วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เราเป็นใคร

 

เราเป็นใคร

>>> การเตือนตนว่าเราเป็นใคร เป็นการย้ำเตือนให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้น <<<

เหตุการณ์เรือดำน้ำขนาดเล็กไททัน ที่ดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึก เพียงเพื่อไปดูซากเรือไททานิค ที่จมลงและนอนนิ่งเป็นประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์มาอย่างยาวนานนั้น เป็นเครื่องตอกย้ำว่า คนเราบางคนบางครั้งก็ไม่ได้เจียมตัวว่า เรามันก็เพียงสิ่งเล็ก ๆ เศษเสี้ยวจักรวาล จะทำอะไรเกินตัว เกินธรรมชาติ ท้าทายความตายเป็นหมุดหมายนั้นมิสมควร เราต้องเตือนตนและสำนึกเสมอ ๆ ว่า “เราเป็นใคร” เพื่อเราจะได้รู้ตัว ไม่หลงไปกับตำแหน่งแห่งตน หลงไปกับทรัพย์สินที่ครอบครอง ไม่หลงไปกับความรู้ข้อมูลที่มี จนกลายเป็นการอวดเก่ง เบ่งใส่กัน

ในยุคที่เราพัฒนาเทคโนโลยี เครื่องมือสื่อสาร จนเข้าสู่ระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ (แต่เป็นจริงก็หาใช่สิ่งที่แท้จริงไม่) กำลังทำให้เราหลงทาง หลงไปกับความเจริญ ละทิ้งคุณธรรม ละเลยกฎระเบียบ แอบอ้างเสรีภาพ ทำอะไรก็ได้ เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน ใช่หรือไม่ ความก้าวหน้าทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่มาจากความแตกต่าง มาจากแรงกระตุ้น จากเห็นต่างทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญสุด คือ เราต้องรู้จักตัวตนของเราให้ดีก่อนว่า เราคือใคร มีหน้าที่อะไร ทำทุกอย่างเพื่อใคร ไม่ใช่ให้ใครมายกย่องจนล่องลอย เราหาใช่คนที่สำคัญสุด เก่งที่สุด ดีที่สุด เราล้วนมีความอ่อนแอแอบซ่อนอยู่กันทั้งนั้น เราล้วนมีข้อด้อย ข้อพกพร่องกันทั่วหน้า

สิ่งที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านวันเวลาได้อย่างมีคุณค่า คือ การรู้ตัว ก่อนเข้านอน ตอนตื่นนอน ลองสำรวจตัวเองกันบ่อย ๆ ว่า เรามีชีวิตวันนี้เพื่ออะไร เรามีหน้าที่มีตำแหน่งเพื่ออะไร ตัดเอาความเป็นตัวเราออกจากการทำกิจการทุกอย่างลงบ้าง วางความทนงลงไว้ข้างทาง เห็นความงามของทุกผู้คน เท่านี้แหละความเท่าเทียมก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่การเรียกร้องให้ทุกคนต้องคิดแบบเรา เป็นอย่างที่เราคาดหมาย เป็นเช่นที่เราวาดหวัง เช่นนี้แล้วเราจะได้ เป็นลูกของพระ ให้พระองค์นำทาง หากเราพยายามจะเดินแซงหน้าพระองค์ไป เราจะเดินสู่หุบเหวในทันที

ไม่มีความคิดเห็น: