วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สองตามิอาจเห็นโลกทั้งใบ


สองตามิอาจเห็นโลกทั้งใบ
ในสังคมที่เราชอบเลือกดู เลือกเสพสื่อ ด้วยตาของเราผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย จนทุกคนต่างติดกันงอมแงม แทบจะขาดมันไม่ได้สักนาที อุปกรณ์สื่อสารผ่านปลายนิ้วมือ ผ่านสายตา เข้ามากัดกินเวลาในชีวิตคนเราไปมากทีเดียว มาดึงเอาความใส่ใจสนใจต่อสิ่งรอบตัวไปก็เยอะ ประโยชน์นั้นมีอนันต์ถ้าใช้กันเป็นเวล่ำเวลา บ่อยครั้งทีเดียวที่คนเราสมัยนี้ไม่นิ่ง ต้องมีเจ้าสิ่งนี้ไว้ในมือ แล้วก็ถือถูไถไปมา วนเวียนเวียนวน ทนถูทนไถได้เป็นวัน ๆ คนรุ่นใหม่คนรุ่นเก่าถูกตรึงด้วยมนต์เสน่ห์ของความรวดเร็ว ของการเป็นเจ้าของในสิ่งที่เราต้องการจะเสพ ต้องการจะบอก หลายคนเพียงได้รับสารอะไรนิดหน่อยต้องรีบแชร์เพื่อโชว์ถึงความรวดเร็วและความรอบรู้ และเพื่อสิ่งนี้นี่เองเราจึงจะห่างขาดจากมันไม่ได้สักนาที และเชื่อถือมันยิ่งกว่าพระเจ้า ที่พูดเช่นนี้มิใช่พูดให้เกินความจริง สิ่งที่พบเห็นกับตาเวลาเข้าวัดมาร่วมพิธีมิสซา หลายต่อหลายคน ก็มิอาจจะห้ามใจที่จะเลิกละปล่อยให้ข่าวสาร ขยะโซเชี่ยล ผ่านหูผ่านตาไป ตัวอยู่ในสถานที่พบพระ แต่ตาและใจล่องลอยไปพบเพื่อน ปล่อยพระให้อยู่กับพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีต่อไปอย่างกับธุระไม่ใช่
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
ด้วยเพราะเรายึดติดเสพติดจนยึดถือเชื่อถือสารที่พรั่งพรูมาจากสื่อชนิดนี้อย่างหัวปักหัวปำ ทำให้การตัดสินใจของเราเลือกที่จะเอาข้อมูลเพียงตาสัมผัส หูได้ยิน แต่ไร้หัวใจไร้ปรีชาญาณกลั่นกรอง และเลือกที่จะเชื่อถือข้อมูลที่เรามีเราชินเราชอบเพียงด้านเดียว ทั้ง ๆ ที่โลก สังคมที่เราอาศัยอยู่ประกอบด้วยหลากหลายมิติ หลายครั้งหลายข่าวเพียงไม่ทันข้ามวัน ก็เกิดการพลิกขั้ว เกิดโป๊ะแตก ความจริงเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่เราได้เห็นได้ฟังได้อ่านในข่าวแรก แล้วเราก็เกิดอคติ ตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ ต่อเติม เล่าให้เพื่อนฝูง ส่งต่อความเกลียดชังไปยังคนอื่น แต่เมื่อความจริงปรากฏผิดฝาผิดตัวก็ไม่เคยมีใครออกมาแก้ไขสิ่งที่ส่งผ่านไปแล้ว ในความเป็นคนของเราผู้เป็นศิษย์พระคริสต์สิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงและฝึกฝนให้บ่อย คือ ชีวิตที่ใช้ปรีชาญาณ ปัญญานำทาง ใช้หัวใจที่จะให้ความรัก ให้ความใส่ใจ และพร้อมที่จะต้องคิดเสมอว่าคนเราทุกคนย่อมมีที่มาที่ไป มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่เราไม่รู้หรืออาจจะคิดไม่ถึงได้เสมอ บางทีท่าทีในการก้มลงเขียนดินเหมือนกับพระเยซูเจ้า ในขณะที่ทุกคนต้องการให้พระองค์ตัดสินความผิดแก่สตรีนางหนึ่ง พระองค์นิ่ง เข้าใจ เห็นใจ ที่บางครั้งคนเราพลาดพลั้งกันได้เพราะอาจจะด้วยความจำเป็น ด้วยปัจจัยแวดล้อม สำคัญอยู่ที่ผิดและต้องสำนึกให้ได้สำนึกให้เป็น ยอมรับความผิด ท่าทีเช่นนี้ควรมีอยู่ในตัวเรา
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวที่งดงามข่าวหนึ่งที่มีคนแชร์ จนสำนักข่าวต่างประเทศขึ้นพาดหัวข้อข่าวว่า “ชาวสะมาเรียยุคใหม่” เป็นข่าวที่หนุ่มขี่บิ๊กไบค์คนหนึ่งขี่รถมาเจอพ่อที่กำลังขับรถยนต์พาลูกที่ป่วยเป็นโรคลมชักไปโรงพยาบาล แต่มาเจอรถติดกลางสี่แยกไฟแดง และกลัวว่าจะไม่ทันการณ์ จึงให้พ่ออุ้มลูกซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ไปส่งโรงพยาบาล จนลูกปลอดภัย ใช่หรือไม่ บนท้องถนน เรามักติดนิสัยชอบบ่นโวยวาย ทำไมคันหน้าขับช้า ทำไมมอเตอร์ไซค์คันนี้ซอกแซกจะรีบไปไหน ทำไมและทำไมมากมาย เราเพียงเห็นแค่สองตาความจริงทั้งหมดเราไม่รู้ เราจึงขาดความใส่ใจในการตัดสินใจที่จะกล่าวหาผู้อื่น

วันหนึ่ง ขงจื๊อ เมธีจีน พร้อมศิษยานุศิษย์ เดินทางรอนแรมลี้ภัยการเมืองอยู่กลางป่า พอได้เวลาอาหาร ลูกศิษย์เตรียมตักข้าวใส่จานพร้อมสำรับอาหาร ขณะกำลังตักข้าวอยู่ห่าง ๆ นั้น ท่านขงจื๊อสังเกตเห็นว่าลูกศิษย์หยิบข้าวจากจานของท่านขึ้นมาใส่ปากเคี้ยว ท่านจึงสอนและชี้ให้เห็นว่า การหยิบอาหารจากสำรับของครูบาอาจารย์มารับประทานก่อนได้รับอนุญาตนั้น แสดงถึงความ “อนารยะ” ที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์จึงขอโอกาสชี้แจง
“อาจารย์ครับ ที่กระผมหยิบข้าวจากจานของอาจารย์ขึ้นมารับประทานก่อนหาใช่กระทำไปด้วยความเขลาหรือขาดคารวะก็หาไม่ แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในจานข้าวของอาจารย์ มีผงถ่านสีดำปนเปื้อนข้าวอยู่ ครั้นจะยกมาให้อาจารย์เลยก็เกรงว่าคงไม่เหมาะ จะหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นทิ้งก็เสียดายเพราะข้าวหายากและจำเป็นมาก สำหรับการอยู่รอดในยามวิกฤติ กระผมก็เลยหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นขึ้นมารับประทานเสียเองขอรับ”

แววตาที่ฉายแววดุของผู้เป็นอาจารย์ค่อย ๆ ทอประกายอ่อนโยนด้วยเมตตา ก่อนเอ่ยวาจาขอโทษผู้เป็นศิษย์อย่างไม่ถือตัว
บ่อยครั้งที่เรามักตัดสินอะไรผิดพลาดอย่างง่ายดายจนเกินไป ทั้งที่เราอยู่ในยุคที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่เข้าถึงความจริงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว แต่เรากลับใช้ความเร็วจนเสียทั้งคน เสียทั้งงาน ในชั่วพริบตาเพียงเพราะเราเชื่อในสิ่งที่สายตารายงาน และปิดใจที่จะน้อมรับเอาความจริงเป็นที่ตั้ง เราคริสตชนคนยุคใหม่ต้องใช้หัวใจมากกว่าใช้กายสัมผัส ตาเห็นอาจจะไม่เป็นจริงเหมือนการใส่หัวใจลงไป เราต้องปฏิบัติตนในฐานะศิษย์พระคริสต์ ให้มีหัวใจเมตตากรุณาต่อทุกคน เริ่มจากครอบครัว ญาติพี่น้องมองดูผู้คนด้วยดวงตาของพระและอย่าลืมว่าโลกกว้างกว่าตาเห็น ใจยิ่งกว้างยิ่งเข้าใจโลกนี้

ไม่มีความคิดเห็น: