วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

ใกล้ไกลในทางกลับบ้าน


ใกล้ไกลในทางกลับบ้าน
ขณะที่ยืนมองพระอาทิตย์กำลังหยอกล้อกับพื้นน้ำที่เมืองตันสุ่ย (TAMSUI) ทางตอนเหนือของเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน แสงส่องตกกระทบผิวน้ำเป็นประกาย ลมโชยพัดสบาย ๆ ทำให้คิดถึงถิ่นเกิดริมน้ำเจ้าพระยา แม้ท้องน้ำจะกว้างใหญ่ไม่เท่ากัน แต่บรรยากาศไม่ต่างกันมากนัก คิดถึงสวนสาธารณะทางสะพานแขวนที่มีความงามยามเย็นคล้าย ๆ กัน บางทีการเดินทางไกลไปต่างแดนในชีวิตจริงนั้น เราปรารถนาเพียงแค่เปลี่ยนบรรยากาศ และเรียนรู้ท้าทายในสิ่งใหม่ แต่ก็นั่นแหละ พออยู่ไปนาน ๆ เราก็มักคิดถึงถิ่นที่จากมา บ้านเกิดเมืองนอนที่คุ้นเคยคุ้นชินจนชินชา ทำไปทำมาเราก็โหยหาชีวิตแบบเดิม คนเรานั้นต่อให้เดินทางไปไกลแสนไกลก็มักหนีไม่พ้นที่อยากจะกลับสู่รังรวง ยิ่งเมื่อไปแล้วไม่พบความสุข ความหวังดังว่า ยิ่งอยากกลับบ้าน หรือไปแล้วพบกับความขัดแย้งไม่ถูกจริตเรา ยิ่งรีบอยากจะกลับ คนเรามักไม่ชอบอยู่ในความขัดแย้งแต่มักชอบสร้างคนขัดแย้งกันขึ้นมา บนหนทางในชีวิตหลายครั้งเราก็มักพบเจอกับความขัดแย้ง เราก็มักพบเห็นความไม่เข้าใจต่อกัน เฉกเช่น วันนี้ในสังคมไทยเรา หลายคนต่างเฝ้ารอคอยการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ครั้นพอเลือกเสร็จ เราก็พบเห็นแต่ความขัดแย้ง แทนที่เราจะมีสังคมที่ดีงาม เพราะเราต่างก็คิดว่าเสรีภาพต้องเป็นอย่างที่เราหวังเพียงเท่านั้น เรามิได้แบ่งใจ เผื่อแผ่ความเข้าใจในคนอื่นบ้าง เราต่างยืนบนฐานที่มั่นและมุ่งไปสู่ทางใครทางมัน ทางแห่งการแก่งแย่ง ทางแห่งการไร้แล้งน้ำใจ ทางที่ไม่ยอมรับการรู้แพ้รู้อภัยกัน ทางนี้ยิ่งทียิ่งยาวไกลออกไป ทางเหล่านี้ล้วนมีกิเลสเป็นเครื่องชี้นำ ทำให้คิดถึงวันเก่า ๆ ที่คนไทยร่วมแรงร่วมใจกันทำความดีด้วยกันขึ้นมา แล้วจะมีวันนั้นอีกไหม ทางที่ดีที่สุดเราต้องทำทางของเราให้สวยงามขึ้นก่อน


วันนี้เราได้ฟังเรื่อง “ลูกล้างผลาญ” หรือบางทีเรียกให้น่าฟังเรียกให้เห็นในด้านบวกก็เรียกว่า“บิดาผู้ใจดี” เรื่องของลูกชายคนเล็กที่ออกเดินทางอันยาวไกล แต่สุดท้ายต้องกลับคืนสู่ทางรักของพ่อ จึงหยิบหนังสือ “พระเยซูเจ้าในประวัติศาสตร์” มาพลิกอ่านดูอีกครั้ง เพื่อให้เห็นว่าทำไมพระองค์จึงยกเรื่องเล่าเรื่องนี้มาให้ผู้ติดตามได้รับฟัง และเรื่องนี้ก็ยังคงทันสมัยตลอดมา
“พระเยซูเจ้าทรงรู้จักดีถึงความขัดแย้งที่ผู้คนชาวกาลิลีต้องประสบในครอบครัว ข้อโต้แย้งระหว่างบิดาและบุตร ความปรารถนาที่จะเป็นอิสระของบางคน หรือความเป็นศัตรูระหว่างพี่น้อง ในเรื่องสิทธิมรดก ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวและความมั่นคงของครอบครัวตกอยู่ในอันตราย ความแตกแยกเป็นรอยลึก เพราะครอบครัวคือทุกสิ่ง บ้านเป็นทั้งสถานที่ทำงานและดำเนินชีวิต เป็นที่มาของอัตลักษณ์ การรับรองความปลอดภัยและการปกป้องคุ้มครอง เป็นเรื่องยากมากที่จะเอาชีวิตรอดภายในครอบครัว ครอบครัวไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวจากผู้อื่นได้ หมู่บ้านประกอบขึ้นด้วยครอบครัวที่เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยสายสัมพันธ์ใกล้ชิดของเครือญาติ เพื่อนบ้าน และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชาวบ้านร่วมกันเตรียมงานแต่งงานของบรรดาลูก ๆ พวกเขาช่วยเหลือกันในการเก็บเกี่ยวพืชผล ซ่อมบำรุงถนนหนทาง เป็นหนึ่งเดียวกันที่จะช่วยเหลือแม่ม่ายลูกกำพร้า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างครอบครัวในหมู่บ้าน มีความสำคัญเช่นเดียวกับความภักดีในครอบครัว ปัญหาหรือความขัดแย้งส่งผลสะท้อนถึงหมู่บ้าน...

เป็นไปได้หรือที่พระเจ้าจะเป็นเช่นนี้ บิดาที่ไม่เก็บทรัพย์สมบัติใดไว้สำหรับตนเอง บิดาที่เคารพสิ่งที่บุตรของตนกระทำ บิดาที่ไม่ถูกจริยธรรมของตน ครอบครองฝ่าฝืนธรรมเนียมกฎเกณฑ์ทั้งของผู้ชอบธรรมและไม่ชอบธรรม แต่แสวงหาชีวิตที่สมศักดิ์ศรีและมีความสุขสำหรับบุตรของตน นี่คืออุปลักษณ์ที่ดีที่สุดสำหรับพระเจ้าคือบิดาที่ต้อนรับผู้ “หลงทาง” อยู่ไกลจากบ้านด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้างและขอร้องทุกคนที่ฟังพระองค์ให้ปฏิบัติ “การปฏิวัติที่แท้จริง” เช่นนี้ และนี่คือพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างนั้นหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงปฏิบัติต่อสิ่งสร้างของพระองค์ด้วยความรักที่เหลือเชื่อและทรงทำงานเพื่อนำประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไปสู่งานฉลองสุดท้ายที่เป็นการเฉลิมฉลองชีวิตการให้อภัยและการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากทุกสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต้องเป็นทาสและเสื่อมศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ พระเยซูเจ้าตรัสถึง งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน พระองค์ตรัสถึงดนตรีและการเต้นรำ บุตรผู้หลงผิดที่บิดาต้องแสดงความรักต่อเขา และทำให้พี่น้องคืนดีกัน นี่คือข่าวดีที่ประกาศออกไปมิใช่หรือ...


            ทุกสังคม ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน ล้วนมีความขัดแย้งอยู่ตลอดมา เราแต่ละคนก็ยังยึดมั่นในทางของตัวเองอย่างเหนียวแน่น ทั้ง ๆ ที่ ไม่ช้าก็เร็วทางที่เราดำเนินอยู่บนโลกนี้ใกล้ไกลไม่เหมือนกัน กำลังหดสั้นลงเรื่อย ๆ เรากำลังจะเดินทางกลับบ้าน แล้วเราจะกลับไปพร้อมกับความดีงามหรือความทุกข์ทรมานกันเล่า??? ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่ว่าระหว่างทาง เราได้ใช้ชีวิตอย่างไร? เรามาเพื่อกลับไปอย่างมีความสุขใช่หรือไม่!!! ฉะนั้นแล้ว เราต้องเอาชนะกับกิเลสตัณหาของเราให้ได้ เราต้องมีความเคารพ ความอดทน และฝึกฝนตนให้มีวินัย ไม่ทำตามใจตัวเอง เมื่อเรามีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐาน บนหนทางที่เดินไปไหนต่อไหนเราก็จะพบกับความงดงาม  เวลาเกิดการกระทบกระทั่ง หรือเกิดปัญหาความขัดแย้งอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา เราก็จะสามารถรักษาใจให้สุขุมเยือกเย็นไว้ได้ ข่มอารมณ์ ข่มใจ ข่มกิเลสไม่ให้สำแดงฤทธิ์ออกมาได้ แบบนี้สิ ที่เราจะกลับสู่อ้อมกอดของพ่อได้อย่างบริบูรณ์ อย่าเอาความใจดีของพระบิดามาทำให้เกิดความขัดแย้งกันเลย

ไม่มีความคิดเห็น: