ให้โอกาสคือให้สันติสุข
เสียงลมข้างรถดังขึ้น ดังมาจากไหน มองไปมองมาก็จากล้อนั่นเอง ล้อค่อย
ๆ แฟบลง ๆ จนแบนติดพื้น โชคดีที่รถได้จอดอยู่ในลานจอดรถของอุทยานแก่งกระจาน
ตรงนั้นมีทหารเวรอยู่ 2-3 คน ก่อนที่จะลงมือเปลี่ยนยางอะไหล่
หนึ่งในคณะได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากทหารเวร ซึ่งได้โทรไปแจ้งให้เพื่อนทหารอีกสองคนนำเครื่องมือมาช่วย
และเป็นธุระในการเติมลมล้ออะไหล่และเปลี่ยนใส่แทนล้อที่ยางรั่ว
เพื่อให้เราขับรถไปยังร้านในตลาดเพื่อปะยาง แน่นอน หน้าที่ทหารคือดูแลช่วยเหลือประชาชน
นี่คืออุดมการณ์ฝังอยู่ในหัวจิตหัวใจ ในขณะที่เราถูกปลูกฝังวิถีชีวิตคนเมืองที่ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างเก่ง
จึงไม่ค่อยชินกับสิ่งเหล่านี้ ก็ออกอาการขวยอายบ้าง และรู้สึกเกรงใจทั้ง ๆ ที่พวกเขาถือว่าการช่วยเหลือครั้งนี้มันเล็กน้อยมาก
ใช่หรือไม่ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง มักมีสิ่งมีติ่งเตือนให้ต้องหวนคำนึงถึงตัวเราไม่มากก็น้อย
คำว่า การให้ การมีน้ำใจต่อคนอื่นโดยไม่ต้องคิดผลตอบแทนมันคือหน้าที่อย่างหนึ่งของความเป็นมนุษย์
ที่กำลังถูกลดทอน ถูกแทนที่ด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก จนคิดกันไปเองว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเราทำด้วยตัวเองได้ มันก็เลยทำให้หัวใจเราแกน ๆ ลง
ทุกวันนี้เราต่างเลือกที่จะอยู่กับเครื่องมากกว่าอยู่กับคน หัวใจอันละมุนกลับคุกรุ่นไปด้วยความอยากได้ อยากมี
ละเลยการที่จะเห็นใจกันและกัน เราถูกทำให้ตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต่างคนต่างอยู่
ต่างคนต่างไป ไม่สนใจใยดีต่อกัน
เราถูกทำให้เชื่อว่าความสุขของเราอยู่ที่การได้เสพสื่อ เสพสิ่งบันเทิงจากผู้อื่น
เพื่อกระตุ้นให้เราเกิดกิเลส เรามักมองข้ามผ่านเรื่องราว เรื่องเล่าดี ๆ ที่สวยงาม
แต่ชอบที่จะเลือกเสพข่าวตามกระแส เรื่องชาวบ้านคืองานของเราชาวเน็ต เรื่องเด็ด
ๆ คือเรื่องที่เราต้องไม่พลาด ยิ่งเรื่องบาดหมางยิ่งสนุก
ทุกข์คนอื่นคือสุขของเรา หากเราปล่อยให้เราต้องอยู่ในกระแสเช่นนี้จนไม่สามารถจะฉุดรั้งขึ้นมาได้
ก็จะกลายเป็นผู้คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร อ้างเพียงเสรีภาพส่วนตัว
เมื่อถึงขั้นนี้แล้วเราก็จะไม่ให้โอกาสใคร แม้กระทั่งโอกาสตัวเอง
การให้โอกาสแก่กันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่จะนำโลกให้ก้าวหน้าไปในครรลองของธรรม
การให้โอกาสแก่กันสำคัญมากกว่าการให้ทรัพย์สินใด ๆ
สังคมเรากำลังก้าวพลาดจากสิ่งเหล่านี้ไป การพัฒนาสิ่งต่าง ๆ จึงดูเหมือนว่าเพื่อการค้าขายและเพื่ออำนวยความสะดวกทางกายภาพเท่านั้น
ไม่เหมือนวันวานที่ผ่านมาโลกของเราก็ไม่เคยขาดการพัฒนาที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อชีวิตผู้คน
ที่มาจากการให้โอกาสกัน ดังเช่นเรื่องของ เฟลมมิง
เป็นชาวนาชาวสกอตแลนด์ผู้ยากจน
วันหนึ่งระหว่างที่เขากำลังทำงานอยู่ในไร่
เฟลมมิ่งก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากบึงโคลนที่อยู่ไม่ไกลแถวนั้น
โดยไม่ต้องคิด เขาวางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้ววิ่งตรงไปที่บึงอย่างรวดเร็ว
แล้วเมื่อเข้าใกล้เขาก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังถูกโคลนดูดอยู่กลางบึง
ยิ่งเขาพยายามดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองมากเท่าใด
เด็กหนุ่มก็ยิ่งจมลงไปในโคลนมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้โคลนอยู่สูงถึงหน้าอกของเขาแล้ว
เด็กหนุ่มจึงร้องอย่างกลัวความตาย เมื่อเห็นอย่างนั้น
เฟลมมิงก็วิ่งลุยโคลนลงไปโดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง
เขาต้องช่วยเด็กหนุ่มออกมาให้ได้ โชคดีเป็นของเด็กหนุ่มที่เฟลมมิงอยู่ตรงนั้น
ทำให้เขารอดพ้นจากความตาย
ในวันต่อมา มีรถม้าอันหรูหราสวยงามมาจอดตรงหน้าบ้านอันยากแค้นของเฟลมมิง
แล้วขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเครื่องแต่งกายงดงามก็ก้าวลงจากรถม้า เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นบิดาของเด็กหนุ่มที่เฟลมมิงช่วยไว้เมื่อวานนี้
“ข้าต้องการจะตอบแทนเจ้า” ชายสูงศักดิ์กล่าว
“ที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของข้าไว้”
“ข้ารับค่าตอบแทนจากสิ่งที่ข้าทำลงไปไม่ได้หรอก” เฟลมมิงตอบกลับและในเวลาเดียวกันนั้น
ลูกชายของเขาก็เดินออกมาจากตัวบ้าน “นั่นคือลูกชายของท่านใช่หรือไม่?”
ชายสูงศักดิ์ถาม “ใช่” “ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องจะตกลงกับเจ้า
ข้าอยากช่วยลูกชายของเจ้าให้ได้เรียนหนังสือมากเท่าที่ลูกชายของเจ้าพอใจจะได้หรือไม่
เพราะถ้าหากว่าลูกชายของเจ้าเป็นเหมือนพ่อของเขาแล้ว
เขาจะเติบโตขึ้นเป็นคนที่พวกเราจะต้องภาคภูมิใจอย่างไม่ต้องสงสัย”
เฟลมมิงตอบตกลงรับข้อเสนอนั้น
ต่อมาลูกชายของเฟลมมิงจึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุด
หลังจากที่เขาเรียนจบจากโรงเรียนแพทย์ของโรงพยาบาลเซนต์แมรีส์ในลอนดอน
ชายหนุ่มคนนี้ก็กลายมาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อของ เซอร์อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง
ผู้ค้นพบยาเพนนิสซิลินนั่นเอง
ภายหลัง ลูกชายของชายสูงศักดิ์ที่เฟลมมิงได้ช่วยไว้จากโคลนดูด
ก็ล้มป่วยด้วยโรคปอด แล้วอะไรล่ะที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้อีกครั้ง? แน่นอน นั่นก็คือยาเพนนิสซิล
ชื่อของชายสูงศักดิ์คนนั้นคือ ลอร์ด แรนดอลฟ์ เชอร์ชิลล์ และลูกชายของเขามีชื่อว่า
เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์
ที่กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
(ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสทูเดย์)
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
พระเยซูเจ้าให้โอกาสแก่สานุศิษย์ด้วยการส่งออกไปเพื่อทำหน้าที่นำความรักและสันติสุขมอบแด่ทุกคน
ในวันนี้เราได้มอบสันติสุขแก่ใครบ้าง? เริ่มจากคนใกล้ตัวเรา
ให้โอกาสแก่กันและกัน ให้กำลังใจกันในการก้าวสู่วิถีชีวิตของศิษย์พระคริสต์ไปพร้อม
ๆ กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น