วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เก็บรักษา

 

เก็บรักษา

>>> การรักษาใจ รักษายากยิ่งกว่าสิ่งทั่วไปในโลก <<<

            เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างหนึ่งของคนเรา เวลาที่เรารักหรือชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น เรามักจะเก็บรักษา และไม่ค่อยนำสิ่งนั้นออกมาใช้งานสักเท่าไหร่ เราจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี บางทีเก็บจนลืม เก็บจนเก่าเลย ฉะนั้นแล้วการเก็บรักษาที่ดี คือ การนำออกมาใช้ประโยชน์ตามสภาพที่ควรจะใช้ เฉกเช่นในเรื่องร่างกาย จิตใจ ของเรา บางทีเราก็ใช้ไม่เป็น บางทีก็เก็บก็ซ่อนไว้จนไร้ประโยชน์ หรือบางครั้งก็ใช้โดยไม่รู้จักรักษา เสื่อมโทรม ผุพังไป ไม่รักษาสมดุล จนเสียสมดุลเซซวน รวนเอาง่าย ๆ หรือ เพราะบางครั้งเราไม่ยึดติดกับค่านิยมที่ถูกฝังชิปมาจนหลงลืมความเป็นตัวตนไป

ใช่หรือไม่ ตอนเป็นเด็ก เราถูกทำให้เข้าใจว่า คนที่เรียนได้คะแนนสูง อันดับดี ๆ สอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ มีปริญญาหลาย ๆ ใบ “คือคนเก่ง”  พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เข้าใจว่าคนที่ทำงานเก่ง เงินเดือนสูง ๆ หรือ มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตาของสังคม “คือคนเก่ง”  มาวันนี้ ที่ผ่านวันเวลา ผ่านผู้คนจนผ่านพ้นอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ล้วนเข้าใจผิดมาตลอด คนที่เก่งจริง คือ คนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงเวลากินก็ได้กิน ถึงเวลานอนก็ได้นอน มีเวลาว่างไปท่องเที่ยว มีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ และ ตัวเอง สมดุลในทุก ๆ เรื่อง ในแบบฉบับของตัวเอง รู้รักษาความสุข นี่ต่างหากคือคนที่อยู่กับโลกได้


คนส่วนมากจะเอาแต่ดูแลร่างกาย ให้สวยให้งาม ไม่ให้หิว ไม่ให้ปวด ไม่ให้เมื่อย ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ป่วย สิ่งนี้เป็นหน้าที่ที่เราต้องดูแลรักษา สิ่งที่พระเจ้าประทานให้เราช่วยต่อยอดการสร้างโลกของพระองค์ แต่ว่าหน้าที่เราไม่ได้มีแค่นั้น เรายังมีหน้าที่ต่อจิตใจด้วย ต้องดูแลเอาใจใส่กับจิตใจ รักษาใจไม่ให้ความทุกข์มารัดเกี่ยว บีบคั้นจิตใจของเรา อย่าไปมัวเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วยดูแล อย่ามัวที่จะเก็บรักษาใจโดยมิได้นำหัวจิตหัวใจออกมารับใช้เรา ออกมาแสดงให้คนอื่นเห็นความดีงามที่ซ่อนอยู่ มันก็ไร้ค่า และจะเสื่อมสลายไปอย่างน่าเสียดาย

โลกไม่ได้อยู่ยาก แต่การอยู่ร่วมกัน กับคนหมู่มากต่างหาก ที่อยู่ยาก บางคนมองกันที่ “เปลือกนอก” บางคนคบกันที่ “ผลประโยชน์” บางคนทำเพื่อ “หวังผลตอบแทน” บางคนเกลียดกันด้วยการ “ฟังเขาเล่ามา” ยิ่งใส่ใจ ยิ่งยึดมั่นกับสิ่งใด ก็จะยิ่งเป็นทุกข์กับสิ่งนั้น บุคคล เรื่องราว วัตถุ ล้วนเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในกฎของอนิจจัง ไม่เที่ยง แปรเปลี่ยน ดำรงโดยไม่มีเจ้าของเที่ยงแท้ เมื่อคิดจะฝืนความจริงของธรรมชาติ พยายามที่จะยึดถือเหนี่ยวรั้ง ผลลัพธ์อาจมีหลากหลาย แต่สุดท้ายย่อมลงเอยด้วยความทุกข์ มิสู้ทำความเข้าใจเรื่องดีและร้าย บุคคลใด ๆ สิ่งของทั้งหลาย ยามที่เข้ามา ก็สนองรับ รักษา ดูแลให้ดีที่สุด ยามผ่านไป ก็อวยพร แล้วปล่อยวาง เพราะสุดท้าย ทุกสิ่งย่อมมีวิถี ทุกคนย่อมมีเส้นทางของตน แม้ไม่ต้องการวาง ยังคงต้องวาง อยู่ที่จะเลือกวางอย่างวางใจ หรือจะเลือกวางอย่างทุกข์ใจ (Cr : Bodhisat Heart)

            โลกจะเป็นอย่างไรก็เรียนรู้ที่จะอยู่ให้เป็นสุข  อย่าไปกังวลมากนัก  รักษาใจเราไว้ดีกว่า  อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ดี  แม้เป็นเรื่องของคนอื่น เสียอะไรก็เสียไป  แต่อย่าให้  ใจเสีย ทุกคนต้องเผชิญ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากสูญเสีย ถ้าไม่รู้รักษาใจก็จะเกิดความทุกข์เศร้าโศก แม้ว่าร่างกายมีวันเสื่อม แม้ว่าร่างกายจะป่วย แต่ใจไม่ป่วยตามไปด้วย อันนี้สำคัญมา และถ้าคนหนึ่งมีจิตใจนิ่งสงบ  ก็สามารถช่วยลดทอนอารมณ์ของผู้อื่นได้ เริ่มต้นที่ตัวเรา เมื่อรักษาจิตใจดีแล้ว ก็อย่าได้เก็บซ่อนเอาไว้ นำเอาจิตวิญญาณที่เป็นขุมทรัพย์อันประเสริฐนั้นออกมา เพื่อรักษาสังคมโลกวันนี้ต่อ ๆ กันไป อย่ามัวแต่เก็บไว้จนเก่าจนขึ้นสนิม มันน่าเสียดาย....


ไม่มีความคิดเห็น: