วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สถานีที่แตกต่าง


สถานีที่แตกต่าง
ในวันหยุดที่ทุกคนในบ้านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จึงหาโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันสักที นัดแนะกันว่าเย็น ๆ จะออกไปเดินเล่นที่สวนใต้ทางด่วนใกล้ ๆ บ้าน เมื่อมาถึงสถานที่สิ่งที่เราตั้งใจจากท้องฟ้าสว่างไสวกลับมีเม็ดฝนโปรายปรายลงมา แต่ไม่เป็นอุปสรรคเพราะดูแล้วคงตกไม่นาน จึงได้ทำตามความประสงค์ ในขณะที่เดินเล่นในสวนแห่งนี้ เห็นเต่าหลายตัวออกมาเดินแข่งกับผู้คน เด็ก ๆ วิ่งตามจะเอาขนมให้เต่ากิน แต่เต่าไม่สนใจ ก็เรียกรอยยิ้มจากหลายคนได้ ปลามากมายที่มาชุมนุมกันในบ่อธารที่ไหลมาจากแม่น้ำสายใหญ่ ต่างดื่มด่ำกับอาหารที่หลายคนนำมาโปรย นำมาโยนให้ อย่างไม่ขาดสาย ปลาแต่ละตัวจึงดูอวบอั๋นสมบูรณ์พูนสุข ที่ต้นไม้ริมแม่น้ำเห็นกล้วยแขวนไว้ นึกสงสัยว่าใครเอามาแขวนไว้ คงเตรียมมานั่งปิกนิกต่อหลังจากออกกำลังกาย แต่ที่ไหนได้ ไม่นานเห็นเจ้ากระรอกตัวน้อย 2-3 ตัว วิ่งลงมาจากยอดต้นไม้มากินกล้วยนั้นอย่างเพลิดเพลินโดยไม่แคร์สายตาของผู้คนที่ต่างมายืนมองความน่ารักของมัน สิ่งที่เราเห็นมันมากกว่าสิ่งที่เราคาดคิดไว้ ถือว่านี่เป็นความงามที่วันเวลาได้มอบให้กับพวกเราในวันที่เราได้พักผ่อนจากภาระการงาน

โลกที่แสนกว้างใหญ่ มีสิ่งต่าง ๆ ให้เรียนรู้มากมาย มีสิ่งที่แตกต่างในสถานที่เดียวกัน ไม่มีอะไรที่เหมือนกันจนไม่มีข้อแตกต่าง สัตว์ที่พบเห็นในสวนนี้ แม้จะเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกัน เต่าตัวแข็งแต่กินน้อยเชื่องช้าน่าถนอม แต่ปลาในบ่อเดียวกันกับเต่ากินเก่ง กินไม่หยุดว่องไวแหวกว่ายกระรอกวิ่งขึ้นลงกินกล้วยอย่างรวดเร็ว มดตัวน้อย ๆ ค่อย ๆ ริมเล็มเนื้อกล้วยใบเดียวกันทีละนิด ใช่หรือไม่ บางครั้ง ในขณะที่เรากำลังรู้สึกอิจฉาคนอื่น ในทางกลับกันคนอื่นก็กำลังอิจฉาเราอยู่ คนเราทุกคน ต่างมีเวลาที่ทุกข์ระทม มีน้ำตาที่ต้องเช็ดด้วยตนเอง มีทางที่ต้องเดินด้วยตัวเองกันทั้งนั้นก่อนที่เราจะอิจฉาใคร ได้เห็นอีกมุมของเขาหรือเปล่า? บางทีในสถานีเดียวกันต่างมีทุกข์สุขของทุกคนปะปนกันอยู่
ในหลายครั้งหลายเวลาที่เราต้องดิ้นรนวิ่งวนวุ่นวายกับการทำมาหาเลี้ยงชีพ หลายครั้งหลายหนก็บ่นก็เบื่อกับสภาพแวดล้อมรอบตัว มองหาความสุขสงบไม่พบไม่เจอ สถานีชีวิตมีแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ย่ำ ๆ ไปในทุกวัน มีผู้คนมากมายที่ต่างไม่รู้จักกันในสถานีเดียวกัน ถึงเวลาก็แย่งกันกิน แย่งกันไป ไม่มีเวลามานั่งหาความงามความละมุนละเมียด เครียดกับผู้คนที่รู้จักกันก็บ่อยไป ต่างนินทาว่ากล่าวกันไปมา ยิ่งทำงานกับผู้คนหลากหลายยิ่งลำบากลำบน ยิ่งพบเจอคนมากหน้าหลายตายิ่งดูอลหม่าน กว่าจะผ่านไปแต่ละวันเหนื่อยแสนเหนื่อย วันเวลาผ่านไปไฟในตัวเริ่มมอดลงทีละเล็กทีละน้อย และถ้าหากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ความสุขก็จะลดลงและหาไม่พบ เกิดอาการเบื่อหน่ายกับวิถีชีวิต ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองและผู้อื่น ความจำเจกลายเป็นการจองจำให้ชีวิตตกอยู่ในความเหนื่อยหน่ายตลอดไป และที่สุดเราก็พาลหาว่ากล่าวถึงคนอื่น มองคนรอบข้างว่าปล่อยให้เราอ้างว้าง หรือ ปล่อยให้เราเป็นคนทำนั่นทำนี่อยู่ฝ่ายเดียว คิดเข้าข้างตัวเอง 

ใช่หรือไม่ หลายครั้งเราก็เห็นคนรอบข้างเราต่างบ่นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง บ่นว่าคนนั้นคนนี้อยู่ร่ำไป ตำหนิกันไปมา นินทากล่าวร้ายรายวัน สถานที่ใดมีผู้คนแบบนี้มาก ๆ ย่อมเป็นสังคมที่ไร้ความสุขความสดชื่น บางทีการได้หยุดพักหยุดคิด มีเวลามองเห็นความงามรอบตัวบ้าง ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในจิตใจเรา มีเวลาได้นั่งคุยกับคนกันเอง มีเวลาได้ยืดกายสบายใจเพิ่มโอโซนให้กับจิตวิญญาณ ด้วยความงามของสิ่งสร้าง สรรพสิ่งเล็ก ๆ ให้ความสุขเกิดขึ้น และจะนำมาซึ่งความรักอันยิ่งใหญ่บ้าง สิ่งนี้ย่อมมีค่ามากกว่าทรัพย์สินภายนอก มีค่ามากกว่าตำแหน่งแห่งหนทั้งหลายทั้งปวง
เคยมีคนถามคุรุเทพรพินทรนาถ ฐากุร นักปรัชญาของอินเดีย 3 คำถามว่า
ข้อที่ 1 ในโลกนี้สิ่งใดง่ายที่สุด?
ข้อที่ 2 ในโลกนี้สิ่งใดยากที่สุด?
ข้อที่ 3 ในโลกนี้สิ่งใดยิ่งใหญ่ที่สุด?
คุรุเทพรพินทรนาถ ฐากุรตอบเขาว่า
“ตำหนิคนอื่นง่ายที่สุด
รู้จักตัวเองยากที่สุด
ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด”


การสาละวนกับสิ่งภายนอก การวุ่นวายกับผู้คนมากไป เปรียบเทียบคนอื่นกับเรามากเกินไปก็ทำให้เราขาดความสุข แต่การใส่ใจกัน สนใจกันโดยมีความเอื้ออาทร โดยมีความหวังดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะนำมาซึ่งความรักอันยิ่งใหญ่ หากว่าเราได้ทำทุกสถานีที่เราไปกลายเป็นสถานีแห่งความรักและความสุข เราก็จะร่วมขบวนเดินทางไปถึงเป้าหมายอย่างมีความหมาย ความสุขของคนเรานั้นหาง่ายกว่าการหาเงินทองเสียอีก ความสุขนั้นไม่ได้เกิดจากความเก่งที่เหนือกว่ากัน ความสุขนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใครใหญ่กว่ากัน แต่อยู่ที่หัวใจที่พร้อมมอบให้คนอื่น และรู้จักวางตัวเองให้เป็นในสถานีต่าง ๆ  มองเห็นความงามของสิ่งรอบตัว ไม่ริษยาในความต่างของผู้อื่น ที่สุด เลือกที่จะพัฒนาชีวิตฝ่ายจิต ชีวิตภายในให้เติบโตขึ้น เพื่อสันติสุขจะได้คงอยู่ในสังคม ในสถานีที่เราอยู่ ที่เราไปตลอดทาง

ไม่มีความคิดเห็น: