วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สายปัญญา


สายปัญญา
ท่ามกลางความเปลี่ยนของมวลโลก ทำให้การปรับตัวของมวลหมู่มนุษย์เราสับสนอลหม่านพอสมควร ออกอาการหงุดหงิดง่าย หัวร้อนใจร้ายกันตั้งแต่เด็ก พ่อแม่หลายคนถึงกับเอ่ยปากเลยว่า ไม่รู้จะสอนกันยังไงแล้ว!!!! วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าเกิดปะทะกัน จนทำให้คำสั่งสอนในเรื่องคุณธรรมกลายเป็นสิ่งโบราณควรเก็บใส่กล่องลงกุญแจ เพราะเป็นคำสอนแบบไม่ทันสมัย ไม่ทันความคิดเด็ก หลายครอบครัวกำลังอยู่ในภาวะแบบนี้ จึงพากันปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนบ้าง ปล่อยให้เป็นงานภาระของครูบ้าง ในโรงเรียนก็ไม่อาจจะสอนสั่งในรูปแบบเดิมได้ ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความกระทบกระทั่ง กลายเป็นความอิหลักอิเหลื่อ เบื่อหน่ายเหนื่อยล้าในการทำหน้าที่ผู้สอน ภาวะนี้เกิดขึ้นในทุกมุมโลก เราเห็นเด็กหนุ่มทำร้ายเพื่อนสาวแบบที่ลูกผู้ชายในสมัยก่อนไม่กระทำกัน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมาเห็นเด็กเพียงไม่กี่ขวบควงปืนยิงเพื่อนเสมือนเล่นเกมหน้าคอมพิวเตอร์ เราเห็นเด็กสาวพูดจาหยาบโลน ตะโกนโวยวายเมื่อไม่ได้ดังใจเป็นเรื่องดูโก้หรู จะต้องทำอย่างไรดีจึงจะนำความดีงาม ความมีเมตตาต่อกันกลับคืนสู่หัวใจผู้คนยุคนี้ได้ 


แน่นอน ความดีความงามยังเป็นเช่นเดิม และจะเป็นเช่นนี้ตลอดมาตลอดไป วิธีการต่างหากที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกระแสแห่งวันเวลา เราต้องหาวิธีพูด วิธีบอกให้ลูกหลานได้เข้าใจถึงคุณค่าของความดี คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน เรามีสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้อยู่กับเราตลอดมา แต่บางทีเราก็หลงลืม และไม่ได้นำออกมาใช้ นั่นคือ “องค์พระจิตเจ้า” ผู้ทรงพระคุณมากมายและไม่เคยหนีหายไปจากพวกเรา เป็นเราเองที่ใช้สิ่งอื่นมาบดบัง เราใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราใช้ความอวดรู้มากกว่าใช้สติปัญญา เราใช้คำก่นด่ามากกว่าใช้วิจารณญาณ เราใจร้อนต้องเห็นผลในทันทีโดยไม่เห็นความงามของการรอคอย และที่สุด ไร้ความอดทนที่จะหาวิธีสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกหลานสำนึกในความดีความงามของผู้คนรอบข้าง มีตัวอย่างหนึ่งที่พ่อคนหนึ่งสอนลูกด้วยปัญญามากกว่าอารมณ์ และให้ลูกได้เห็นวิธีทำดีจากการกระทำ

“พ่อครับ ข้างบ้านขโมยสอยมะม่วงเราครับ” เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาหาพ่อ พ่อหัวเราะแล้วถาม “เราเหลืออีกหลายลูกไหม? ลูก”
“ผมเห็นอีกหลายลูกเลยครับ” “งั้นไปสอยมะม่วงสุกมาให้พ่อสักเจ็ดลูกสิ”
เด็กชายเข้าใจว่าพ่อคงใช้ให้สอยมะม่วงเพราะกลัวเพื่อนบ้านจะขโมยอีกจึงรีบสอยมะม่วงมาให้พ่อ เมื่อได้มะม่วงก็หอบมาให้พ่อ หวังว่าจะได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ปรากฏว่า ผู้เป็นพ่อนำมะม่วงทั้งหมดมาจัดใส่ตะกร้าอย่างสวยงามแล้วจูงมือลูกชายไปกดกริ่งหน้าประตูของเพื่อนบ้าน ที่ลูกชายบอกว่าสอยมะม่วงไป
เด็กชายงง ไม่เข้าใจว่าพ่อจะทำอะไร เมื่อเพื่อนบ้านเปิดประตูรั้วออกมาเป็นชายวัยกลางคน หน้าตามีพิรุธเหมือนทำผิดอะไรบางอย่าง ผู้เป็นพ่อจึงยื่นมะม่วงทั้งตะกร้าให้ แล้วกล่าวว่า “ผมเอามะม่วงมาฝากครับ เป็นเพื่อนบ้านอยู่บ้านข้าง ๆ นี่เอง มีอะไรก็บอกกันนะครับ จะได้ช่วยเหลือกัน”
ชายคนนั้นมีสีหน้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกให้พ่อรอสักครู่พร้อมทั้งกลับมาด้วยตะกร้าใบเดิม แต่คราวนี้มีไข่ไก่เต็มตะกร้า
“ผมเลี้ยงไข่ไก่ไว้หลายตัว ขอให้ไข่ไก่เป็นของตอบแทนน้ำใจนะครับ”
พ่อกล่าวขอบคุณ แล้วจูงมือเด็กชายกลับบ้าน เด็กชายถามพ่อด้วยความสงสัย
“ทำไม? พ่อถึงเอามะม่วงไปให้เขา แทนที่จะไปทวงมะม่วงของเราคืนมา”
ถ้าพ่อไปทวงมะม่วง เราอาจจะได้มะม่วงคืน แต่เราจะเสียเพื่อนบ้านและอาจจะโกรธกัน แต่นี่พ่อเอามะม่วงไปให้เขาเจ็ดลูก รวมที่เขาสอยไปหนึ่งลูกเป็นแปดลูก แต่เราได้ทั้งน้ำใจเขา ซึ่งก็คือไข่ตะกร้าใหญ่ แถมยังได้เพื่อนบ้านเพิ่ม ลูกว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะ” (CR;แสงและเงา คือมายา)
           
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของการใช้สติปัญญา ความคิดอ่านอย่างรอบคอบ เพื่อเข้าครอบครองใจของผู้อื่น ใช่หรือไม่ ยิ่งใช้อารมณ์เรายิ่งเจอแต่ปัญหา ปัญญายิ่งมืดบอดลงไปอีก ทุกหนแห่งเราเห็นแต่คนใช้อารมณ์ ตามท้องถนนหนทาง ในความวุ่นวายของจราจร บนความเบียดเสียดของผู้คนจำนวนมาก เส้นทางที่เราใช้เดินทางจึงเป็นเส้นทางสายอารมณ์ เส้นทางที่มีแต่ความกดดัน มีแต่ความเบื่อหน่าย เมื่อถึงที่หมายอารมณ์โกรธยังคงเก็บกด จึงไร้แรงบันดาลใจที่จะสร้างความงามในวันเวลา แต่หากเราใช้เส้นทางนั้นให้เป็นเส้นทางสายปัญญาญาณ รู้จักรัก อภัย มีเมตตาต่อกัน การเดินทางเราก็พบกับความสดชื่นเสมอ
            อารมณ์ นำมาซึ่งปัญหาที่จะพาไปสู่ความขัดแย้ง ใช้สติปัญญาก่อนที่จะเกิดอารมณ์ไม่ดีต่อกัน ย่อมจะเป็นหนทางที่ดี ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอหากเรามองปัญหาด้วยสติปัญญาอย่างรอบคอบ ถ่องแท้ เราย่อมจะได้แนวทางแสงสว่างนำทางที่จะแก้ปัญหาได้เสมอ และนี่จึงเป็นการนำสันติสุขมาสู่คนรอบข้าง สันติสุขจะดำรงอยู่ตลอดไปในทุกกาลสมัย อย่าปล่อยให้ลูกหลานเผชิญความหัวร้อนใจร้ายกันเลย มาช่วยกันสร้างทางแห่งสันติด้วยกัน และเชื่อว่าอีกไม่นานผลนั้นจะทำให้เกิดความร่มเย็นผาสุกตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น: