วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ได้โปรดอ่อนน้อมกันบ้างเถิด

 

ได้โปรดอ่อนน้อมกันบ้างเถิด

ช่วงจังหวะชีวิตในเวลาที่โควิด-19 กำลังเป็นผู้กำกับหมู่มวลมนุษย์ให้นิ่ง สถานที่หลายแห่งซบเซามาหลายเดือน ในหลายประเทศยังคงวิกฤต เมืองไทยเราถือว่าสุดยอดที่พลิกสถานการณ์รับมือกับการแพร่ระบาดได้ดี หลายที่หลายกิจการเริ่มทยอยเปิดบริการ ที่พัก โรงแรม โรงเรียน กำลังค่อย ๆ ก้าวสู่ความปกติ ถ้าจะปกติแบบยั่งยืนเราก็ต้องช่วยกันรักษาวินัย


            มีโอกาสได้แวะเวียนไปทำภารกิจบนตึกสูง ในวันที่ท้องฟ้าสว่างสไว มองเห็นเมืองไกลสุดลูกตา มองเห็นความสวยงามในความเงียบงัน มีเวลาได้นั่งไตร่ตรองกลางความสูงและเงียบ เมื่ออยู่บนที่สูงเรามักเห็นสิ่งต่าง ๆ เล็กกระจิด เล็กดั่งของเล่น เมื่ออยู่สูงเราเห็นกว้างแต่ไม่เห็นรายละเอียด ใช่หรือไม่ หากจะเปรียบกับความทะเยอทะยานของคนเรา ต่างก็หวังจะขึ้นให้สูงทั้งทางตำแหน่งหน้าที่การงาน หลายคนเมื่อสูงแล้วก็ยังอยากสูงขึ้นไปอีก ผลักดันทุกวิถีทางไปให้ถึงยังจุดหมาย ทำทุกวิธีเพื่อให้ได้มาครอบครอง โดยมิได้คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น และยิ่งเมื่ออยู่สูงกว่าใคร ๆ กลับเห็นความสำคัญของคนอื่นเล็กลงเรื่อย ๆ ตามความสูงส่งของตัวเอง เห็นคนที่อยู่ใต้ล่างเราเป็นของเล่น จะจิกกล่าวว่าร้ายได้ตามใจปรารถนา สร้างความคลั่งแค้นรอยร้าวในความสัมพันธ์ ยิ่งขึ้นสูงยิ่งเห็นคนอื่นด้อยค่า ชีวิตของหลายคนกำลังเดินอยู่บนจุดนี้


               เวลาเราอยู่สูงเราก็มักคิดไปว่าเราสามารถที่จะควบคุมใครต่อใครได้ ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลายหนคนเราก็พลาดขาดความอ่อนน้อมต่อชีวิตผู้คน เอาความอวดเก่งแสนรู้ไปเป็นแรงดันให้ขึ้นสูง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงสิ่งที่กำลังทำอยู่มัน คือ การอวดความไม่ฉลาดบนความฉลาดของตัวเอง คนเราแต่ละคนมีอัตลักษณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญของตัวเองไม่เหมือนกัน แต่โลกวันนี้สอนให้เราต้องรู้ทุกเรื่อง คนเราเลยพยายามอวดรู้กันทุกเรื่อง เพื่อให้ตัวเองดูล้ำค่า แต่ไร้คุณค่าในสิ่งที่รู้ โลกนี้จะน่าอยู่ถ้าเราพยายามให้ทุกคนเท่าเทียมกัน เคารพในความเป็นคนของกันและกัน ไม่ไปกดดันด้วยอำนาจและตำแหน่งที่เหนือกว่า เรามีตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดในเรื่องนี้ของท่านนักบุญหลุยส์ ผู้เป็นกษัตริย์ของชาวฝรั่งเศสที่อยู่สูงกว่าทุกคน แต่พระองค์ท่านกลับก้มลงมามองและอยู่ระนาบเดียวกับทุกคน อยู่ร่วมกับคนป่วยโรคเรื้อนที่น่ารังเกียจ ช่วยเหลือแม้กระทั่งเชลยศึก มอบตำแหน่งแห่งประเทศไว้ในความดูแลของพระเจ้า เฝ้าดูแลคนยากไร้อย่างกับเพื่อนสนิท ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ยิ่งใหญ่ด้วยอำนาจ หากแต่ยิ่งใหญ่ด้วยความดีที่กระทำ แล้วเราวันนี้ที่ต่างคนต่างอยากยิ่งใหญ่ แล้วเรามีความดีงามอันใดแต่งแต้มไว้ระหว่างทางบ้าง? 

ชายคนหนึ่งทำงานที่โรงงานผลิตเนื้อสัตว์แปรรูป วันหนึ่งหลังเลิกงาน เขาเข้าไปในห้องเย็นแช่แข็งเพื่อเข้าไปดูความเรียบร้อยอะไรบางอย่าง ด้วยความโชคร้าย ประตูห้องเย็นปิดทันทีและเขาถูกขังอยู่ภายใน ถึงแม้ว่าเขาจะตะโกนและเคาะประตูเรียก ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เพราะคนงานส่วนใหญ่กลับบ้านไปแล้ว

5 ชม.ต่อมา ขณะที่เขาเริ่มหมดหวังและนอนรอความตาย พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทได้เปิดประตูมาช่วยเขาได้ทัน เขาถามผู้มาช่วยเหลือว่า ทำไมถึงมาเปิดประตูให้เขาได้

พนักงานผู้นั้นตอบว่า

“ผมทำงานโรงงานนี้มา 35 ปีแล้ว พนักงานหลายร้อยคนเข้าและออกโรงงานทุกวัน คนส่วนใหญ่มองผมเหมือนไม่มีตัวตน แต่คุณเป็นหนึ่งไม่กี่คนที่ทักทายผมทุกวันในตอนเช้า กล่าวลาผมตอนกลับบ้าน แล้วพูดว่า “พบกันใหม่พรุ่งนี้” ผมมีความสุข ที่ได้รับคำทักทายทุกวัน เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกว่าฉันมีตัวตน และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน คุณได้ทักทายในตอนเช้า แต่จนดึกแล้วผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงกล่าวลาของคุณ ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ จึงตามหาตามที่ต่าง ๆ  จนกระทั่งได้พบคุณในที่สุดครับ” (เรื่องเล่าผ่านไลน์)

ความอ่อนน้อม ถ่อมตัว ให้ความรัก ความนับถือกับผู้คนรอบข้างอย่างจริงใจเป็นสิ่งหายาก โลกวันนี้มีแต่คนเก่งที่แข็งหยาบกระด้างเกินไป หากเราตระหนักว่า “ชีวิตนี้สั้นนัก” สิ่งที่เรากระทำไปในแต่ละวันอาจมีผลต่อผู้คน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งดีงามหรือเลวทราม และเราย่อมได้รับกลับมาตามนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่งเช่นกัน ความอ่อนน้อม ถ่อมตัวนั้นมีค่าเสมอ ได้โปรดอ่อนน้อมและจงอย่าดูถูกผู้อื่นกันเลย นี่คือหนึ่งบทเรียนจากท่านนักบุญหลุยส์ที่เราร่วมกันฉลองในวันที่โรคไวรัสโควิด -19 กำลังสร้างฐานโลกใหม่ขึ้นมา

ไม่มีความคิดเห็น: