วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ช่วยกันได้ไหม???


ช่วยกันได้ไหม???
ในวันนี้วันที่เทคโนโลยีสื่อสารครองเมือง เรื่องราวร้าย ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมที่กำลังอ่อนแอ เป็นสังคมที่ไร้ภูมิ ป่วยไข้ เกิดแต่ความรุนแรงจากรักเป็นแค้น จากแค้นต้องฆ่า สื่อที่มีให้เราเสพจนคนติดงอมแงม อะไรที่เราชอบก็จะขึ้นมาบนหน้าจอกระตุ้นอยู่ร่ำไป ยิ่งเราเลือกเสพสื่อแบบใดมันก็ยิ่งทำให้เราเป็นแบบนั้น You are what You eat. และนับวันยิ่งควบคุมสื่อได้ยาก คำหยาบคายมีให้เห็นให้ได้ยินอยู่ในรายการตามสื่อโซเชียลมากเหลือ ความรุนแรงบ้าบิ่นนำไปสู่การเลียนแบบไม่หยุดหย่อน พฤติกรรมยุคใหม่ถูกปลูกฝังด้วยสื่อใหม่จนกลายเป็นอุปนิสัย ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ล้วนถูกครอบงำอย่างไม่รู้ตัว ข่าวดีมีอยู่ในมุมเล็ก ๆ และน้อยคนนักที่จะนำมาประเทืองวิถีการดำเนินชีวิต

ตลอดช่วง 6 - 7 เดือนที่ผ่านมา ความรุนแรงที่เกิดจากแรงหึงหวง เกิดจากการเลิกรัก เกิดจากการไม่ซื่อสัตย์ต่อกันมีมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างแอบนอกใจกัน ต่างฝ่ายต่างอยากจะมีใหม่ ต่างฝ่ายต่างอยากจะมีชีวิตที่ดูดีขึ้น ไม่จำเจย่ำอยู่กับที่ และเมื่อมีเครื่องไม้เครื่องมือสื่อสารที่จะใช้ติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนได้มากขึ้น ง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของการที่จะหาความชอบตามที่คิดฝันไว้อย่างเสรี และด้วยทัศนคตินิยมที่ว่า “หญิงชายมีเสรีภาพเท่าเทียมกัน” ชายมีคนอื่นได้ หญิงก็มีได้บ้าง ไม่แคร์ ความละอายต่อความผิดทั้งชายหญิงหมดไป ในสมัยหนึ่งการแอบนอกใจกันเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นเรื่องน่ารังเกียจ เป็นเรื่องที่ต้องอับอายยันลูกยันหลาน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ การเลิกรัก เลิกรา เป็นเรื่องที่ทำกันง่ายดาย เป็นที่ยอมรับได้ถ้ามันทนกันไม่ได้ก็อย่าไปทน เราสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง การเปลี่ยนคู่นอน กลายเป็นที่ยอมรับในหมู่วงกว้าง การคบกันเพียงเห็นจากโปรไฟล์ นี่คือไลฟสไตล์ยุคศาสนิกชนคนไอที

คุณหมอท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “สมัยก่อน คนที่มาปรึกษาก็คือ ผู้หญิงที่เป็นเมียหลวงที่สามีไปมีเมียน้อย เมียหลวงเป็นฝ่ายทุกข์ เมียน้อยก็ทุกข์เหมือนกัน แต่มักไม่มาหา สมัยนี้ คนที่มาปรึกษาเรื่องครอบครัวก็คือผู้หญิงอีกนั่นแหละ แต่ประเด็นที่ทุกข์ก็คือ ผู้หญิงซึ่งเป็นเมียหลวง แอบไปมีชายอื่นที่เรียกว่ากิ๊ก ที่ลำบากใจก็คือ เธอมักมีลูกกับสามีแล้ว แต่ไม่รักสามี กลับไปรักกิ๊ก ทำไงดี? บางทีกิ๊กก็มีภรรยาอยู่แล้ว มีลูกด้วย....ผมเชื่อว่าในอนาคตผู้หญิงที่มีการศึกษา มีงานทำ ช่วยเหลือตัวเองได้ จะขอหย่าผู้ชายที่เห็นแก่ตัวและนอกใจมากขึ้น หรือไม่เช่นนั้น เธอก็จะมีกิ๊กและขอหย่ามากขึ้น ซึ่งจะเป็นเหมือนการลงโทษทางสังคมแก่ผู้ชาย และจะทำให้ผู้ชายที่ด้อยคุณภาพ อ่อนแอ เห็นแก่ตัว ชอบมีเมียน้อย แต่อยากมีครอบครัวดี ๆ ได้หันมาพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพพอที่จะเป็นสามีที่ดี รู้จักประคองความสัมพันธ์ที่ดีของความเป็นสามี-ภรรยาได้มากขึ้นไป สัญญาณเตือนการปฏิรูปครอบครัวเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ “เมียมีกิ๊ก” มากขึ้นนี่แหละ” (Cr: ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ #โลกและชีวิต แนวหน้าออนไลน์)
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่สังคมโลกนิยามกันว่าเป็นเดือนแห่งความรัก แต่กลับเป็นเดือนที่มีข่าวเหตุยิงกัน เกิดความตาย เกิดความรุนแรง ที่มีสาเหตุมาจาก “เลิกรัก” ที่กลายเป็นเพลิงแค้นมากขึ้น และหากปล่อยไว้เช่นนี้ เราก็จะเสพแต่ข่าวแบบนี้มากขึ้น เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะมีมากขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พฤติกรรมการเลียนแบบจะมีตามมาตลอดเวลา ทั้งนี้ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน ศาสนาที่สอนเรื่องความรัก กำลังถูกท้าทายอย่างหนักหน่วง ความรักที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ในวันนี้ หลายคนไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างความหลง ความรัก ความใคร่ เราต้องเพิ่มเติมความสำคัญของการเรียนรู้ความรักให้มากกว่าเรื่องพิธีกรรมแต่งงาน ที่หลายคนมุ่งมั่นเพียงแค่ต้องการจะแต่งงานในวัดอันสวยงาม มีพิธีที่สง่า ถ่ายรูปมาแล้วดูอลังการงานสร้างเพียงเท่านั้น ต้องช่วยกันปลูกฝังลูกหลานให้ซื่อสัตย์ในศีลสมรส ต่อคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อหน้าพระเจ้าและปวงประชา ต้องสอนให้คนยุคนี้ออกจากตัวตนเพื่อคนอื่นให้เป็น สอนให้รักอย่างเข้าใจและก้าวไปพร้อมกันในหนทางธรรม

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
หรือว่าในยุคสมัยนี้เรารักคนอื่นไม่เป็น ก็เพราะเรารักตัวเองกันไม่เป็น เรารักตัวเองแบบเห็นแก่ตัว เรารักตัวเองที่เก่ง เรารักตัวเองที่รวย เรารักตัวเองที่ประสบความสำเร็จ เรารักตัวเองแบบผิด ๆ เราเทิดทูนตัวเองเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถจะรักคนอื่นได้ เราหลงในตัวเองจนลืมคนอื่นรอบข้าง และเมื่อถึงวันหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ก็สะท้อนย้อนมาทำร้ายเรา แรงกดดันที่มอบให้กันเป็นไม้ขีดก้านเดียวที่จุดไฟเผาได้ทั้งบ้าน ซ้ำร้ายเรายังเทน้ำมันลงไปในกองเพลิง สิ่งนี้ไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้นเลย
ลองสำรวจตรวจสอบดูก่อนว่า “เรารักตัวเองเช่นไร” และเมื่อรู้แล้ว เราก็ควรประพฤติตนปฏิบัติตนเช่นนั้น สิ่งนี้เป็นคำสอนที่มีมาในทุกยุคทุกสมัยและไม่เคยเก่า ชีวิตเรามีความหมายก็ต่อเมื่อเห็นคนรอบกายคือของขวัญ ลมหายใจร่วมกันคือสายสัมพันธ์หนึ่งเดียวที่เรามอบให้แก่กัน นิยามความรักมีมากมาย แต่หาได้ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้อง เรารักกันเพียงเปลือกภายนอก แต่ไม่ค่อยรักกันในจิตใจที่งดงามของกันและกัน เราเทิดทูนตัวเองแต่ไม่เคยเห็นหัวและเห็นใจของผู้อื่น เราเก่งคนเดียวโดยที่ไม่เห็นความสามารถในกระแสเรียกของผู้อื่น “ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า”  ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันให้สังคมโลกกลับคืนสู่สันติสุข....

ไม่มีความคิดเห็น: