แม่...มหาวิหารงดงาม
เหลือบดูปฎิทินตั้งโต๊ะก็เห็นว่าอีกไม่กี่วันก็ถึงวันแม่แล้ว ครั้นจะเขียนถึงแม่ในครั้งหน้าก็เกรงว่าจะล่าช้าไป เผื่อว่าจะได้แบ่งปันข้อคิดในวันแม่ที่จะมาถึงนี้บ้าง.. ในทุกๆปีก็คิดว่าจะเขียนอะไรถึงแม่บ้าง แต่ที่แปลกมักจะได้ความคิดใหม่เกี่ยวกับแม่เสมอ เพราะแค่คำว่า “แม่” ก็มีแง่มุมให้เขียน ให้ระลึกถึงตั้งมากมายก่ายกอง สำหรับครั้งนี้พอคิดถึงแม่แล้ว ก็อดที่จะเปรียบเทียบแม่ในอีกความรู้สึกหนึ่ง นั่นก็คือ แม่เป็นเสมือนมหาวิหารที่งดงามทั้งภายในและภายนอก รู้สึกอบอุ่น เกิดศรัทธาทุกครั้งเมื่อได้เข้าไปสัมผัสไออุ่นจากแม่ อยากจะนั่งนิ่งๆอยู่ใกล้ๆให้นานแสนนาน ใช่... หลายคนบอกว่า ใจของคนเราเป็นดั่งวิหารแต่บ่อยครั้งเรากลับทำมันเป็นรังโจร แต่ใจของแม่ ยังไงๆ ก็เป็นมหาวิหารของลูกๆเสมอ มีก็แต่ใจของลูกๆนี่แหละที่ชอบทำเป็นรังโจร สุดท้ายแล้วก็มักต้องเข้าไปหลบเลียความผิดบกพร่องในอ้อมกอดมารดาในวันที่สิ้นแล้วทุกสิ่ง....
มีบ่อยครั้งที่แม่ถูกทอดทิ้งให้เป็นมหาวิหารร้างเปล่า มีบ่อยครั้งเราก็เป็นเพียงผู้เยี่ยมชมและก็มองผ่านความงดงามและความสงบนิ่งนี้ไปอย่างไม่อาวรณ์ มีบ่อยครั้งที่เราหมางเมินที่จะรับรู้ถึงความงดงามที่สถิตอยู่ตรงหน้าเรา ปล่อยให้ความวุ่นวาย ปล่อยให้ความยุ่งยากมาครอบงำ ทำให้เราต้องละทิ้งวิหารให้ยืนตระหง่านอย่างเดียวดาย บ่อยครั้งเราเลือกที่จะดุด่าว่ากล่าวความเก่าเฒ่าแก่ชราของแม่ แต่ไม่เคยเห็นคุณค่าแห่งความอดทน อดกั้นอันยิ่งใหญ่ที่ผ่านมา ที่ได้ส่งเสริมให้เราเติบใหญ่ บ่อยครั้งเราปล่อยให้ใครก็ไม่รู้ในบ้านเรา มาเหยียบย่ำน้ำใจอันใสบริสุทธิ์ ดูแคลนความห่วงใยที่ไม่เคยหดหายไปจากใจของผู้หญิงที่เราเรียกว่า “แม่” และหลายครอบครัวหลายคน ที่ปล่อยให้ในบ้านมีสภาพแม่ผัวลูกสะใภ้เป็นดั่งละครหลังข่าว เต็มไปด้วยวาจาที่หยามหมิ่นผู้เป็นแม่ ทั้งๆที่จริงแล้วหากทุกคนเข้าใจหัวใจที่เปี่ยมรักของแม่ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเราทุกคนยึดมั่นและเชื่อมั่นว่าผู้หญิงที่มีจิตใจแห่งความเป็นแม่ที่แท้จริง คือ มหาวิหารที่งดงามเสมอ ครอบครัวก็จะอบอุ่นและสันติ...
ครั้งหนึ่ง ในบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่ค่อยจะแข็งแรง มีอาการมือไม้สั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของก็ลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่อาม่าจะทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบน โต๊ะเป็นประจำอยู่ตลอดเวลา
ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามีว่า นางทนไม่ได้เวลาที่อาม่าทานข้าว จะทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้
อีกไม่กี่วันต่อมา ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีก ว่าจะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว!!! (จะเลือกใครล่ะระหว่างแม่กับเมีย) หลังจากโต้เถียงกันได้สักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา โดยเมื่อถึงเวลาทานข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว และใช้ชามข้าว ถูกๆบิ่นๆ เพราะอาม่าทำแตกบ่อยๆ
เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้ นางนึกถึงอดีตที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อความเหนื่อยยาก และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ช่วยแก้ไขทุกครั้ง แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้งอาม่าเสียใจมาก
หลายวันผ่านไป อาม่าก็ยังเศร้าใจ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของ หลานชายน้อยๆของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอด ก็เข้ามาปลอบใจและบอกคุณย่าว่า เขาก็รู้สึกเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้ แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อาม่ากลับไปทานข้าวรวมกับทุกคนได้
ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร หลานก็ตอบว่าเย็นนี้ให้คุณย่าแกล้งทำชามของคุณย่าตกแตกเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ อาม่าได้ฟังก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณย่าทำตามที่บอก ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลานเอง
และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานบอก เพื่อจะดูว่าหลานชายมีแผนอะไร หญิงชรายกชามข้าวเก่าๆที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้น แล้วแกล้งปล่อยลงบนพื้นเหมือนทำหลุดมือชามข้าวเก่าๆแตกกระจายยับเยิน
ลูกสะใภ้เห็นชามแตกเสียหายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “คุณย่าทำไมทำชามแตกหมดเลยล่ะครับ หนูกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่นะ แล้วคุณแม่จะได้ใช้ชามเก่าที่ไหนกันล่ะเนี่ย…เซ็งเลย”
ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและด่าอาม่าไม่ออกอีกต่อไป นางรู้ทันทีว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติเมื่อนางแก่ตัวลง นางรู้สึกอับอายและสำนึกกับการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอด …
(จาก นสพ. ผู้จัดการ)
….. แด่แม่ทุกคนที่มีบุญคุณต่อโลกใบนี้และเราสัญญาว่าจะไม่ลืม จะเทิดทูน จะดูแล ทำให้มหาวิหารที่งดงามนี้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น