วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ความงามที่ซ่อนเร้น



ความงามที่ซ่อนเร้น
เราก็มาถึงวันที่เราสามารถที่จะเนรมิตรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ได้ จะให้สวยงามตามแบบพิมพ์นิยมเช่นไร เปลี่ยนแปลงได้ในพริบตาด้วยเงินตรา ด้วยเทคโนโลยีทางด้านศัลยกรรมที่นับวันยิ่งทำให้โลกนี้มีแต่คนสวยที่ต่างอวดรูปโฉมโนมพรรณกันตามหน้าสื่อสมัยใหม่ จนบางครั้งแทบแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือที่เรียกว่าความงามที่แท้จริง? ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ความสวยเติมแต่งได้ แต่ความงามภายในนั้นกลับหดหายลงไปทุกที เราบูชาเทิดทูนความสวยภายนอกกันอย่างล้นเหลือ แต่ความงามภายในปล่อยละลายหายไปในอากาศ แล้วเราก็ต้องตกอยู่ในภาวะดูแคลนคนอื่นที่ไม่ยอมทำตัวให้สวยตามสมัยนิยม กลายเป็นค่านิยมที่ดูถูกเหยียดหยามกัน หรือไม่ก็กลายเป็นความอิจฉาริษยาใส่กัน ความงามที่ซ่อนเร้นอยู่ยังคงถูกปิดบังต่อไป


ในชีวิตจริงเรามักถูกปลูกฝังให้ใช้สายตาในการตัดสินผู้อื่นมากกว่าใช้หัวใจ ใครสวยใครหล่อ ใครดูดี บุคลิกภาพเลิศเลอมักได้เปรียบ มักจะได้รับการยอมรับง่ายกว่า ทั้ง ๆ ที่เรารณรงค์ในความเสมอภาค แต่ก็คงเป็นเพียงมโนทัศน์เท่านั้นเองที่สร้างเป็นกำบังเพื่อให้เป็นวาระสากลที่ดูดี เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว ในความเป็นจริงเราก็ยังเหยียดหยามกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพียงแต่มีวิธีการแสดงออกที่ดูเนียนขึ้น ใช่หรือไม่ ตราบใดที่เรายังไม่เห็นความงามในความแตกต่าง ระหว่างคนนั้นคนนี้ เราย่อมมีอคติใส่กันได้เสมอ เราต้องฝึกจิตใจเราให้เห็นความงามในความต่างแตก ให้เห็นพระพรในความไม่เหมือน แล้วจึงสอนให้เด็กที่กำลังจะก้าวขึ้นมารับผิดชอบสังคมแทนเรา ให้มองความงามด้วยหัวใจ เคารพในความงามในตัวตนให้เป็น แล้วเมื่อนั้นเราจะเห็นความงามในคนอื่นสิ่งอื่นได้ ถึงแม้ว่าความงามของใครบางคนจะถูกซ่อนเร้นอยู่ หน้าที่ของเราต้องแสวงหาความงามมิใช่ฝักใฝ่เพียงความสวยภายนอกเท่านั้น
ในการแข่งขันกีฬาการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติยังมีให้เห็นมาโดยตลอด เพราะเราสร้างผู้คนให้ยึดมั่นในความหลงใหลความเก่งเฉพาะตัวเอง ซึ่งไม่ต่างกับการมองเพียงความสวยเท่านั้นเลย มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่อเมริกา วันหนึ่งคุณแม่ผิวขาวพาลูกชายอายุ 6 ขวบ ออกจากบ้าน เธอได้เรียกรถแท็กซี่มาคันหนึ่ง ปรากฏว่าคนขับเป็นชายผิวดำ   เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยพบกับคนดำมาก่อน  เมื่อได้พบเจอกับชายผิวดำก็รู้สึกกลัว พร้อมกันนั้นก็ได้ถามคุณแม่ออกไปว่า

“ชายคนนี้เป็นคนชั่วร้ายใช่ไหมครับ! ทำไมถึงได้ตัวดำขนาดนี้?”
ชายผิวดำเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง  ในขณะเดียวกันนั้น    คุณแม่ผิวขาวก็ได้บอกกับลูกชายว่า
“คุณลุงไม่ใช่คนชั่วร้ายจ้า คุณลุงเป็นคนดี” เด็กน้อยเงียบไปสักครู่แล้วถามต่อไปว่า
“ถ้าไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายเขาต้องทำอะไรที่เลวร้ายแน่ ๆ ไม่งั้นพระเจ้าไม่ลงโทษเขาอย่างนี้หรอก!” เมื่อชายคนดำได้ยินน้ำตาก็คลอเบ้า   เขาอยากรู้ว่าแม่ของเด็กน้อยจะตอบลูกของนางว่าอย่างไร? คุณแม่ตอบลูกชายไปว่า
“คุณลุงเป็นคนดี    และไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายเลย ดอกไม้ที่อยู่ในสวนหลังบ้านของเรา   มีทั้งสีแดง สีขาว สีเหลือง...... ใช่ไหมจ๊ะ?” “ใช่ครับ ๆ”
“แล้วเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้ต่างก็เป็นสีดำใช่ไหมจ๊ะ?" เด็กน้อยคิดสักครู่หนึ่งก็ตอบออกไปว่า
“ใช่ครับ มันเป็นสีดำ” “เมล็ดพันธุ์สีดำ ออกดอกสีสันงดงาม  ทำให้โลกนี้มีสีสันหลากหลายใช่ไหมจ๊ะ?” “ใช่ครับ” เด็กน้อยรู้สึกเข้าใจในทันที
“ถ้าอย่างนั้น คุณลุงคนขับรถก็ไม่ใช่คนเลวร้ายนะสิครับ ขอบคุณคุณลุงมากครับเพราะคุณลุงทำให้โลกนี้มีสีสัน ผมจะสวดให้คุณลุงครับ”
เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาจึงสวดให้คุณลุงในทันที คนขับแท็กซี่น้ำตาไหลคลอออกมาไม่หยุดพลางคิดในใจ
“คนดำถูกดูถูกจากคนทั้งโลก  แต่มาวันนี้ คำสอนของคุณแม่ผิวขาวที่สอนลูกของเธอทำให้ลูกของเธอไม่กลัวฉันอีกต่อไป อีกทั้งยังสวดเพื่อฉันอีก ต้องขอบคุณเธอจริงๆ"
เมื่อถึงจุดหมายชายผิวดำไม่ยอมรับเงินค่ารถ เขาบอกกับเธอว่า
“ตอนเป็นเด็กผมก็เคยถามคำถามนี้กับแม่ แม่บอกกับผมว่า พวกเราคือคนดำถูกสาปมาให้เป็นคนชนชั้นต่ำ    หากแม่ตอบผมเหมือนที่คุณตอบลูกของคุณ ชีวิตผมคงไม่เป็นเหมือนวันนี้”

ในความต่างมีความงามและความยิ่งใหญ่เสมอ สองท่านนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ นักบุญเปโตรและเปาโล ต่างก็มีที่มาที่ไปแตกต่างกัน ต่างคนต่างนำความงดงามแห่งรักของพระเจ้าไปเยียวยาสังคมที่กำลังโหยหาสัจจะในวันนั้น ในวันนี้สังคมก็ใช่ว่าจะไม่โหยหาสัจจธรรมความจริง แต่ยังหาน้อยคนที่จะนำพาให้พบเจอสิ่งเหล่านั้น เพราะอะไร? เพราะเราก็ต่างแสวงหาความสวยความเก่งของตัวเองเป็นสรณะ ปล่อยปละละเลยให้ความงามยังคงถูกซ่อนเร้นให้อยู่ในกล่องแก้วอันสวยเลิศเท่านั้นเอง และกว่าที่พระศาสนจักรจะผ่านวันเวลามั่นคงถึงวันนี้ได้ ทั้งเนื้อเลือดถูกทาบทาลงแผ่นดินไว้อย่างมากมาย เราล่ะ!!! จะสามารถช่วยกันนำความงามออกมาสู่สังคมนี้ได้หรือไม่ ศัลยกรรมจิตวิญญาณบ้าง เพื่อทุกคนที่สัมผัสเราจะรู้ว่าเราคือศิษย์พระคริสต์

ไม่มีความคิดเห็น: