ย้อนรอยรัก
บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย
ๆ ตามตึกตามอาคาร และสถานที่ต่าง ๆ ถูกตบแต่งให้สวยงาม ประดับประดาด้วยไฟหลากสี เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่กำลังมาเยือน
คริสต์มาสสำหรับคนทั่วไป คือความรื่นเริง สีสัน ของขวัญ แต่...สำหรับเราคือสิ่งใด???เราเตรียมภายนอกเพื่อมอบความสุขให้กับคนอื่น
หรือเรากำลังเตรียมสิ่งเหล่านี้เพียงเพื่อความสุขของเรา คริสต์มาสปีนี้กำลังจะมาถึง
เราได้ตั้งใจจะทำอะไรเพื่อผู้อื่นมากน้อยเพียงใด แล้วสิ่งที่เรามีสิ่งที่ได้ทำมาตลอดปีมากพอที่จะมอบให้กับผู้คนรอบข้างบ้างหรือเปล่า
เป็นคำถามที่เราจำต้องถามเพื่อเตือนตนให้บ่อยขึ้น และที่สำคัญเราได้พบกับความหมายที่แท้จริงอย่างไรในบรรยากาศเช่นนี้
บางทีเราต้องย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น คริสต์มาสแรกนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร
เราอาจจะตกอยู่ในกระแสนิยม
กระแสแห่งวัตถุจนเลยทะลุผ่านต้นฉบับแบบคริสต์มาสแรกไปไกลเพียงใด
เราหลงเดินไปบนหนทางที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเรื่อยเปื่อย ไปกับชีวิตภายนอกจนลบเลือนคุณค่าแห่งชีวิตที่เกิดมาเพื่อสร้างสันติแก่กันและกันหรือเปล่า
ชีวิตสังคมก้าวมาไกลจนย้อนแย้งกับคำกล่าวที่ว่า“เทศกาลแห่งการให้” แต่ทุกสิ่งกลับถูกปลุกให้ความโลภบังเกิดแทนความรักความเมตตา
อย่าทำให้ความฝันวันคริสต์มาสของเราจมหายไปกับสิ่งลวงโลภ
เราต้องค้นหาและย้อนกลับไปในหนทางรักแรกที่มีเพื่อผู้อื่น
และอย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราเตรียมเราทำนั้นเพื่อผู้อื่น
เพราะบางทีเราก็ทำเพื่อสนองความสุขของตัวเองมากกว่า
หนุ่มน้อยคนหนึ่งมีความตั้งใจแน่วแน่ในหนทางที่จะอุทิศรับใช้ผู้อื่นตามความสามารถของตน
จึงพยายามสะสมความรู้ ความเข้าใจต่อสภาพความเป็นจริงของสังคม
อยู่มาวันหนึ่งเขาได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางว่าจะเป็นผู้ที่จะช่วยส่งเสริมให้เขาบรรลุความฝันตามอุดมการณ์
ทั้งสองคุยถูกคอกันตั้งแต่พบหน้ากันในครั้งแรก ยิ่งเมื่อถูกเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกัน
หนุ่มน้อยยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันเป็นยิ่งนัก
และเมื่อทำงานร่วมกัน
ความใกล้ชิดสนิทเหมือนดังพี่น้องที่ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แรก ๆ หนุ่มน้อยชื่นชมชายผู้นี้ที่บัดนี้เรียกว่า
“ผู้พี่” วันคืนผ่านไป หลายเหตุการณ์ผ่านพบ
หนุ่มน้อยเริ่มเกิดความไม่แน่ใจในผู้พี่คนนี้ขึ้นมา เพราะอะไรเล่า?
เพราะหลายครั้งหลายคราวความย้อนแย้งเกิดขึ้นมันไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่แสดงให้ทุกคนเห็น
ต่อหน้าผู้คนผู้พี่คนนี้คือคนอ่อนน้อม ฉลาดหลักแหลม รับฟังปัญหา
ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามาขอ ผ่านทางกองทุนที่ผู้พี่คนนี้จัดตั้งขึ้น
และนับวันยิ่งได้รับการสนับสนุนจากทั่วทุกสารทิศเมื่อได้เงินจำนวนมากมายมหาศาล เงินจึงกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นคนที่ไม่ใช่ของแท้ของผู้พี่
เขาใช้เงินจากกองทุนเพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว นำไปเล่นหุ้น นำไปจับจ่าย แล้วให้ฝ่ายบัญชีทำเป็นรายจ่ายเพื่อช่วยเหลือคนยากไร้
นานวันเข้าหนุ่มน้อยเริ่มสะอิดสะเอียนเริ่มขยะแขยงผู้พี่
ในเหตุการณ์หนึ่งเมื่อผู้พี่ต้องขึ้นกล่าวปราศรัย
เขาได้นั่งอยู่ด้านบนที่สามารถมองลงมาเห็นทุกสิ่งบนเวทีแห่งนั้น
ผู้พี่พูดถึงความตั้งใจที่จะขจัดความทุกข์ยากของผู้คน และเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันทำบุญบริจาค
เขากล่าวถึงความเมตตาที่เราจำต้องช่วยเหลือกันของทุกคนบนโลกนี้
กล่าวย้ำถึงความฝันที่จะรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว
สร้างจิตวิญญาณแห่งความรักลงในหัวใจเด็ก ๆ ลดสร้างวัตถุเปลือกนอกที่ปรุงแต่ง
เรียกเสียงปรบมือกึกก้องไปทั่ว แต่สำหรับหนุ่มน้อยเขารับรู้อยู่เต็มอกว่า
การระดมทุนครั้งนี้มีเพื่อจะนำไปสร้างคฤหาสน์อันหรูหราในที่ดินกลางเมืองแปลงงาม วันนั้นหนุ่มน้อยเกิดสภาวะหมดแรง
หมดศรัทธาในผู้คน เขาจำได้ว่าผู้พี่เขาเคยบอกว่า คุณจะรู้อะไรมากกว่าผม
อย่ามาอวดรู้ ถ้าผมไม่ฉลาด จะมาอยู่จุดนี้ได้เยี่ยงไร
เขาเดินจากมาบนถนนที่ว่างเปล่า
ค่อย ๆ ถอดเสื้อสูท เน็คไทด์ และไม่ใส่ใจมือถือรุ่นใหม่วางไว้ตรงที่นั่ง
หนุ่มน้อยรู้สึกถึงอิสระภาพอย่างแท้จริง ถนนหน้างานหรูหราก็ยังมีคนเก็บขยะ มีคนไร้บ้าน
มีหลายคนยืนรอรถเมล์ยามค่ำคืน ความรักความเมตตาของคนในงานนั้นคืออะไร?
เขาเดินย้อนกลับสู่วันเวลา สู่อ้อมกอดของไอดินกลิ่นน้ำยังบ้านเกิด
มีความรักของพ่อแม่อยู่ที่นั่น มีความห่วงใยของพี่น้อง และความอาทรของคนรอบบ้าน
วันคืนผ่านไปแบบเรียบง่ายแต่ความหมายของชีวิตกลับเพิ่มพูน
ความรักความเมตตาเอื้ออาทรไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบภายนอกที่รุงรัง
ไม่ต้องมีสีสันที่มีแค่บางวัน แต่จำต้องมาจากภายในที่รุ่งเรือง
มาจากการสร้างสรรค์จากหัวใจ แน่ล่ะ บางครั้งเรามิอาจปฏิเสธสิ่งภายนอกได้
เราไม่อาจจะฝืนกระแสได้ หากแต่เราต้องหมั่นฝึกฝนตัวตนให้อยู่ในกระแสสังคมแห่งเปลือก
ด้วยการเลือกที่จะอยู่ ที่จะเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยหัวใจ ด้วยจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง
ตระหนักให้ได้ว่ารักต้องมาจากภายในหาใช่สิ่งภายนอกที่เติมแต่ง
ที่ไม่นานก็เบื่อ ก็ต้องเปลี่ยนไป
มีเพียงไออุ่นของความจริงใจก็ทำให้ความสุขบรรเจิดตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น