วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563

แล้ว...ก็ได้เห็น

 

แล้ว...ก็ได้เห็น

ในวันนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองที่เคยแสนง่ายดายก็กลายเป็นเรื่องลำบากขึ้นทันที ธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวที่เคยรุ่งเรืองเฟื่องฟู ทำเงิน สะพัด จับจ่ายกันคล่องโลก ปีนี้ล้มละลายกันเป็นทิวแถว จากที่เคยมีกำไรใช้จ่ายกันแบบคล่องมือ เคยคิดกันว่าไม่มีอะไรจะมีขวางกั้นการไหลบ่ากระแสธุรกิจนี้ลงได้ จึงไม่มีการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมาก่อน วันนี้สิ่งที่ได้เห็น หลายภาคส่วนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง ล้มลงแบบไม่เป็นท่า ปิดกิจการที่เคยใหญ่โตลง คนที่เคยได้มามากเป็นกอบเป็นกำ เวลาล้มย่อมต้องเจ็บมากกว่าเป็นธรรมดาของวิถีโลกนี้ เราได้เห็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไป เนื่องด้วยไวรัสไวร้ายที่เรียกขานกันว่า “โควิด-19” ที่ยังไม่รู้ว่าจะหมดเรี่ยวแรงไล่ขวิดมวลหมู่มนุษย์ลงวันไหน? การเปลี่ยนไปในหลายสิ่งหลายอย่างทำให้เกิดสิ่งใหม่ในวิถีชีวิตของเรา และก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปในเชิงลบมากกว่าเสียด้วย...

ภาพ : อินเทอร์เน็ต

เราได้เห็น ความหยาบคายของผู้คนในวันนี้มากขึ้น ได้เห็นการแสดงกิริยา คำพูดคำจา แม้กระทั่งคำเขียน ผ่านเส้นทางสังคมออนไลน์ มีคำด่า คำหยาบ เต็มไปทุกท้องที่ สัตว์สารพัดออกมาวิ่งเพ่นพ่านในสังคมจนล้นบ้านล้นเมือง ที่สาธารณะเป็นแหล่งที่แสดงเสรีภาพแบบหยาบโลน พร้อมกระโจนรุมสกรัม เข้าใส่คนที่ตักเตือน ไร้การเคารพคนต่างวัย ไม่ใส่ใจคนอื่น เราได้เห็นการแสดงความคิดที่ยึดโยงทัศนคติของตนฝ่ายเดียวเป็นที่ตั้ง  เราได้เห็นความขัดแย้งขั้นรุนแรงของคนรุ่นวันนี้กับคนรุ่นเมื่อวานมากขึ้น ที่ต่างเกาะกุม ต่างฝ่ายต่างยึดในความคิดของตัวเอง เราได้เห็นสิ่งที่คนรุ่นหนึ่งแสดงออกต่อคนอีกรุ่นหนึ่งแบบไร้ใจรักภักดีต่อกัน สังคมที่ไร้รอยต่อเป็นท่อธารที่เปราะบาง เริ่มรั่ว เริ่มแตกหัก จนความเกลียดชังพวยพุ่งออกมาท่วมท้นสังคมในวันนี้ เราเห็นการดูถูกหยามเหยียดไม่ให้เกียรติกัน ด้วยเอาข้อมูลที่มีในหัวเป็นตัวตั้ง การรับฟังถูกปิด การวิเคราะห์ถูกบล๊อก ล็อกดาวน์อยู่ในวังวนที่ตัวเองชอบ เอาแต่กวักมือเรียกร้องให้คนอื่นมาอยู่ในวังวนตน หากแม้นมีข้อโต้แย้ง มีข้อสงสัย จะถูกกล่าวหาด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ

ภาพ : อินเทอร์เน็ต
          เราได้เห็นความอบอุ่นในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายภายใต้ชีวิตจริง เห็นความสนุกที่ได้แสดงออกบอกให้คนอื่นรู้ว่าข้าเก่ง ข้าแน่ เพื่อเรียกร้องให้คนอื่นมาเห็นด้วย มาเข้าข้าง แสดงความเห็นโดยที่ไม่ให้คนอื่นคิดเห็น หรือหลีกเลี่ยงการที่ให้คนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริง แอบอิงสิ่งที่เสมือนจริงเข้าสิงความดิบเถื่อน พร้อมที่จะเข้าไปแสดงความเห็นในทุกเรื่อง เชื่อมโยงเข้ามาในสิ่งที่ตัวเองเชื่อในทุกกรณี โชว์ความกร่าง โชว์ความเก่งบนคีย์บอร์ด แต่หัวใจมืดบอด เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์จริง อยากเป็นฮีโร่โชว์เท่เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้คนชื่นชม แต่ต้องระทมคนเดียว เมื่อเกิดความทุกข์ยากในชีวิต เราเห็นเรื่องราวแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

เราได้เห็นคนมีอำนาจที่วางมาดใส่ทุกคน เอาชุดความคิดของตัวเองพยายามไปติดตั้งใส่คนอื่น แล้วก็พลอยคล้อยคิดตามไปว่า ความคิดนี้ คือ สุดยอดแล้ว จนบางครั้งก็หลงลืมไป ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่เราคิดเสมอ เราได้เห็นคนวันนี้สื่อสารกันไม่ค่อยจะเป็น ไม่ค่อยพูดอธิบายถึงรายละเอียด เมื่อมีอำนาจก็มักคิดไปเองว่าทุกคนจะต้องตามติดความคิดของตัวเองให้ทัน วางแผนงานมาบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยใส่ใจสิ่งที่ทำผ่านมาแล้ว เอาเข้าจริงสิ่งที่ทำให้คนเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คือ การพูดคุยกัน รู้จักที่อธิบาย รู้จักที่จะพูดกันด้วยหัวใจ ฟังด้วยจิตพิเคราะห์ มิใช่ด้วยคำสั่ง เราได้เห็นคนที่พอมีอำนาจก็หลงในอำนาจนั้น เที่ยวบังคับคนอื่นให้เชื่อ ให้ทำตามตน เราได้เห็นความหลงใหลในความคิดของคนมากมาย ที่กำลังเป็นอันตรายในการอยู่ด้วยกันเป็นชุมชน เราจึงเห็นความขัดแย้งอยู่เรื่อย ๆ

ภาพ : อินเทอร์เน็ต

ห้วนคิดกลับไปในระยะเริ่มแรกของการระบาดของไวรัสโควิด-19  ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหลายสิ่งหลายอย่าง ของหลายคน ที่เป็นไปในทางที่ดีและสวยงามขึ้น แต่เมื่อพอเราเริ่มจะปรับตัวและคุ้นชินในวิถีใหม่ เราก็กลับสู่นิสัยเก่าดั้งเดิม คือ เห็นแก่ตัว หลงตัว อวดเก่ง อวดดี คืนกลับมาและกลับมาแรงเพิ่มขึ้นเสียด้วย หรือว่านี่... จะเป็นเหตุให้โควิด-19 ระบาดต่อไปและหนักขึ้น เพื่อจะตีสอนมนุษย์ต่อไปจนกว่าเราจะได้เห็นว่า แท้จริงแล้วโลกเรานี้ต้องอาศัยความรักและเมตตาต่อกัน เราจึงจะพบกับสันติสุข ใครอยากจะได้เห็นโลกเปลี่ยนแปลงไปด้านนี้บ้าง ก็ต้องช่วยกันลดความเห็นแก่ตัวลง เพิ่มความรักเมตตาให้มากขึ้น ๆ นี่แหละ “วัคซีน”สำหรับวันนี้...

ไม่มีความคิดเห็น: