เลิกติดตาม / unfollow
>>> อย่าให้โลกออนไลน์ ทำให้เราสร้างความแปลกปลอมใส่กัน <<<
ในสมัยหนึ่งก่อนหน้าที่เราจะมีโลกอีกใบที่เรียกกันว่า “โลกออนไลน์”
เหมือนเช่นวันนี้ ใครจะโกรธเคืองใครก็เป็นเรื่องส่วนตัว ใครจะเลิกลาห่างหายจากกันไปเหตุเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันก็จากลากันไปอย่างเงียบ
ๆ ไม่ต้องให้เป็นข่าว แล้วมานั่งแถลงข่าว มาสมัยนี้เพียงแค่ดารา unfollow กดเลิกติดตามกันในสื่อโซเชี่ยลก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต
ต้องขุดคุ้ยหาสาเหตุ เขาทะเลาะกันเขาต้องมีอะไรขัดกัน นักข่าวก็ละเลงเพลงใส่สีสันตามจังหวะหวังผลอย่างเมามัน
ทำไมวันนี้เราปล่อยให้โลกออนไลน์มันกลืนกินขนาดนี้ สร้างความเกลียดชัง
สร้างการนินทาสาธารณะ ในขณะที่บางคนก็ฉวยเอาจุดนี้สร้างกระแส สร้างราคาความเด่นดัง
เป็นการสมรู้ร่วมคิด สร้างให้เกิดเรื่อง เพื่อผู้คนจะไม่ลืมเลือนตน ฉะนั้นแล้วบางสิ่งในโลกเสมือนจริงก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อถือทั้งหมด
มันก็แค่พื้นที่ทิพย์ ปลอม ๆ ทุ่งโล่ง ๆ ที่ให้ใครสร้างอะไรก็ได้ตามความอยาก
ตามความเห็นแก่ตัว
บางทีเราแค่ไม่ชอบตัวตนในโซเชี่ยลของคนอื่น แต่ในชีวิตจริง ๆ
ได้รู้จักกลายเป็นคนดี เราอยู่ในสังคมที่ถูกปรุงแต่งไปด้วยความฉาบฉวย
และการโอ้อวด อวดรวย อวดสุข อวดดี อวดฉลาด
อวดเก่ง อวดความสมบูรณ์แบบของชีวิต จริงเช่นนั้นหรือ ไม่มีใครรู้หรอก
บางคนหนี้สินท่วมหัว แต่ทำตัวร่ำรวย บางคนใจแคบ แต่ทำตัวเป็นป๋าใจใหญ่
บางคนสร้างภาพประสบความสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตล้มเหลวในทุกด้าน
หนทางชีวิตของเราต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม เราเห็นสิ่งที่คนอื่นโพสต์
ก็อย่าคิดว่านั่นคือชีวิตทั้งหมดของเขา สำคัญอยู่ที่เราควรสนใจชีวิตตัวเอง หาความสุขให้ได้ในทุกวัน
อยู่ในหนทางของเราและเต็มที่กับชีวิต อย่าให้สิ่งที่ปรุงแต่งมาทำให้เรา “ป่วย” (ทางใจ)
กลับมามองสิ่งดี ๆ ที่อยู่รอบตัว ใครชีวิตดี ก็ควรยินดีก็เท่านั้น
ใช่หรือไม่ เรามัวแต่สนใจกับเรื่องราวของคนอื่นในทุ่งกว้าง
แต่เราหลงลืมเรื่องราวทางจิตวิญญาณในพื้นที่ของเรา บ่อยครั้งเราดันเลิกติดตามสิ่งที่ช่วยขัดเกลาความงามชีวิตภายใน
หลายครั้งเราก็เลิกติดตาม unfollow พระเจ้าไป
เพราะโกรธเคืองพระองค์ที่ไม่ได้ดังใจ วอนขออะไรก็ไม่เคยได้ เพราะเราเองเอาแต่ใจ
อยากได้อะไรก็ต้องได้ โดยหารู้ไม่ว่าความรักความดีที่พระประทานให้เรานั้น ผ่านเข้ามาทุก
ๆ วัน แม้กระทั่งในความทุกข์ยากก็มีความสวยงาม
เด็กหนุ่มคนหนึ่งปรารถนาที่จะหาพื้นที่
ในดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์ จึงออกเดินทางเสาะหา วันเวลาผ่านไปรวดเร็ว
จากที่หนึ่งไปที่หนึ่งก็ยังไม่พบดินแดนดั่งใจหวัง
หลายครั้งที่เดินทางเหน็ดเหนื่อยพบต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่น เขาก็เดินไปใต้ต้นนั่งพักรับลมเย็นสบาย
เผลอหลับไปก็มี ตื่นมาก็ออกเดินทางต่อ ผ่านลำธารน้ำใสไหลเย็นฉ่ำ มีเวลาลงเล่นน้ำชำระร่างกาย
ได้ดื่มด่ำน้ำดับกระหาย เมื่อรู้ตัวก็ขึ้นจากธารน้ำแต่งตัวออกเดินทาง
ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ เห็นลุงป้านั่งกินข้าวกับผักต้ม เห็นแล้วก็หิว เข้าไปขอซื้อมากิน
ทั้งสองกลับเชิญชวนให้กินด้วยกัน ร่วมวงสนทนา กับข้าวไม่กี่อย่างแต่รสชาติแสนอร่อย
นั่งเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา และสิ่งที่เสาะหา เมื่อนึกขึ้นได้ก็กล่าวลาลุกจากมา
วันหนึ่งเกิดสะดุดก้อนหินล้มลง เกิดแผลเลือดไหล อยู่ ๆ ก็มีสาวชาวนามาพบ พากลับมารักษาที่หน้าบ้าน
เอาสมุนไพรมาประคบจนอาการบรรเทา หญิงสาวเชิญชวนให้พักผ่อนสักคือสองคืน
แต่นางมิได้สวยงามอะไร หนุ่มคนนี้จึงขอตัวเดินจากไป
ปีแล้วปีเล่า ผ่านเรื่องราว
ผ่านเมืองผ่านผู้คนมากมาย ก็มิอาจจะพบสิ่งที่ใจหวัง ที่สุดก็หมดลมหายใจไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินทางต่อไป
ก่อนลมหายใจครั้งสุดท้าย เขาก็ย้อนความสุขเล็ก ๆ ริมทางที่ผ่านมา แล้วจึงพบว่า นั่นมันคือความสุข
ความดีงามอย่างแท้จริง บางทีไม่ต้องออกเสาะแสวงหาให้เหนื่อยเปล่า
ชีวิตคนเราก็เช่นนี้แหละ เสาะหาในสิ่งที่ต้องการไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อยู่กับร่องกับรอย
ไม่ได้ติดตามพระคริสต์ เป็นศิษย์ที่มัก UNFOLLOW พระอาจารย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น