วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จึงออกตามหาความหมาย

จึงออกตามหาความหมาย
            อีก 365 วันผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายเรื่องราวผ่านเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจรับ แต่ทุกสิ่งก็ผ่านไปด้วยดี บนสายพานกาลเวลา สุขทุกข์ไหลผ่านมาผ่านไปใครเล่าจะเก็บไว้กับตัวได้!!!ขอบคุณทุกนาทีที่ทำให้เห็นความหมายของคุณค่าชีวิตมากขึ้นกว่าในทุก ๆ ปี นึกย้อนกลับไปมองดูแล้วทบทวน ใช่... ชีวิตเรามีความสุขเข้ามามากกว่าความทุกข์ เพียงแค่เราไม่ค่อยจะจดจำสะสมความสุขเก็บไว้ สุขแล้วลืมหายละลายไปกับวันคืน ส่วนที่ไม่เคยลืม คือ ความทุกข์ยากลำบากที่เข้ามาแวะเยี่ยมเป็นครั้งคราว
            เมื่ออายุวงปีชีวิตมากขึ้น เริ่มเห็นความเจ็บป่วยของคนรอบกาย ความเจ็บป่วยของตัวเอง  เห็นการจากลาของญาติสนิทมิตรสหายที่ร่วงโรยไปทีละคนสองคนยิ่งใจหาย ยิ่งสงสาร ยิ่งครุ่นคิดว่าที่ผ่านมา ชีวิตเรามีความหมายต่อใครบ้าง? มีความหมายที่จะมอบ “รักและเมตตา” ต่อผู้คนมากน้อยเพียงใด? การงานที่ทำของเรานั้นได้สร้างคุณค่าให้กับจิตใจเราแค่ไหน? หรือเราเพียงมุ่งหวังทำงานเพียงเพื่อให้ได้เงิน และก็เพลิดเพลินจับจ่ายใช้สอยให้หมดไป ทำให้วิถีชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบายของตนเป็นอันใช้ได้!!!ในความทุกข์ที่ต้องเผชิญแม้ไม่มากแต่..ช่างทรมานนั้น ได้สอน ได้ให้บทเรียนอะไร ได้บ้างหรือเปล่า
            ในท่ามกลางความทุกข์ ท่ามกลางความเจ็บความปวด สิ่งที่มีความหมายอย่างยิ่ง คือ หัวใจ คือ จิตวิญญาณ คือ กำลังใจ สิ่งเหล่านี้นั้นมีมาในทุกวัน ผ่านมาทางความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านมาทางรอยยิ้ม ความหวังดีมีเมตตาต่อกัน ผ่านมาทางบุคคลผู้เป็นตัวอย่างในฝ่ายทางดี ผ่านมาทางคำตักเตือนสอนสั่ง ผ่านมาทางการรับฟังการน้อมยอมรับในข้อบกพร่อง ผ่านมาทางคำติฉินนินทา คำสรรเสริญ ผ่านมาทางคนรอบกายหายใจร่วมกัน ผ่านมาทางเช้าวันใหม่ อากาศที่เปลี่ยนแปลงและข่าวคราวที่เปลี่ยนไป แล้วเราได้เก็บเกี่ยว เก็บสะสมความงามความดีในทุกนาทีทุกเรื่องไว้มากน้อยเพียงใด
            สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคือในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตลอดเวลาทุกนาทีมีชีวิตเพื่อปวงประชา บนความเหนื่อยคือความสุขของลูกไทย บนความยากลำบากเพื่อความสะดวกสบายขึ้นของผู้คน เป็นที่ประจักษ์ถึงความยิ่งใหญ่ของหนึ่งชีวิตที่ทำเพื่ออีกหลายสิบล้านคนบนหนทางธรรม วันนี้ประชาชนชาวไทยจึงไม่อ่อนแรง ที่จะเดินทางมากราบพระบรมศพ หลังจากจัดการกับวันเวลาได้อย่างลงตัวแล้ว จึงนัดหมายกับผู้ร่วมทุกข์ร่วมทาง เพื่อไปยังพระบรมมหาราชวัง พวกเราจะเข้าไปกราบคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นแรงพลังใจให้ก้าวเดินออกไปหาความหมายให้กับชีวิตในปีต่อไป...

            ทุกวันเวลาจึงเป็นการออกหาความหมายให้กับชีวิต การเริ่มต้นเดินทางไปยังท้องสนามหลวงเริ่มต้นในยามเย็นด้วยการนั่งเรือจากวัดราชสิงขร พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงสีทองส่องสะท้อนลงบนผิวน้ำ ยังสะท้อนความหมายในชีวิตของเราว่า การจากกัน การจากลามักแฝงไปด้วยความสวยงามแห่งความหวัง การลาลับกลับขอบฟ้าของดวงตะวันในวันนี้ก็เพื่อมีแสงใหม่ในวันพรุ่งนี้ ชีวิตเราย่อมต้องไม่ระทดท้อต่อความลำบาก มีวันพรุ่งนี้ให้สำหรับเราเสมอ จากท่าหนึ่งถึงท่าหนึ่ง ผู้คนเริ่มมากขึ้น ๆ แต่เรือก็ยังคงแล่นไปด้วยการบังคับของคนขับผู้ชำนาญการ ในชีวิตของเราย่อมมีโอกาสพบเจอผู้คนมากมายและมากขึ้น เราผู้ซึ่งเป็นผู้ขับเรือชีวิต เราชำนาญการมากน้อยเพียงใดที่จะนำพาทุกคนที่ผ่านพบได้พบเจอความดี ความงาม ตามวิถีคริสตชน
            กลุ่มของเราตามที่นัดหมายมีจำนวน ๑๔ คน ระยะทางจากจุดเริ่มต้นตรงท้องสนามหลวงเข้าจนถึงจุดพักคอยว่าไกลแล้ว การนั่งรอคอยยิ่งยาวไกลกว่า แต่สิ่งที่เห็นทำให้เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้เบื่อ เห็นความดีผ่านจิตอาสา เห็นการแบ่งปันฉันลูกพ่อเดียวกัน พ่อหลวงผู้ที่ทำให้ทุกคนต่างมีจุดหมายเดียวกัน แม้ต้องรอคอย ก็มิย่อท้อ ในเวลาที่เราไปถึงมีพระราชพิธีฯ ทำให้การเข้าไปกราบพระบรมศพต้อหยุดลงชั่วขณะ การรอคอยยิ่งเพิ่มขึ้น ในขณะเดินหาน้ำดื่มซึ่งมีบริการอย่างทั่วถึงอยู่นั้นได้พบเจอเพื่อนร่วมงานเก่า ที่ไม่ได้พบเจอกันหลายปี จึงถือโอกาสได้พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์ต่อกัน เป็นการพบกันแบบมิได้นัดหมายบางครั้งในการรอคอยเรามักพบบางสิ่งที่มิได้คาดหมาย การรอคอยเพิ่มพลังความหวังและกำลังใจต่อเราเสมอ เราได้เห็นผู้ที่รอคอยก่อนหน้าเราลุกขึ้นตั้งแถว หัวใจเริ่มพอง และแล้วก็มาถึงแถวเราจนได้ เดินจากจุดพักคอยเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง ใช้เวลาอีกนับชั่วโมงมีการหยุดรอเป็นระยะ ๆ แต่ความสวยงามยามค่ำคืนก็ดึงดูดความตื่นตาตื่นใจ จนลืมความเหนื่อยเมื่อยล้า ในความเหนื่อยเมื่อยล้าหากว่าเราพยายามมองให้เห็นความสวยงามระหว่างทางบ้าง จะทำให้ชีวิตเราหยัดยืนก้าวหน้าก้าวเดินต่อไปได้

           


เมื่อเข้าสู่ประตูพิมานไชยศรี  ในขณะที่เดินตามแถวเข้าไป มีเวลาได้หยุดยืน จึงตั้งจิตตั้งใจสวดภาวนาให้พ่อหลวง บางช่วงนิ่งสงบส่งใจรำลึกถึงพระคุณความดี ที่พระมหากษัตริย์ผู้สละความสุขส่วนตัวเพื่อสร้างสุขให้ประชาชนมาอย่างยาวนาน ความเมตตานำมาซึ่งความเจริญร่มเย็นและความผาสุก นี่เป็นความหมายที่เราต้องพยายามเดินตามรอยพระองค์ท่าน แม้เพียงไม่กี่นาทีที่เราได้เข้าไปกราบหน้าพระบรมศพ แต่ก็ก่อเกิดความหมายและแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ต่อการดำเนินชีวิต ใช่หรือไม่เราทุกคนล้วนมีความหมายต่อกัน เราทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง ในทุกวันเวลา ทุกย่างก้าว ทุกลมหายใจล้วนเป็นหนทางให้เราออกไปทำให้ความหมายแห่งความรักและความเมตตาปรากฏเป็นจริง อย่าปล่อยให้ชีวิตไร้ความหมายด้วยการอยู่เพียงเพื่อตัวเอง แล้วชีวิตเราจะมีความหมายมากยิ่ง ๆ ขึ้นในทุก ๆ ปี สวัสดีปีใหม่ครับ...

ไม่มีความคิดเห็น: