลานสาธารณะให้ผู้คนได้พึ่งพาหรือเปล่า ...

สื่อใหม่ คำๆนี้เริ่มมีใช้และเริ่มคุ้นหูได้สักประมาณ 2- 3 ปี ที่ผ่านมา สื่อใหม่คืออะไร ...สื่อใหม่ก็คือ เครื่องมือเพียงชนิดเดียวแต่สามารถทำอะไรๆได้มากมาย ใช้ได้กับสื่อหลายๆประเภท และใช้ติดต่อสื่อสารกันได้หลากหลายรูปแบบ โดยไม่จำกัดรัศมีควบคุม เป็นการรวมสื่อเข้าไว้ในที่เดียวกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ง่ายดาย โดยไม่ต้องแยกประเภทของเครื่องรับ เรียกว่า All in One

สื่อใหม่มักมาพร้อมกับวัฒนธรรมใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กวัยรุ่นมักไม่พูดคุยกันด้วยปาก แต่ใช้นิ้วมือพรมพิมพ์ สนทนาผ่านเครื่องมือสมัยใหม่ ประดิษฐ์ถ้อยคำ สัญลักษณ์เพื่อให้สั้นกระชับ พูดยาวสาวความกันไม่ค่อยเป็น สั้นจนเกิดความเข้าใจผิดคิดกันคนละเรื่องก็มากมี เรายังจะเห็นเด็กๆแสดงอารมณ์ผ่านทางสัญลักษณ์ในขณะที่ใบหน้ายังนิ่งเฉย บอกรักส่งความห่วงใยผ่านเส้นสายลายคลื่น แทนผ่านทางสายลม ใช้รหัสลับรหัสเร้น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของผู้ปกครอง เกือบจะทุกผู้คนกลายเป็นช่างภาพ ถ่ายรูปได้ตามใจนึก โดยไม่ได้นึกถึงศิลป์และศาสตร์เพียงกระชากมือถือแล้วกดๆก็ได้ภาพสมใจ ชัดบ้างเบลอบ้างไม่สนส่งขึ้นออนไลน์ โลกทั้งใบก็สามารถเห็นภาพนี้ได้เพียงชั่วกระพริบตา และยิ่งหากเมืองไทยเราผ่านกฎหมายเรื่องการใช้ระบบ 3 G การสื่อสาร ก็จะส่งผลให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น (3 G คือ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ดูหนัง ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ สั่งซื้อของ จ่ายเงิน จ่ายค่าโน่นค่าหนี้ (นี่) ได้สารพัด มีความเร็วสูงในการอัพโหลด ดาวน์โหลด)

และตรงความรวดเร็วนี่แหละจะนำมาซึ่งปัญหา จะมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัวจะถูกถ่ายทอดสู่สาธารณะกันอย่างง่ายดาย จะมีการสร้างเรื่องสร้างกระแสกันอย่างอึกทึกครึกโครม เป็นแหล่ง เป็นตลาดการค้า ทางธุรกิจแนวใหม่และอาจจะกลายเป็นแหล่งอาชญกรรมได้อีกด้วย นอกจากนี้ สิ่งเหล่านี้จะเปิดกว้างสำหรับผู้ไร้โอกาสในการสร้างสรรค์ ก็สามารถที่จะแสดงผลงานและฝีมือเพื่อให้โลกได้ตะลึงทึ่งจะกลายเป็นแหล่งที่ทำให้เราค้นพบ ต่อยอดการพัฒนาทางด้านต่างๆได้อีกมากมาย.. ถามว่าแล้วเราจะปรับตัวกันอย่างไร เชื่อได้เลยว่า เราไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย สิ่งเหล่านี้จะซึมลึกลงสู่สายเลือดให้เราเลือกใช้ เลือกหากันอย่างไม่ขวยเขินและเนียนที่สุด

แต่หลายคนก็บอกว่า สื่อใหม่นี้เปรียบดังเหรียญสองด้าน มีทั้งบวกและลบ แต่..ใช่หรือไม่ เวลาเราใช้เหรียญเรามักจะไม่ดูว่าใช้ด้านไหนซื้อของ ใช้ด้านไหนในการจับจ่าย แต่เรามักจะมองมูลค่าของเหรียญต่างหาก สื่อใหม่ก็เช่นกัน อย่างไรเสียเราก็ต้องใช้ มันจะมาประจำอยู่ในชีวิตของเรา เวลาเราใช้ก็จงอย่ามองเพียงด้านใดด้านหนึ่งแต่ต้องคำนึ่งถึงคุณค่าของสื่อที่เราจะใช้นั้นต่างหาก และสื่อที่สำคัญนั้นหาใช่เครื่องไม้เครื่องมือไม่ ตัวเราต่างหาก คือ สื่อชั้นยอด เรากำลังอยู่ในยุคสื่อใหม่แต่ใจเราได้ปรับปรุงใหม่ให้งดงามอยู่ตลอดหรือเปล่า เป็นสิ่งที่เราต้องถามไถ่ตัวเองอยู่เสมอ

สื่อใหม่ยังไงก็เป็นเพียงเครื่องมือ เป็นพาหนะที่จะนำความเมตตา นำความรัก ความสัมพันธ์ของคนต่อคนได้ง่ายดายยิ่งขึ้น หากหลงประเด็นใช้สื่อเป็นตัวหลักเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนหนทางชีวิต ความรวดเร็วของมันก็อาจจะทำให้ชีวิตของเราเรรวนซวนเซได้เหมือนกัน เป็นการง่ายมากหากเราจะเปิดเผยถึงคุณค่า คุณธรรม ความเชื่อ ความดีงามแห่งชีวิตที่เรามี ที่เรายึดถือ เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้เห็นความจริงและความงามของชีวิตคริสตชนของเรา พระเยซูคริสตเจ้าก็จะได้รับการเปิดเผยแล้ว ยุคนี้เป็นยุคที่เรามีขุมทรัพย์ในการที่จะสร้างความดี สร้างโลกแห่งสันติสุขได้ง่ายขึ้น โลกเปิดด้วยเทคโนโลยี แต่ใจคนควรเปิดด้วยความดี ความงาม ความเมตตาอาทรที่มีต่อกัน

องค์สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 ได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของสื่อใหม่ พระองค์จึงทรงมอบหัวข้อในวันสื่อมวลชนสากล ครั้งที่ 44 นี้ว่า พระสงฆ์และงานอภิบาลในโลกดิจิตอล : สื่อใหม่เพื่อนำเสนอพระวาจา การใช้สื่อสมัยใหม่เพื่อนำพระวาจา และนำความรักของพระเจ้าให้โลกกว้างได้รับรู้ จึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำหรับเราคริสตชนคนรุ่นใหม่ ที่ต้องอยู่ในโลกดิจิตอลให้ได้อย่างมีคุณค่า

เช่นกันหากว่าโลกมีระบบ 3 G ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เราก็ต้องไม่ลืมว่าในชีวิตคริสตชนก็มี 3 G (GOD) พระบิดา พระบุตรและพระจิต ซึ่งมีพร้อมอยู่ในเราทุกคน นั่นคือ ชีวิต ร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้งานอภิบาลของเราเดินหน้าควบคู่กับสื่อใหม่ สิ่งใหม่ เราต้องใช้ทั้งสามสิ่งเหล่านี้ในการสื่อสาร เพื่อว่าสารแห่งรักจะได้ถูกสื่อออกไปอย่างถูกต้องและเปี่ยมไปด้วยคุณค่า นี่แหละการใช้เหรียญที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะอยู่ด้านใดในชีวิตประจำวันของเรา...

1 ความคิดเห็น:

Tommaso Phakk กล่าวว่า...

เขียนดีมากครับ....
เจ้าวัดเขียนหรือป่าว...
ขอชมจริง ๆ
แล้วจะมาอ่านบ่อย ๆ นะครับ
ผมละคนหนึ่งที่ขาดสื่อเทคโนฯ ไม่ได้
....ปัญหาจริง ๆ เลย