วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ยานแม่


ยานแม่
ในช่วงชีวิตคนเรามักพบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมาย เคยพูดคุยกับบางคนที่หมั่นสังเกตช่วงของชีวิต มักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แต่ละคนมักมีช่วงวงล้อการเปลี่ยนแปลงด้วยกันทั้งนั้น บางคนสิบปี บางคนสิบสองสิบสามปีจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเสมอ ทั้งด้านดีและด้านไม่ค่อยจะดี วงล้อวงโคจรของชีวิตเรานี้เป็นเหมือนยานแม่ ที่มักจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ได้เรียนรู้การดำรงตนในสังคมให้เหมาะสม ได้ทำให้หัวจิตหัวใจมีความเข้มแข็ง พูดง่าย ๆ คือมีความเป็นผู้บรรลุวุฒิภาวะ บรรลุทางธรรมมากขึ้น ยิ่งผ่านวงรอบมากขึ้นเท่าไหร่ย่อมทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่มั่นคงทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น แต่ก็มีไม่น้อยที่วันเวลามิได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะด้วยยึดมั่นถือครอง ไม่รู้จักการผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่รู้จักที่จะให้อภัยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่ผ่านวันเวลามาเช่นนี้ ย่อมมีคุณค่าน้อยนัก เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งความเจริญงอกงามเสมอ

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
การเปลี่ยนแปลงของโลกเรามีมาอย่างต่อเนื่อง วงรอบการเปลี่ยนครั้งใหญ่ ๆ มักจะมีระยะห่างเป็นพันปีร้อยปี แต่ในวันนี้เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความถี่เร็วขึ้นเพียงปีสองปี หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนอย่างผิดหูผิดตา และเราผู้ซึ่งอยู่ในยุคคาบเกี่ยวแห่งการลอกคาบ เราจะเป็นเช่นไร? บางทีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปโดยที่เราไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำไป เมื่อ 50 ปีที่แล้วของในช่วงระยะเวลานี้ โลกก็เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะมนุษย์ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก ในครั้งนั้นมีการถ่ายทอดสด ที่มีมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ด้วย บ้านใครมีทีวีก็จะกลายเป็นที่ชุมนุมของคนรอบบ้านสร้างปรากฏการณ์เล่าขานกันจนจำชื่อมนุษย์คนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำนั่นคือ นีล อาร์มสตรอง ยานแม่ที่สร้างความฮือฮามีชื่อว่า อพอลโล 11 ทะยานขึ้นจากศูนย์อวกาศเคนเนดี้ในรัฐฟลอริด้า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ปี 2512 พร้อมกับนักบินอวกาศ 3 คน ได้แก่ นีล อาร์มสตรอง ผู้บังคับการ เอดวิน อัลดริน และไมเคิล คอลลินส อพอลโล 11 ใช้เวลา 4 วัน จึงเดินทางถึงดวงจันทร์ เป็นที่มาของแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วโลกมิใช่ศูนย์กลางจักรวาล มิใช่ดวงดาวที่ยิ่งใหญ่ แล้วมนุษย์เราก็ต้องน้อมรับความกระจิดริดของตัวเอง มิใช่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของใครต่อใคร ก็นั่นแหละเหตุการณ์นั้นอาจจะสร้างสำนึกให้กับหลายคน แต่ก็ยังมีอยู่ไม่น้อยคนที่ยังยึดโยงตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่ดี
ครั้นมาถึงวันนี้ วันที่ความถี่ของวงจรการเปลี่ยนผ่านเข้ามารวดเร็วขึ้น  Elon Musk เป็นหนึ่งในซีอีโอระดับโลกที่โด่งดังที่สุดในยุคปัจจุบัน เขาคือผู้พลิกโฉมวงการรถยนต์และด้านอวกาศ ด้วยการก่อตั้งบริษัท Tesla พัฒนานวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไร้คนขับ ระบบกักเก็บพลังงาน และแผงโซล่าเซลล์ และบริษัท SpaceX ผู้บุกเบิกด้านการสำรวจอวกาศ พัฒนาการให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายดาวเทียมและจรวดส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร  และเมื่อไม่กี่วันนี้เขาประกาศจัดตั้งบริษัท “Neuralink” ที่จะเป็นการพลิกโฉมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกอีกครั้ง

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
เป้าหมายของบริษัท Neuralink คือการพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมสมองของมนุษย์เข้ากับสมองกล โดยการฝังอุปกรณ์ลงไปในสมองเพื่อช่วยให้สมองของมนุษย์ผสานรวม (merge) กับซอฟต์แวร์และปัญญาประดิษฐ์เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งจะช่วยในเรื่องความจำและทำให้มนุษย์สามารถเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้ 
การพัฒนาครั้งนี้เพื่อช่วยให้มนุษย์เรามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นปราศจากโรคภัยหรือสามารถรักษาโรคร้ายไม่ให้ทำลายชีวิตเราได้ การเชื่อมสมองคนเรากับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นความฝันที่ถูกทำให้เป็นความจริงมาขึ้นเรื่อย ๆ นวัตกรรมนี้สร้างความตื่นเต้นและก่อให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากในแวดวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งอาจจะสามารถพลิกโฉมการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ในขณะเดียวกันเรากลับถอยห่างจากการเชื่อมโยงจิตใจ จิตวิญญาณให้ออกจากชีวิตเรามากขึ้น การพัฒนาชีวิตภายในหยุดอยู่กับที่ เรามุ่งพัฒนาไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า? เพื่อสืบสานงานสร้างโลกให้สมบูรณ์ หรือเพื่ออาณาจักรแห่งตนให้มั่นคง เรามีความคิดที่จะเข้าใกล้ เข้าหาพระเจ้า หรือเรากำลังดับไฟพระเจ้าในตัวเรา การพัฒนาเป็นเรื่องที่ดีงามหากการพัฒนานั้นมุ่งเน้นให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นมิใช่พัฒนามาให้เราหยิ่งผยองลำพองในความสามารถของตน เมื่อเทคโนโลยีก้าวไกล ความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าก็ถอยร่น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
เป็นพวกเราเองที่จะต้องใช้ความเชื่อความไว้วางใจของเราเป็นยานแม่ เพื่อมุ่งหาพระเจ้า เพื่อชีวิตนิรันดร์ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างล้วนมาจากพระเจ้าผู้เผยแสดงให้เรารับรู้ การพัฒนาทุกสิ่งล้วนเพื่อก่อให้เกิดความดี และเห็นความรักของพระเจ้าที่มีต่อตัวเรา ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับการวอนขอให้เรามีปรีชาญาณ เป็นยานแม่ เพื่อนำพาชีวิตของเราให้ก้าวสู่ความจริง โดยผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยการนำคำสอนของพระองค์มาทำให้ชีวิตของเราเติบโต พบกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความดีงามในทุกวันเวลา อาณาจักรใดเล่าจะยิ่งใหญ่เท่าอาณาจักรแห่งใจ ใจที่เปรมปรีดิ์ ใจที่เต็มไปด้วยสันติสุข...
( ปล.อินเดียเพิ่งปล่อยจรวด “จันทรายาน-2” ไปดวงจันทร์เมื่อตอนสี่โมงเย็นวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้ )

ไม่มีความคิดเห็น: