วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หลากหลายที่ลงตัว

หลากหลายที่ลงตัว


ฝนลงเม็ดแต่เช้าในวันที่ต้องเดินทางไปร่วมพิธีปลงศพพระคุณเจ้า ยอด พิมพิสาร พระคุณเจ้าเป็นผู้ใหญ่ใจดี อารมณ์ดีเสมอ ยิ้มเก่งหัวเราะอย่างเบิกบาน และมักมีเรื่องเล่าเฮฮา มีเมตตาต่อทุกผู้คน ในช่วงเวลาที่ได้พบท่าน ได้ทำงานร่วมกับท่าน จึงมีแต่ความสุขเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่วันนั้นเราพบผู้คนมากมายเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อร่วมอาลัยต่อท่านเป็นครั้งสุดท้าย ในวันนั้นอากาศที่อุดรธานี ค่อนข้างเย็นสบาย คล้าย ๆ กับว่าท่านได้แผ่เมตตามาให้ทุกผู้คนที่มาร่วมอาลัย เป็นความเมตตาอีกครั้งหนึ่ง ที่จะทำให้เราได้จดจำนำมาเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันหลายคนคงเคยได้รับความเมตตาจากพระคุณเจ้ามาบ้างไม่มากก็น้อย แต่คงมีบ้างที่ลืมเลือนเพราะเห็นหลายคนจับจองที่นั่งในวัดด้วยการเอาสิ่งของวางไว้บนเก้าอี้ และในขณะเดียวกันหลายคนยอมขยับเขยื้อนเบียดเสียดเพียงเพื่อให้อีกคนได้มีที่นั่งในวัด คนเราย่อมมีความหลากหลาย เมตตาต่อกันต่างหากที่จะนำความเป็นหนึ่งเดียวกันมาสู่สังคม


ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่ในช่วงที่กำลังจะเดินทางกลับ ฝนตกลงมาอย่างหนัก สนามบินเจิ่งนองไปด้วยน้ำ และตามคาดมีเสียงประกาศว่าเครื่องบินดีเลย์ทุกสายการบิน ใช่หรือไม่ ความสมบูรณ์ของสรรพสิ่งนั้นไม่มีแม้แต่สภาพอากาศ ในฤดูหนาวกลับมีฝนตก ในฤดูฝนกลับร้อนแดดแผดเผา ผ่านไปไม่นานเมื่อฝนเบาบาง การบินเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ แม้จะได้กลับล่าช้า แต่ก็ได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ในความไม่สมบูรณ์ต่างมีเหตุรองรับ  ในขณะเดียวกันทุกสิ่งในโลกก็ไม่มีใคร อะไร สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง เรามาทบทวนชีวิตของเราเพื่อเรียนรู้ผ่านวันเวลาไปด้วยกัน ในบทความที่นำมาแบ่งปันนี้


ผมลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าสมมุติคนเราเกิดมาโดยที่ “สมบูรณ์แบบ” เก่ง ดีพร้อมทุกอย่าง ก็คงไม่จำเป็นต้องยอมหรือขอร้องจากใคร แต่เมื่อมี “ข้อบกพร่อง” หรือ “ข้อผิดพลาด” ใจเราก็สามารถลงไปอยู่ในจุดที่อยู่ใต้คนอื่นได้ และทุกอย่างก็ดูเป็นสิ่งที่น่าขอบคุณไปหมด ผมขอแบ่งประเภทจิตใจของคนเราเป็น 3 แบบ
แบบแรกคือ “คนที่คิดว่าตนถูกต้องเสมอ” คนประเภทนี้ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองอยากทำ ไม่ฟังเสียงคนอื่น คิดว่าแบบที่ตัวเองคิดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ตัวเองบกพร่องหรือขาดแคลนขนาดไหน จึงได้แต่ทำตามแบบที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น ซึ่งถือเป็นคนที่โชคร้ายมากๆ บางครั้งถึงแม้ว่าจะผิดพลาด แต่ก็ไม่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง เพราะฉะนั้น คนแบบนี้จึงเป็นคนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แบบที่สองคือ “คนที่คนอื่นบอกให้ทำ จึงลงมือทำอย่างเสียไม่ได้” คนแบบนี้ไม่ได้รู้สึกว่า ความคิดของตัวเองมีความผิดพลาดอะไร แต่ก็แค่ทำอะไรไหลไปตามบรรยากาศ เพราะว่าไม่อยากขัดกับคนอื่นเท่านั้นเอง
และแบบที่สามคือ “คนที่คิดว่าตนอาจเป็นฝ่ายผิดก็ได้” คนแบบนี้แม้จะมีความคิดเห็นของตัวเอง แต่ลองยอมทิ้งความคิดของตัวเอง แล้วรับความคิดเห็นของคนอื่นดู ซึ่งคนประเภทนี้สามารถได้รับการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะแม้ว่าตัวเองจะถูกต้อง แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่คนอื่นทำนั้นอาจจะดีที่สุดก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตรงกับความคิดของตัวเอง แต่ถ้าคนอื่นต้องการแบบนี้เขาก็ยอมที่จะทำตาม
ผมเชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์เรามาให้มีความอ่อนแอ มีข้อบกพร่อง และไม่สามารถสร้างความสุขขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องรับปัจจัยจากภายนอกเข้ามาเติมเต็ม เช่น ตอนที่คนเรารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจะอยากขอความช่วยเหลือ หรือเมื่อเห็นความบกพร่องของตัวเอง ก็เริ่มอยากได้รับการเปลี่ยนแปลง และหาโอกาสได้เข้าไปใกล้ชิดคนอื่น
พูดง่ายๆ คือเริ่มเรียนรู้ ยอมรับในคุณค่าคนอื่น หากคนเราไม่เคยผิดพลาด ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีแต่ “จิตใจที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก” คนมากมายคิดอยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ อยากมีเงิน มีความสามารถเหนือคนอื่น ตั้งแต่ตอนนั้นเราจะเริ่มโชคร้ายครับ เพราะนอกจากเราจะฟังคนอื่นไม่ได้แล้ว เราก็จะเริ่มดูถูกคนอื่นได้ง่ายๆ ด้วย ฉะนั้นการที่มีเพื่อนฝูง คนรอบข้าง หรือครอบครัวอยู่กับเรานั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายและน่าขอบคุณ :Cr: คิม ฮัก เชิล ประธานที่ปรึกษาอาวุโส มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (ไอวายเอฟ) เกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย (คอลัมน์ มองเปลี่ยนมุม/เดลินิวส์ออนไลน์)

ขอบคุณวันเวลา ขอบคุณพระคุณเจ้า ยอด พิมพิสาร และทุกผู้คนที่ผ่านพบ ที่คบหา สนทนา มีเมตตาต่อกัน ขอบคุณความไม่สมบูรณ์ของตัวเองและผู้คนรอบข้าง ที่ทำให้รู้ว่าความสวยงามย่อมเกิดจากความหลากหลายที่ลงตัว ความหลากหลายที่เกิดจากการเรียนรู้ ปีใหม่ วันใหม่ ปีไหน วันไหน หากเราไม่เรียนรู้ หากเราไม่น้อมรับปรับตัว และยึดมั่นในความดี ก็คงไม่มีวันที่เราจะเห็นความงาม.. สวัสดีปีใหม่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: