วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563

คริสต์มาส คิดเหมือน ใคร

 

คริสต์มาส คิดเหมือน ใคร

ถึงแม้จะผ่านไปแบบลุ้นกันจนหยดสุดท้าย กับการสมโภชพระคริสตสมภพที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราในปีนี้ ท่ามกลางการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 งานรื่นเริงจึงถูกงด เหลือแต่มิสซา ที่เราผู้รัก นับถือ ศรัทธา ในองค์พระเยซูเจ้ารอคอยมาตลอดปี มีผู้ที่มาเข้าร่วมจนเต็มจำนวนที่กำหนดตามมาตรการทางสาธารณสุข (บางที่หลายแห่งเหลือเพียงพิธีทางออนไลน์เท่านั้น) คริสต์มาสปีนี้จึงเป็นการระลึกถึงการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูแบบเงียบ ๆ เรียบ ๆ ทำให้ย้อนไปในวันนั้น วันแห่งการเริ่มต้นตำนานแห่งรักและการไถ่กู้ ในภารกิจนี้มีหลายคนที่เกี่ยวข้อง มีหลายคนที่เริ่มต้นในค่ำคืนที่แสนจะเงียบและเรียบง่าย กลับกลายเป็นสิ่งล้ำค่าในกาลต่อมา ย้อนกลับมามองสำรวจตรวจสอบตัวเรา คริสต์มาสปีนี้ เราได้คิดเหมือนหรือมีอะไรเป็นบทเรียนเพื่อนำมาเป็นเครื่องชี้นำชีวิตเราบ้าง ?

แม่พระ... คนที่สำคัญที่สุดในค่ำคืนนั้น หญิงสาววัยน่ารัก กำลังมีชีวิตที่สดใส แต่แล้วต้องมาน้อมรับการเป็นแม่คนแบบกระทันกัน และต้องแบกภาระอันหนักอึ้ง แต่พระนางน้อมรับด้วยความสุภาพ แม้จะมีความกลัวอยู่บ้าง อาจจะมีคำถามแต่ไม่มากนัก รับฟัง อ่อนน้อมยอมรับเอาความทุกข์ยากเพื่อผู้อื่นหมื่นแสนล้านคนมาแบกรับ ต้องมากลายเป็นแม่ผู้แกร่งกล้าที่สุด นับจากเหตุการณ์ในค่ำคืนที่เทวดานำข่าวมาแจ้งสาร ต้องอพยพไปที่นั่นที่นี่ ความเชื่อความศรัทธาเป็นบ่อเกิดแห่งพลังในการต่อสู้ชีวิต

แล้วเราล่ะ รับฟังภายในกันมากน้อยเพียงใด ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงของความเก่ง ที่แข่งกันเบ่ง และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ความอ่อนน้อมไม่มี มีแต่หยิ่งที่อยากจะยิ่งใหญ่ ไม่เคยฟังใคร มีแต่ใคร ๆ ต้องฟังงฉัน ล็อกดาวน์ตัวเองดำเนินชีวิตด้วยเสียงแห่งตนมากกว่าความเป็นคนของพระ สิ่งนี้ทำให้สังคมเรากำลังบิดเบี้ยว

นักบุญยอแซฟ... ผู้นิ่ง สุขุม กล้าหาญ ผู้นำที่ไม่ต้องแสดงความเป็นผู้นำให้คนอื่นเห็น แต่มีแสงแห่งตนเอง เลือกที่จะทำตามเสียงของพระเจ้า และอยู่เคียงข้างกับคนที่รักเสมอ ความอดทนเป็นเลิศ มีความรอบรู้และเลี้ยงดูพระเยซู ปูทางด้านงานฝีมือและหมั่นศึกษา ยอมรับการตัดสินใจของคนรอบตัวอย่างเคารพ คนแบบนี้จะมีสักกี่มากน้อยในวันนี้

เราเห็นคนที่ต้องการเป็นผู้นำมากมายที่พยายามโชว์อำนาจ พยายามทำให้คนอื่นเห็น แม้จะยอมสร้างภาพ ไม่เคยทำอะไรด้วยหัวใจตัวเองบ่งการ คนอื่นจะมาอวดเก่งเกินหน้าไม่ได้ ในยุคที่ทุกคนเก่งแต่ไม่แกร่ง เพราะเราล้วนกลัวแม้กระทั่งไวรัสตัวเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น แล้วเราต้องการจะที่จะยิ่งใหญ่ไปเพื่ออะไรเล่า?? 

คนเลี้ยงสัตว์... คนเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตของตัวเอง แต่มีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ แม้จะนอนกลางทราย กายไม่สะอาด ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่โด่งดัง ซื่อ ๆ เห็นอะไรก็เชื่อแบบนั้น เมื่อรู้ว่ามีเด็กน้อยเกิดมาแถวนี้ ก็ขอไปแสดงความยินดี ไปร่วมชื่นชม ให้กำลังใจพ่อแม่มือใหม่ เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทุกข์ยาก ไออุ่นจากพวกเขา คือ ความอบอุ่นที่แสนจะบริสุทธิ์

น้ำใจ คือ สิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่เรามักจะไม่ค่อยมีให้ใครสักเท่าไหร่ เรามักคิดถึงแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่คนอื่น กระแสสังคมมอบความเป็นคนแบบนี้มาให้เรา จนกลายเป็นอุปนิสัยสาธารณะไปแล้ว คนยุคเราเรื่องน้ำใจ เรื่องชื่นชมคนอื่นหาน้อยเต็มที มีแต่ชอบวิจารณ์คนอื่น เราไม่ค่อยยินดีแม้กับคนรอบตัว หากเรามีความซื่อ ๆ คิดเหมือนคนเลี้ยงบ้าง สังคมจะอุดมด้วยความงามมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

พญาสามองค์... ผู้แสวงหาความจริงจากต่างถิ่น แม้จะมีอำนาจบารมีในตัวเองอยู่แล้ว แต่กลับรู้สึกว่าต้องเคารพต่อผู้ที่จะนำพาความสงบร่มเย็นมาให้กับผู้คน ยอมเสียสละสิ่งที่มีค่า  มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละความพยายาม จวบจนได้เจอได้พบ ยอมรับในความคิดของคนต่างถิ่น เพื่อหล่อมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ในวันนี้จะเราจะมีน้ำอดน้ำทนสักเพียงใดในการเฝ้ารอคอย ไม่ได้ดังใจก็บ่นก็เบื่อ ก็ตะโกนเรียกร้อง ความจริงสิ่งเดียวในชีวิต คือ ทุกคนต้องทำตามใจฉันเท่านั้น เราไม่เคยออกจากตัวตนเพื่อแสวงหาสัจจะ  แต่เราต้องการแสดงออกเพื่อให้ทุกคนคิดแบบเรา เอาเข้าจริง...เราเคยพบความสุขบนทางแบบนี้หรือไม่? เราเคยได้เห็นความงามยามที่เราต้องการหรือเปล่า? เราปรารถนาดีต่อคนรอบข้างมากน้อยเพียงใด? คริสต์มาสปีนี้ผ่านไปอีกครั้ง แต่อย่าให้ผ่านไปแบบไร้ความหมาย ในค่ำคืนอันเงียบสงบย่อมสยบความวุ่นวาย ความหยิ่ง ความเห็นแก่ตัวลงได้ นิ่ง ๆ ยิ่งสงบ หยิ่ง ๆ ยิ่งสับสน แล้วเราคิดจะเป็นเหมือนใครบ้างมั๊ยในค่ำคืนนี้..???

ไม่มีความคิดเห็น: