ล้ำเส้น
ไหนๆก็ยังอยู่ในช่วงอารมณ์ของการแข่งขันฟุตบอลโลก ก็ขอเขียนอะไรที่เกี่ยวโยงกับเกมฟุตบอลต่อสักเล็กน้อย... ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกน้อยๆใบนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งเกมกีฬาชนิดต่างๆก็ถูกพัฒนา มีการแข่งขันกันอย่างเป็นระบบ มีการใช้สมองมากกว่าเรี่ยวแรง มีการวางแผนที่จะรุกที่จะรับสลับกันไปมา ในการตั้งรับในเกมฟุตบอลนั้นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่งที่ใช้ คือ การเช็คล้ำหน้า หรือ การล้ำเส้นเลยจากกองหลังของผู้เล่นอีกฝ่ายหนึ่งไปเพื่อทำประตู และมักจะใช้ได้ผล ทำให้เกมของฝ่ายรุกต้องหยุดชะงักลง แต่ถ้าพลาดนั่น...หมายถึงการเสียประตูในทันทีได้เหมือนกัน ในขณะที่ฝ่ายรุก ก็จะใช้การล้ำหน้าเพื่อกระชากกระชับ ลูกฟุตบอลให้เข้าไปสู้ก้นตาข่ายโดยเร็ว
หลายครั้งหลายหนหลายเหตุการณ์บนถนนชีวิต เราอาจจะเคยเห็นคนที่ชอบใช้วิธีการล้ำเส้น ล้ำหน้า ชอบที่จะก้าวข้ามผู้อื่น ชอบที่จะไปล่วงละเมิดความรับผิดชอบของผู้อื่น โดยมีเหตุผลส่วนตัวว่า “ก็เค้าไม่ทำ ฉัน (ข้า) ผม ก็เลยจัดให้ซะเลย” แต่บ่อยครั้งการกระทำนั้นมันแฝงเร้นไปด้วยความอยาก ความปรารถนาส่วนบุคคล ที่อยากจะได้รับคำยกย่อง คำสรรเสริญ เพื่อยึดครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว แน่ละ เราเกิดมาแต่ละคนย่อมมีพันธกิจและภารกิจส่วนตนในการขับเคลื่อนชีวิตและพัฒนาสรรสร้างโลกใบนี้ที่แตกต่างกันไป สังคมใดมีความสันติสุขสงบร่มเย็น ย่อมมาจากคนในสังคมนั้นรู้จักปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็งและเคร่งครัด หาได้จ้องขจัดปัดแข้ง แข่งขันหมายเอาชัยโดยวิ่งล้ำหน้าล้ำเส้นผู้อื่นอยู่ร่ำไป
และที่สังคมไทยเรายังก้าวไปไม่ถึงฝั่งฝากแห่งสันติก็เป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักหน้าที่ และความรับผิดชอบ แต่ชอบที่จะเป็นคนจบสกอร์ ชอบที่จะเป็นคนเข้าทำประตู ชอบที่จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าสู่เส้นชัยเพียงลำพัง มันก็เลยทำให้เกิดการแข่งขัน จากการแข่งขันก็ไปสู่การชิงดีชิงเด่น เลยเส้นก้าวเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ตั้งแต่ขัดแย้งภายในตัวเองและขัดแย้งกับคนรอบด้าน ใช่หรือไม่...เราคาดหวัง ฝันหวาน วาดอนาคตกันไว้ที่จะได้ตำแหน่งใหญ่โตโดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า ความรับผิดชอบในตำแหน่งนั้นเราพร้อมจะรับมันได้หรือเปล่า คิดกันเพียงแค่มีตำแหน่งไว้ให้คนยกมือไหว้ แต่ลับหลังมีแต่คำสาปแช่ง นี่หรือคือภารกิจที่เราต้องการที่จะทำบนโลกใบนี้
มีชายผู้ทรงคุณธรรมจริยธรรมผู้หนึ่ง เร้นกายทำไร่ไถนาอยู่ ณ ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งข้างเชิงเขาที่เขียวขจี ยามใดที่หิวก็จะปีนภูเขาขึ้นไปปลิดผลไม้ไปรับประทาน ยามใดที่กระหายน้ำก็อาศัยสองมือวักน้ำในแม่น้ำมาดับกระหาย แม้มีผู้ตักเตือนเขาว่า “ชีวิตคนเราสั้นนัก ใยต้องเร้นกายอยู่อย่างไร้นาม ผ่านชีวิตลำบากยากแค้นถึงเพียงนี้เล่า?” ชายหนุ่มกลับยิ้มพลางตอบว่า “เช่นนี้จึงสามารถมีชีวิตที่แสนอิสระเสรี ไม่ถือเป็นความยากลำบากอันใด”
ครั้งหนึ่ง มีคนนึกห่วงใยเขา จึงส่งกระบวยตักน้ำมาให้ เพื่อเขาจะได้ดื่มน้ำสะดวกขึ้น เขากลับเอากระบวยนั้นแขวนไว้บนต้นไม้ แต่ยิ่งนานวัน ยามที่ลมโชย กระบวยโดนลมพัดเกิดเสียงดังน่ารำคาญยิ่ง สุดท้ายเขาก็โยนกระบวยนั้นทิ้งไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ยังมีกษัตริย์พระองค์หนึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ผู้ธำรงคุณธรรม พระองค์ได้ทราบเรื่องราวของชายหนุ่มผู้นั้น ทรงดำริจะให้เขาสืบทอดราชบังลังก์ จึงได้เรียกเขามาพบ และตรัสว่า “ยามที่สุริยันและจันทราลอยเด่นบนท้องนภา มีคนพยายามจุดฟืนไฟประชันแสง นั่น..ใช่ยากเย็นหรือไม่? ยามที่หยาดพิรุณโปรยจากฟากฟ้า มีผู้ต้องการให้น้ำรดลงเฉพาะผืนแผ่นดินของตน ครอบครองความชุ่มชื้นที่ประทานมาเพื่อสรรพสัตว์ มิใช่สิ้นเปลืองแรงงานยิ่งหรือ? บัดนี้ปรากฏท่านผู้กอรปด้วยคุณธรรมจริยธรรมขึ้นมาในแผ่นดินผู้หนึ่ง หากเรารั้งตำแหน่งกษัตริย์ไว้กับตัวเอง ย่อมน่าเสียดายสำหรับปวงประชาเป็นยิ่งนัก”
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นกลับปฏิเสธอำนาจเหนือแผ่นดิน โดยกล่าวว่า “นกบนยอดไม้ใหญ่ยึดเกาะได้เพียงกิ่งไม้ใต้ฝ่าเท้า หนูดื่มน้ำในลำธารเพียงดื่มได้แค่เต็มกระเพาะ เช่นเดียวกับข้าน้อย ใยจะต้องการอำนาจเหนือแผ่นดินไปเพื่ออะไร...แม้แต่พ่อครัว หากไม่ปรุงอาหารตามหน้าที่ แต่กลับไปเป็นผู้ควบคุมงานพิธี ปล่อยให้ผู้ทำพิธีกรรมไปทำหน้าที่พ่อครัวแทน อย่างนั้นหรือ” เมื่อกล่าวจบ เขาจึงได้อำลาแล้วเดินทางจากไป
คนเราเกิดมามีหน้าที่ต่างกัน มีความรับผิดชอบในแต่ละคนเป็นส่วนๆ ตามกระแสเรียกของตน ถ้ารู้และตระหนักที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด แม้จะไม่เป็นที่ยอมรับ แม้จะไม่เป็นที่ชื่นชม หากว่าได้ทำแล้วสุขใจ ใช่หรือไม่ นี่แหละคุณค่าชีวิตที่แท้จริง เป็นความพอเพียงที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ และเมื่อถึงเวลาหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่ง ในนามหน้าที่ที่เรารับผิดชอบก็จะได้รับการชูขึ้น ได้รับการส่งเสริม เพื่อใช้หน้าที่ภารกิจของเราเข้าคลี่คลายสถานการณ์นั้นๆ สิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงเสมอๆ การก้าวล่วงหน้าที่ผู้อื่นนั้น เป็นการสวมบทบาทแทนพระเจ้า แล้วเราสมควรแล้วหรือที่จะกระทำเช่นนั้น ที่ไปล้ำเส้นพระองค์....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น