น้ำตาสวรรค์
ช่วงเดือนตุลาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม
ฝนฟ้ามักจะตกหนักลงมา น้ำท่วมจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ
คนที่มีบ้านริมลุ่มน้ำมักคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ แต่ด้วยวิทยาการสมัยใหม่
หลายแห่งก็สร้างกำแพงผนังกั้นตามชายตลิ่งแม่น้ำ ซึ่งบางครั้งก็เอาไม่อยู่หากว่ามีฝนตกหนักและมีมวลน้ำรวมตัวกันมาก
ๆ เวลาฝนตกลงมาคราใดใจก็มักคิดว่าปีนี้น้ำจะท่วมไหม? เดินเข้าเดินออกไปดูการขึ้นลงของน้ำ
และคำนวนด้วยประสบการณ์เพื่อเตรียมความพร้อม และบ่อยครั้งในเดือนนี้โดยส่วนตัวแล้วก็มักคิดถึงการสูญเสีย
ครั้งเมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ในวัยเยาว์ เมื่อวันเวลาผ่านไปหลายสิบปี ความเศร้าในความทรงจำก็เริ่มลบเลือน
แต่ไม่เคยหายไปได้อย่างหมดสิ้น ครั้นยิ่งได้ฟังเพลงยุคเก่า ๆ เช่น เพลง “Tears in
heaven” ของ เอริค แคลปตัน ที่เขียนขึ้นในห้วงเวลาที่เขาเสียใจอย่างหนักในการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักยิ่งไปในอุบัติเหตุ
บทเพลงนี้ทำให้เราคิดว่าวันเวลาที่เรายังอยู่บนโลกนี้ เราต้องทำความดีความงาม เพื่อสักวันหนึ่งเราจะเจอคนที่เรารักอยู่บนสวรรค์
นี่คือ ความหมายของการมีชีวิต
Would you know
my name?
เธอจะจําชื่อฉันได้ไหม
If I saw you
in heaven?
ถ้าเราเจอกันบนสวรรค์
Would it be
the same?
แล้วเราจะเป็นเหมือนเดิมไหม
If I saw you in heaven?
ถ้าเราเจอกันบนสวรรค์
I must be
strong
ฉันต้องเข้มแข็ง
And carry on
และมีชีวิตต่อไป...
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เปรียบดั่งน้ำตาสวรรค์ที่หลั่งไหลมาบอกตอกย้ำเราว่า
อย่าให้เบื้องบนต้องผิดหวังต่อความเป็นอยู่ในโลกนี้ของเราเลย วันเวลา ยุคสมัย
เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของผู้คนก็มีมากขึ้น คุณค่าของน้ำใจก็มักถูกตีตราเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมูลค่า
ทำอะไรก็มักหวังผลเป็นเงินเป็นทอง เรื่องเศรษฐกิจนำจิตใจ โควิด-19
เกิดขึ้นมาเพื่อให้เราได้สำนึกรับผิดชอบร่วมกัน
แต่หลายคนกลับยิ่งทำให้โควิดกัดกินเข้าไปจนถึงรากของจิตวิญญาณ ด้วยอวดดีอวดเก่งเบ่งบานไปทั่ว
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครรู้จริงถึงหนทางการเยี่ยวยารักษา ฟ้าจึงคงมีน้ำตาต่อไป
เพื่อให้เราได้เห็นว่า คนกำหนดหรือจะสู้พระเจ้าลิขิต
ซึ่งหากเราไม่กลับสู่การเตรียมด้วยความดีงาม เราก็มิวันที่จะได้เห็นความงามของแดนสวรรค์
ในวันฟ้าเปิด ทุกวันต้องเข้มแข็งและมีชีวิตต่อไปในความดีงาม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น