วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สายตาคู่นั้น


สายตาคู่นั้น
ได้รับเชิญให้ไปแบ่งปันถึงความหมายของคริสต์มาสที่แท้จริงให้กับเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะรังสรรค์ผลงานออกมาในกิจกรรมที่โรงเรียนให้ช่วยกันจัดบอร์ดในห้องเรียน เกี่ยวกับวันคริสต์มาสอย่างมีความหมาย ไม่ใช่ให้มีเพียงความสวยเท่านั้น แต่ต้องมีความงามแง่คิดแฝงตามมาด้วย จึงได้มีโอกาสออกจากบ้านตั้งแต่แสงพระอาทิตย์ในฤดูที่เคยหนาวยังมิทอแสง ความขมุกขมัวยังคงปกคลุมไปทั่ว บนถนนเจริญกรุง ถนนที่เต็มไปด้วยโรงเรียนมากมาย ยามเช้าเช่นนี้จึงเห็นนักเรียนมายืนรอรถโดยสารประจำทางเป็นจำนวนมากพอสมควร แต่ที่สะดุดตา คือมีผู้ปกครองหลายต่อหลายคนตามมาส่งถึงป้ายรถเมล์ และเมื่อส่งลูกหลานขึ้นรถแล้ว สายตาของผู้ปกครองยังคงมองดูลูกหลานจนสุดสายตา ในสายตานั้นดูเหมือนมีความห่วงใย ดูเหมือนมีความภาคภูมิใจ และเต็มไปด้วยความหวัง เต็มไปด้วยความอาทร ไม่ใช่แค่ผู้ปกครองที่มาส่งลูกหลานยังป้ายรถเท่านั้น สายตาแบบนี้ยังมีให้เห็นแม้ผู้ปกครองที่ขับรถมาส่งถึงโรงเรียนก็ไม่แตกต่างกัน สายตาคู่นั้นเป็นสายตาที่ทำให้โลกนี้มีความอบอุ่นที่อบอวลไปด้วยความรักปรากฏอย่างเด่นชัดขึ้นในทุกยามเช้า


เด็ก ๆ หลายคนเมื่อพ้นจากมือพ่อแม่ พ้นจากสายตาผู้ปกครองก็มิได้มองย้อนกลับไป มุ่งเดินหน้าก้าวไปในหนทางของตัวเองอย่างเดียว มุ่งที่จะไปหาเพื่อน ๆ ตามประสาวัยที่เพื่อนสำคัญที่สุด ปล่อยให้สายตาคู่นั้นลอยละล่องไป บางทีพวกเขาอาจจะชินชากับความห่วงใย หรือบางทีเขาอาจจะรำคาญกับความห่วงใยที่ไม่ปล่อยให้พวกเขามีอิสระเสียทีก็ไม่ทราบได้ และสักวันพวกเขาจะเข้าใจถึงความห่วงหาอาทรเหล่านี้ และจากสายตาคู่นี้อาจจะมีบางสายตาคู่เดิมจะเพิ่มเติมความอิ่มเอมในวันที่เห็นลูกหลานเรียนจนบรรลุเป้าหมาย เรียนจนได้รับปริญญา ในวันนั้นสายตาคู่นี้อาจจะอาบและคลอไปด้วยน้ำใส ๆ ที่เอ่อล้นออกมา ทุกชีวิตต่างสร้างความหวัง ต่างสร้างพลังให้แก่กันและกัน พลังที่ขับเคลื่อนสังคม แม้ว่าจะเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ส่งผ่านทางสายตาคู่นั้นก็อาจจะมีส่วนทำให้วันข้างหน้าเราจะมีคนดี ๆ เกิดขึ้นตามมา
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งในวันข้างหน้าที่โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน เรามักเห็นและโหยหาความสำเร็จรูปมากกว่าความพยายามทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ทุกคนต่างหวังถึงอนาคตตามแบบฉบับของคนดังคนออกสื่อ แต่มิได้หันหลังกลับมาดูว่า ยังมีคนใกล้ตัวเราที่มอบความห่วงใย มอบความรักและหวังว่าสักวันเราต้องก้าวสู่ความสุขที่มากกว่าความสำเร็จรูป กระแสที่บูชาเพียงเปลือกมักจะทำให้หลงทาง และหมดความชื่นชมยินดีต่อชีวิตในที่สุด  
การได้เห็นภาพเล็ก ๆ ในสังคมเมืองใหญ่ยามเช้าเช่นนี้ ยิ่งทำให้การแบ่งปันเรื่องการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้ากับเด็ก ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าความเข้าใจให้กับพวกเขามีความหมายมากยิ่งขึ้น จึงได้นำตัวอย่างของการจัดถ้ำหน้าพระมหาวิหารนักบุญเปโตรที่วาติกันไปให้พวกเขาได้ดู ที่นี่จะเปลี่ยนรูปแบบการจัดในทุกปี และในแต่ละปีก็จะมีความหมายที่ลึกซึ้ง เข้ากับยุคสมัย เป็นบทสอนให้กับสังคมโลกในยุคนั้น ๆ อีกด้วย ทุกสิ่งตรงนั้นเกิดจาการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ปีนี้ยิ่งมีความแปลกอย่างยิ่ง มีการนำเอาทรายสีทองจำนวน 720 ตันมาอัดแน่นและแกะสลักให้เป็นรูปการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า พระผู้เป็นเจ้าพระบุตรที่พระบิดาเจ้าส่งลงมาบังเกิดท่ามกลางคนยากไร้ และท่ามกลางนานาชาติ ผ่านทางพญาสามองค์ ภายใต้เพิงพักกันลมกันฝน ด้านข้างเป็นต้นสนสูงใหญ่ที่รอดจากพายุที่เคยพัดกระหน่ำในแคว้นเวนเนเซีย เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความแข็งแกร่ง


สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวว่า “ทรายเป็นสัญลักษณ์ของความยากจน ความเรียบง่าย เล็ก เบา และความอ่อนน้อม ที่พระเจ้าแสดงให้เห็นผ่านการประสูติของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราซึ่งตั้งอยู่ในรางหญ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ในความยากจน ในความเรียบง่ายและความอ่อนน้อมถ่อมตน” ที่พระองค์เปรียบเปรยเช่นนี้เพราะโลกกำลังตกอยู่ในภาวะของความอวดเก่ง อวดรวย มักง่ายและเห็นแก่ตัว เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่รับฟังกันและกัน การบังเกิดขึ้นของพระเยซูเจ้าตรงข้ามกับกระแสของโลกวันนี้อย่างสิ้นเชิง


สายตาของเด็ก ๆ ที่จับจ้องมองไปบนจอที่นำเสนอภาพสถานที่จำลองนี้ ต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และแฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เกิดความคิดที่จะช่วยกันทำให้ภาพการบังเกิดมาของพระกุมารน้อยมีความหมายทั้งต่อชีวิตของเราและคนที่ได้พบเห็น พลังเล็ก ๆ ดั่งเช่นเม็ดทรายเมื่อรวมกันจะเกิดเป็นพลังแข็งแกร่งมากที่สุด และจะนำความชื่นชมยินดีสู่ทุกคน หากทุกคนรับฟังกันด้วยความอ่อนน้อม ความเห็นแก่ตัวและความโอ้อวดของคนในสังคมจางหายลงบ้าง เพื่อให้กระแสแห่งสำเร็จรูปลดลง ความเรียบง่ายจึงเป็นสิ่งที่จะสร้างพลังความหวัง เพื่อปลุกพลังศรัทธาแห่งรัก ให้ค่อย ๆ ทวีขึ้นในหัวใจของเด็ก ๆ การแบ่งปันในครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีความหมายอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่งนักที่มีส่วนทำให้พลังเล็ก ๆ เหล่านี้ได้ลุกโชนขึ้นมา เพื่อสืบสานความหมายภารกิจแห่งรักของพระคริสต์ผ่านไปยังสายตาคู่อื่น  ๆ ที่จะได้พบเห็น ได้ชื่นชมความงามของบอร์ดหลังห้องเรียนร่วมกัน คริสต์มาสปีนี้เราได้ให้พลังรักแก่กันและกันบ้างหรือยัง อย่าทำทุกเรื่องอย่างสำเร็จรูป แต่จงทำทุกอย่างให้สำเร็จจากหัวใจแห่งความชื่นชมยินดี...

ไม่มีความคิดเห็น: