วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ก้าวต่อไปในความพอดี


ก้าวต่อไปในความพอดี
คริสต์มาสผ่านไปอีกหนึ่งปี ปีเก่ากำลังจะล่วงเลยผ่านไป หลายที่หลายแห่งก็จัดงานกระตุ้นให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจคล่องตัว มีการหมุนเวียนเงินในระบบมากขึ้น จนทำให้ผู้คนหลงทางในการใช้ชีวิตแบบโดยหวังว่าจะพบความสุข บางทีระบบทุนนิยมก็ป้อนทัศนคติให้ต้องมี และต้องมีมากขึ้นอีกเรื่อย ๆ พอไม่เป็นเช่นนั้น ก็มีความเครียด มีความทุกข์ เพราะเกิดการใช้จ่ายจนเกินตัว จะมีสักกี่คนที่ก้าวผ่านเรื่องดังกล่าวท่ามกลางกระแสวัตถุนิยม ทุนนิยมที่ถาโถมเข้าใส่จนกลายเป็นเงาร่างของผู้คนทั่วไปได้
ในระหว่างพิธีสมโภชพระคริสตสมภพในปีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเทศน์ว่า “การบังเกิดของพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ด้วยการไม่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและสะสม แต่ต้องเป็นไปเพื่อการแบ่งปันและมอบให้ผู้อื่น คุณค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การครอบครอง ความโลภที่ไม่รู้จักพอปรากฎให้เห็นมากมายในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แม้กระทั่งในปัจจุบัน มีผู้คนเพียงน้อยนิดที่ทานอาหารอย่างหรูหรา ขณะที่คนจำนวนมากไม่มีแม้แต่อาหารที่จำเป็นสำหรับประทังชีวิตในแต่ละวัน พระองค์ระบุด้วยว่า คุณค่าที่แท้จริงของเทศกาลคริสต์มาสถูกทำให้จมหายไปกับลัทธิวัตถุนิยม”


ตลอดระยะขวบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังนี้ เสียงบ่นเรื่องการค้าการขาย เรื่องเศรษฐกิจ เงิน ๆ ทอง ๆ มีให้ได้ยินว่าฝืดเคือง ไม่คึกคัก สภาพไม่คล่อง ตลาด ร้านรวงดูเงียบเหงา เหมือนราวกับว่าวัน ๆ มานั่งเฝ้าร้าน ในอีกมุมหนึ่งการซื้อขาย การสั่งของผ่านทางอินเตอร์เน็ตกลับขยายตัวพุ่งแรงแซงทางโค้ง เข้าวิน จนทำให้เกิดการบริโภครูปแบบใหม่ การจับจ่ายที่ง่ายดาย การเลือกสินค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังแหล่งจำหน่าย เพียงเปิดหน้าจอมือถือ กดสั่งซื้อโอนเงิน หรือ เก็บปลายทาง ไม่กี่วันของนั้นก็มา การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มมีบทบาทในวิถีชีวิตเมืองมากขึ้น และจะกลายเป็นเครื่องกระตุ้นความอยากได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าเรายังคงต้องจมอยู่กับการจับจ่าย และฟุ่งเฟ้ออยู่ตลอดเวลา
โลกเปลี่ยนเร็ว โลกเปลี่ยนไป แม้เราจะตามไม่ทัน ก็อย่าท้อถอย ค่อย ๆ ก้าวไปด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง อย่าคิดเปลี่ยนเราให้มาเป็นแบบโลกที่มีแต่ความอยากและแข่งกันเก็บครอบครอง แต่จงเปลี่ยนตัวเราให้อยู่ในโลกด้วยความดีมีเมตตาต่อกัน ไม่จำเป็นต้องวิ่งขึ้นไปเป็นอันดับแรก ๆ เพียงแค่รักษามาตรฐานในคุณค่าของเรา ในคุณค่าแห่งความเป็นศิษย์พระคริสต์อย่างมั่นคงให้ได้ และพยายามใช้ชีวิตเพื่อกันและกัน ช่วยกันขับเคลื่อนพลังความดีให้ปรากฎในโลกวันใหม่ ในความเปลี่ยนแปลงยังคงต้องมีความดีฉายแสงอยู่ แล้วเราต้องเป็นแสงสว่างเหล่านั้นร่วมกัน


ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนรับรอยต่อแห่งปีเช่นนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านก้าวหน้าต่อไปในหนทางธรรม พลาดพลั้งลุกขึ้นก้าวเริ่มใหม่ ด้วยหัวใจแห่งรักจะนำพาเราทุกคนผ่านวันเวลาไปได้ตลอด อย่าไปนำความเจ็บปวดในอดีตมากีดกั้นความหวัง อย่าไปนำความคาดหวังมาฉุดรั้งให้หนักล้น มีทุกข์สุขปะปน เลือกที่จะยอมรับในยามทุกข์ ยินดีในยามสุข ข้ามผ่านวันนี้ด้วยความดีความงาม และความพอเพียง ข้ามผ่านเวลาด้วยคุณค่า เราจึงจะเป็นผู้คนที่มีคุณภาพ 
คุณแม่ท่านหนึ่งกลัดกลุ้มเรื่องการเรียนของลูกชาย จึงเข้าไปขอคำปรึกษากับพระอาจารย์
“เรื่องการเรียนของลูก สมควรเป็นเรื่องของลูกถึงจะถูกนะ โยมจะไปกลุ้มแทนเขาทำไม?” พระอาจารย์เอ่ยขึ้นหลังจากฟังนางพูดเสร็จ
“จะไม่ให้กลุ้มได้ยังไงคะ นักเรียนในห้องมี40คน ลูกชายอิฉันสอบได้ที่40ตลอดเลยค่ะ!” นางเล่าไปพลางส่ายหน้าไปพลาง
“หากอาตมาเป็นโยมนะ อาตมาจะดีใจซะมากกว่า” พระอาจารย์ตอบไป
“ทำไมละคะ?”
“ก็โยมลองคิดดูสิ ลูกชายของโยมเขาจะไม่มีทางถอยหลังไปมากกว่านี้แน่นอน เขาไม่ตกไปอยู่ลำดับที่41หรอก ใช่ไหมละ?”พระอาจารย์ตอบไปแบบยิ้มๆ
เมื่อนางได้ฟังดังนั้น นางก็หัวเราะออกมา 
“นี่ก็เหมือนกับการปีนเขานั่นแหละ ลูกชายของโยมตอนนี้ก็เหมือนกันคนที่ยืนอยู่ตรงหุบเขา ก้าวที่เขาเดินไปแต่ละก้าวก็คือก้าวที่มุ่งสู่ยอดเขา ขอเพียงโยมหยุดกลัดกลุ้ม แล้วเปลี่ยนเป็นให้กำลังใจลูกชายแทน เป็นเพื่อนเขาเดินไปข้างหน้า เขาย่อมเดินออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้แน่นอน ”
นางได้ฟังดังนั้นก็กราบขอบคุณพระอาจารย์ แล้วก็ขอตัวกลับ ไม่นานต่อมา นางก็ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณพระอาจารย์อีกครั้ง นางเล่าว่า การเรียนของลูกชายดีคืนดีวัน สอบปลายภาคที่ผ่านมา ลูกชายสอบได้ลำดับที่35ของห้อง!(บทความ : นุสนธิ์บุคส์)


ขอเราร่วมใจในคำภาวนาเพื่อส่งไปให้กับผู้สูญเสียและประสบภัยจากสึนามิที่ประเทศอินโดนีเชีย และเราต้องตระหนักว่าชีวิตนี้ไม่ยืนยาวและไม่อาจจะคาดคะเนได้ อย่าไปคิดแข่งขันกัน อย่าสะสม อย่าฟุ้งเฟ้อเอาแต่สร้างสิ่งประดับกับสิ่งภายนอก เดินออกจากกระแสนิยมบ้าง รู้จักให้ผู้อื่นบ้างอย่างน้อยแค่รู้จัก “ขอบคุณ” ผู้อื่นให้เป็นชีวิตก็น่าอภิรมย์ยิ่งนักแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: