วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2562

เส้นบาง ๆ ระหว่าง บุญกับบาป


เส้นบาง ๆ ระหว่าง บุญกับบาป
เคยบ้างไหม? เวลาที่เราให้เงินทำบุญกับใครหรือหน่วยงานใด แล้วมารู้ตอนหลังว่าเงินนั้นถูกนำไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ เรารู้สึกเช่นไร? ย่อมรู้สึกโกรธ โมโห แค้นใจ เหมือนถูกหลอก มีคุณพ่อท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า เวลาเราทำบุญให้ใครจงคิดว่าเราได้บุญแล้ว ส่วนคนที่ได้รับจะเอาไปทำตามวัตถุประสงค์ หรือ นำไปใช้ในทางที่ผิด คนผู้นั้นก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบในบาปในส่วนนั้นไป หากเราไปโกรธโมโห บุญเราก็จะลดลงกลายเป็นบาป โลกเรานี้บางทีก็มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่บ้าง มีคนบางจำพวกที่หากินกับการทำบุญกุศล หากินในความเดือดร้อนของชาวบ้าน จะเห็นได้บ่อยครั้ง ยามมีวิกฤติแล้วสังคมระดมเข้าไปช่วยเหลือ ไม่นานเราก็จะเห็นเหลือบที่แฝงมา เอาเรื่องนี้มาตั้งเป็นกองบุญ แล้วก็นำเงินไปใช้จ่ายเอง ถูกจับได้ก็หลายครั้ง แต่ก็ยังมิวายที่จะมีเรื่องเหล่านี้ตามมา จนทำให้ผู้คนระทดท้อต่อการทำบุญทำกุศล

บางทีมันก็อาจจะมีเส้นบาง ๆ ระหว่างบาป บุญ คุณ โทษ อย่างไรเสียเราก็ต้องรู้จักที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตามอัตภาพของเรา และก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง ที่สุด อย่าปล่อยให้การทำบุญกุศลของเรากลายเป็นการเพิ่มกิเลส หวังได้คำยกย่อง สรรเสริญ ถ้าคาดหวังในบุญเมื่อไร ความบาปก็จะเป็นเงาตามมา การทำบุญโดยไร้การคาดหวัง ทำบุญเพื่อจรรโลงโลก รักษาสังคม ทำบุญด้วยความคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกพระ เป็นพี่น้องในพระคริสตเจ้า จึงเป็นสำนึกมโนธรรมคริสตชนที่ดี การโลภมากในบุญก็เป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ มีสิ่งดีงามที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามาจากความใจบุญใจกุศล และบางเรื่องอาจจะเกิดขึ้นกับเราอย่างกับปาฏิหาริย์
หญิงม่ายคนหนึ่ง มักทำขนมเปาะเปี้ยะให้คนทั้งบ้านกิน แต่เธอจะทำเผื่อ 1 อันใว้ให้คนหิวโซที่เดินผ่านไปมา  เธอนำเปาะเปี้ยะที่ทำเผื่ออันนั้นตั้งไว้บนขอบหน้าต่างนอกบ้าน เพื่อให้คนต้องการหยิบไปกินเองได้   และทุกวันจะมีขอทานเฒ่าหลังค่อมเป็นผู้มาหยิบไปทุกครั้ง แต่ขอทานเฒ่าไม่เคยกล่าวขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อเดินห่างออกไป ยังมีการบ่นงึมงำไปตลอดทางด้วย จับใจความได้ว่า 所做之, 在身..... 所做之善, 回到身   (สอจ่อจืออัก เหล่าต่อซิงเปียง....สอจ่อจือเสียง ห่วยเก๊าซิงเปียง) แปลว่า บาปที่กระทำเก็บไว้กับตัว กุศลที่ได้ทำย้อนกลับมาหาตัว


วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ทุก ๆ วัน  ขอทานเฒ่าหยิบแผ่นเปาะเปี้ยะแล้ว   จะบ่นซ้ำ ๆ คำนี้   และเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ นานวันเข้านางรู้สึกไม่ค่อยพอใจ จนสะสมถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่เริ่มคิดในใจว่า  แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็พูดไม่เป็นหรือไร เอาของไปกินทุกวันไม่เคยขอบคุณ แถมยังบ่นอีกต่างหาก    มันหมายความว่ายังไงหรือตาเฒ่า ???
จนวันหนึ่ง นางสะสมความโกรธจนระเบิดออกมา คิดอยากจะสลัดขอทานเฒ่าออกจากขนมเปาะเปี้ยะแผ่นนี้  (นางคิดว่าตาเฒ่าแย่งคนอื่นมาหยิบไปกินทุกวัน) ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจวูบหนึ่ง เอายาเบื่อใส่เปาะเปี้ยะให้มันกินก็หมดเรื่อง ระหว่างเอาเปาะเปี้ยะผสมยาเบื่อไปวางบนขอบหน้าต่าง พลันฉุกคิดได้ว่า แอ๊ะ เรากำลังทำอะไรไปนะ  พอคิดได้ ก็รีบเอาเปาะเปี้ยชิ้นนั้น โยนเข้าไปในเตา เผาทิ้งจนหมด แล้วรีบทำแผ่นใหม่ วางบนขอบหน้าต่างอีกครั้ง  ถึงเวลาขอทานเฒ่าก็มาหยิบเอาไปเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง พร้อมบ่นงึมงำ ๆ  แต่ครั้งนี้ฟังได้ความชัดมาก ว่า...สอจ่อจืออัก, ฉุ่งหลิ่วซิงเปียง..สอจ่อจือเสียง, ห่วยเก๊าซิงเปียง...นางสังเกตเห็นขอทานเฒ่าบ่นงึมงำ อย่างคนมีความสุข ไม่ปรากฏว่าจะเป็นการด่าให้ร้ายใคร ๆ เลย ช่วงที่เธอเอาเปาะเปี้ยะวางบนขอบหน้าต่าง สายตาก็จะมองออกไปบนทางเดินที่เข้าหมู่บ้าน โดยมีความหวังว่า จะได้เห็นหน้าลูกชายที่หลายเดือนก่อนออกจากหมู่บ้าน ไปหางานทำในเมืองและไม่เคยส่งข่าวกลับมาให้เธอทราบเลย เธอได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง ลูกชายคงจะส่งข่าวกลับมาหาเธอบ้าง
คืนวันนั้น  มีเสียงเคาะประตู  เมื่อเธอเปิดออกมา   ก็ต้องตกใจอย่างมาก เห็นลูกชายยืนอยู่หน้าประตู ทั้งซูบผอมเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่งหิวโซและอ่อนล้าสุด ๆ พอพบหน้าแม่ลูกชายก็พูดขึ้นว่า
“แม่  ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว ตอนก่อนจะถึงบ้านซักกิโลเมตรกว่า ๆ  ผมหิวจนเป็นลม ล้มลงกับพื้น โชคดีเจอขอทานหลังค่อมคนหนึ่งผ่านมา   ผมขอให้เขาแบ่งของกิน อะไรก็ได้ให้ผมกินหน่อย แค่เศษ ๆ ก็พอ   แต่ขอทานหลังค่อมใจดีมาก กลับยื่นเปาะเปี้ยะให้ผมทั้งแผ่น   และยังพูดกับผมว่า นี่เป็นอาหารที่เขาใช้ยังชีพทุกวัน  แต่วันนี้จะให้ผม เพราะผมต้องการมันมากกว่าเขา”
ฟังถึงตรงนี้ หญิงม่ายหน้าซีดขาวเผือด ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงประตู หวนคิดถึงตอนเช้า ถ้านางเอาเปาะเปี้ยะใส่ยาเบื่อให้ขอทานเฒ่า งั้นคนที่ตายย่อมเป็นลูกชายตัวเองแน่นอน ถึงตอนนี้   นางเพิ่งเข้าใจความหมายในคำบ่นของขอทานเฒ่าว่า “สอจ่อจืออัก,หลิ่วต่อซิงเปียง  (บาปที่กระทำเก็บไว้ที่ตัว) สอจ่อจือเสียง , ห่วยเก๊าซิงเปียง  (บุญกุศลที่ได้ทำย้อนกลับมาหาตัว)”
นี่เป็นนิทานที่ดีเรื่องหนึ่งเป็นคติสอนใจว่า การทำบุญ ทำกุศลต้องไม่คาดหวังและเลือกทำ มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นการทำบาปโดยไม่รู้ตัว (บทความจาก ชู๊บุ๋งทีแอ๋แปล และเรียบเรียง โดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง 黄振炎 )  ฝากไว้เป็นข้อคิดข้อเตือนใจในการที่เราจะร่วมทำบุญทำทานในช่วงเวลามหาพรตนี้ ทำบุญต้องได้บุญ อย่าทำบุญเพื่อเพิ่มบาปนะครับ....

ไม่มีความคิดเห็น: