วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ตื่น


ตื่น
นับเป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเที่ยวแรก ๆ ของวันใหม่ ในรถที่ดูจะว่าง ๆ ไม่ต้องเบียดเสียดเหมือนตอนออกเดินทางยามสาย ๆ มีหลายคนตื่นเช้าออกจากบ้านมาทำงานเหมือนกัน ตื่นเช้าอาจจะมีเหตุผลเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่กับผู้คนเยอะ ๆ ไม่ต้องไปแย่งชิงพื้นที่ยืนกับใคร ยิ่งในวันที่เราต่างตื่นกลัวกับการระบาดของโรคโคโรน่า ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักในอู่ฮั่น หูเป่ย ประเทศจีน ที่ฉุดรั้งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเป็นร้อยในเวลาอันรวดเร็ว สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก การตื่นมาเดินทางแต่เช้าแบบนี้ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะได้ไม่ต้องไปสูดหายใจร่วมกับคนหมู่มาก และไม่ต้องผจญมลภาวะฝุ่นพิษ ซึ่งตอนเช้ายังดูว่าจะน้อยกว่าตอนสายที่รถราเริ่มวิ่ง เริ่มจอดเริ่มติดยาวเหยียดบนท้องถนน


การตื่นเช้ามาก ๆ ยังมีโอกาสมองเห็นการเปลี่ยนสีของท้องฟ้า จากมืดมิดสู่แสงสว่าง เห็นตึกรามอาคารเริ่มปรากฏโฉมจากความมืดดำ แสงจากไฟฟ้าเริ่มถูกแทนที่ด้วยแสงอ่อนจากเจ้าที่ยามเช้าเห็นผู้คนดิ้นรนในหนทางของตัวเอง พ่อค้าแม่ขายเริ่มตั้งร้านรวง ซึ่งก็เป็นวิถีปกติของบางคน เราคนที่นาน ๆ ตื่นเช้าที ก็เลยมองเห็นมุมมองใหม่ เฉกเช่นในความทุกข์ย่อมมีสุขเปื้อนปนอยู่ การที่ผู้คนกำลังจมอยู่กับความทุกข์จากมหันตภัยร้ายของวันนี้ เราก็พบเห็นด้านดีงามของมวลมนุษยชาติอีกมากมายที่ร่วมมือร่วมใจกัน เราต่างส่งกำลังใจให้กัน ท่ามกลางข่าวคราวมากมีเราต่างตื่นรู้ช่วยกันคัดกรองข่าว ไม่ให้ระบาดหนักพอ ๆ กับไวรัสร้าย ทำให้หาข้อมูลมากขึ้น รู้จักคัดกรองข้อมูลสังเคราะห์ วิเคราะห์ก่อนที่จะเชื่ออะไรกันง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา

การตื่นขึ้นมาเดินทางเป็นเรื่องปกติของผู้คน แต่ในการเดินทางนั้นไม่ว่าจะออกมาเวลาไหนก็เป็นเหมือนที่มีผู้เคยกล่าวไว้ว่า ชีวิตคนเรามีสองทางเดิน ทางหนึ่งต้องใช้ใจเดินทางเส้นนี้เรียกว่าความฝัน อีกทางหนึ่งต้องใช้เท้าเดิน ทางเส้นนี้เรียกว่าความจริง ทางที่ต้องใช้ใจเดินต้องหมั่นฝึกฝนการตื่นตัว โดยไม่ตื่นตูมและตื่นเต้นเป็นเจ้าเข้าในเวลาที่มีเรื่องราวร้าย ๆ ใจที่นิ่งสงบย่อมสยบได้ในทุกสิ่ง ส่วนทางเดินด้วยเท้า ต้องอาศัยความจริง ต้องมีความรู้ ต้องตื่นรู้และไม่จมอยู่กับความรู้เดิม ต้องหมั่นก้าวเดินไปในความจริงของวันเวลา และถ้าทั้งสองเส้นทางเดินไปด้วยกันแสงสว่างจึงจะมีมา ขอเพียงสงบใจ เราจะพบเห็นความจริงในทุกสิ่ง เรื่องบางเรื่อง ต้องใช้สติและการตื่นรู้ จึงจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นความผิดพลาดในการเลือกเดิน และสามารถที่จะหันหลังกลับมาเริ่มต้นใหม่ หรือเลือกทางใหม่ในสิ่งที่ถูกต้อง เรื่องบางเรื่อง ในขณะที่ตัดสินใจ ไม่ได้ว่าถูกหรือผิด? อย่าเพิ่งร้อนรน ลนลาน ควรหยุดดูเสียก่อน แล้วเราจะเห็นความจริง และที่สำคัญยิ่งเราจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของความจอมปลอมของโลกใบนี้
มีหมอดูคนหนึ่ง ประกาศว่าตัวเองเป็นหมอเทวดา ใครมาถามอะไรก็ไม่ต้องบอกเขาก่อน เพราะเขาสามารถล่วงรู้ใจได้ในทันที เป็นคนตาทิพย์
อยู่มาวันหนึ่ง หญิงชราคนหนึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดได้มาดูหมอ หมอดูจึงเริ่มทำนาย
“คุณมีความทุกข์ที่บอกใครไม่ได้ใช่ไหม?”
หญิงชราส่ายหัวไปมาแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ลูกสาวอกตัญญูใช่ไหม?”
หญิงชราส่ายหัว
“สามีของคุณมีเมียน้อยใช่ไหม?”
หญิงชรายังคงส่ายหัวเหมือนเดิมไม่ว่าหมอดูจะทำนายอะไรออกไปก็ไม่ถูกสักอย่าง ยิ่งถามก็ยิ่งไม่ถูก จึงทำให้หมอดูยิ่งร้อนรนความมีชื่อเสียงกำลังสั่นคลอน
เขาจึงเอ่ยกับหญิงชราไปว่า
“แล้ววันนี้คุณมาดูหมอทำไม?”
“ฉันแค่อยากจะมาถามหมอว่า โรคส่ายหน้าของฉันเนี่ย เมื่อไหร่มันจะหาย!”.....!!!


ในสังคมวันนี้เราก็มีคนประเภทนี้มากทีเดียว ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ จึงมักทะนงตนเองว่าเก่งเหนือคนอื่น จึงเดาใจคนอื่นอยู่เสมอทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้อะไรเลยหรือไม่ก็เป็นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีองค์ความรู้เยอะ มีข้อมูลมาก สิ่งนี้คือความจริงที่สุด ใครมาฉุดรั้งจากนี้คือสิ่งผิด ทั้ง ๆ ที่ความจริง ความรู้ ทฤษฎีหลายเรื่องก็มีความคลาดเคลื่อนอยู่เสมอ หลายคนยึดติดกับความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินที่จะรับฟังความคิดของคนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษวิโส โอหังมีพลังเหนือใคร ๆ แต่เรื่องราวในโลกนี้มีมากมายเกินกว่าสมองกลหรือสมองคนจะรับรู้ได้ การตื่นตัว ตื่นรู้ ตื่นจิต นำไปสู่ความจริงความนิ่งได้เสมอ


เรื่องบางเรื่อง แค่รู้ที่จะหยุด คำตอบซึ่งเป็นความจริงก็จะปรากฏใช่หรือไม่ วันเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า เราปล่อยวางลงบ้างแล้วเท่าไหร่? คิดแล้วคิดเล่า ได้มาครอบครองมากน้อยแล้วเท่าไหร่?วางแผนแล้ววางแผนเล่า พลาดพลั้งไปแล้วเท่าไหร่? หวังแล้วหวังเล่า เป็นทุกข์มาแล้วตั้งเท่าไหร่? โลภโมโทสันสะสมกอบโกยไม่สิ้นสุด ทำบาปกับผู้คนมาแล้วเท่าไหร่? สร้างรอยแค้นลบรอยรักให้กับใคร ๆ มาแล้วเท่าไหร่? เมื่อวันสุดท้ายมาเยือน เอาอะไรไปได้สักเท่าไหร่? ตื่นเถิด ตื่นรู้ ตื่นตัว ไม่กลัว ไม่ตื่นตูม ไม่ตื่นเต้น ไม่ตื่นตระหนก รับรู้เรียนรู้ กับวันเวลาอย่างสันติ ความสว่างของวันใหม่มีมาให้เห็นได้ทุกวันหากเราตื่นมารับรู้และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคงและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า.....

ไม่มีความคิดเห็น: