วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรียน (เลียน) คำสอนพ่อ บทสุดท้าย

เรียน (เลียน) คำสอนพ่อ บทสุดท้าย


บทที่ ๙ การเอาชนะใจตน
                 “ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่ว ว่าเสื่อม เราต้องฝืน ต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริง ๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น ๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้ มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ”  (พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓)
                 และแล้วการได้อ่าน ได้ไตร่ตรองเพื่อเลียนแบบคำสอนของพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็เดินทางมาถึงบทสุดท้าย ในบทที่ ๙ เพื่อให้เราก้าวเดินต่อไปในชีวิตอย่างมีเป้าหมาย อย่างมีความสุข และประจวบเหมาะกับในบทนี้ตรงกับวันคริสต์มาสพอดี ซึ่งในบทเรียนนี้ได้พูดถึงการเอาชนะใจตน คนเราเกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้นสิ่งสำคัญก็คือ เรื่องของการฝึกจิตฝึกใจ ให้รู้เท่าทันใจตัวเอง โดยพยายามเอาชนะใจตนเองให้ได้ แล้วเราก็จะได้รับความเข้าใจ ความใส่ใจจากผู้คนรอบข้าง คนเราไม่ใช่เกิดมาเพื่อคว้าชัยชนะต่อคนอื่น แน่ล่ะ... กระแสสังคมยุคใหม่มักฝังความคิดทัศนคติเราให้ต้องเป็นผู้ชนะอยู่ร่ำไป เร่งให้เราก้าวแล้วก็ก้าวอีก เพื่อตักตวงและกอบโกย โดยไม่ได้เหลียวมาแลคนรอบ ๆ ข้าง และยังไม่สามารถที่จะหาเวลานั่งลงไตร่ตรอง หาความหมายที่แท้จริงของชีวิตได้ ครั้นพอผิดหวัง ผิดคาด ไม่ได้ดังใจ ก็มักฟูมฟายว่าร้าย เรียกร้องคนอื่นให้มาเข้าใจ หรือไม่ในทางตรงกันข้าม ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจคนอื่นเพียงเพื่อเข้าครอบครองครอบงำความคิดผู้อื่น ทัศนคติแบบนี้มิใช่จริตคริสตชน ผู้ที่กำลังระลึกถึงการบังเกิดของพระกุมาร


                 ใช่.... ชีวิตเราทุกคนปรารถนาความสุข เราต่างก็มุ่งแสวงหาความสุขและหลุดพ้นจากทุกข์ แต่ในการแสวงหาความสุข เรามักมองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป นั่นคือ จิตใจเราแสวงหาทรัพย์สมบัติ เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง ตั้งแต่เด็กจนเติบโต ต้องมีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยที่เข้าใจเอาเองว่า เมื่อเราได้สิ่งนั้นแล้ว ชีวิตก็จะมีความสุข จึงดิ้นรนแสวงหาสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานาน แสวงหาไปเรื่อย ๆ แสวงหาไปตลอดชีวิตก็ยังไม่พบความสุขที่แท้จริง เพราะนี่เป็นการแสวงหาความสุขจากภายนอก และพากันเรียกสิ่งนั้นว่า “ความสำเร็จ
                 การสร้างความสำเร็จของแต่ละคนย่อมมาจากความสามารถและความขยัน มุ่งมั่น มานะ  มีความเพียรพยายามที่ต่างแตกกัน  แต่โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ทุกคนล้วนมีความเกียจคร้านรวมทั้งข้อจำกัดอยู่ด้วยเสมอ  หนทางที่จะพาเราไปสู่เส้นทางแห่งความก้าวหน้าในชีวิตก็คือ  การรู้จักขจัดความเกียจคร้านและข้อจำกัดในอุปนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีออกไป ด้วยการเอาชนะใจตนให้ได้เสียก่อน
                 การชนะใจตนนั้นจัดว่าเป็น “ศาสตร์” อย่างหนึ่ง ที่สามารถทำให้เรามีการพัฒนาจิตใจให้ดีและสูงกว่าเดิมได้ การปล่อยให้ความโกรธเกลียดครอบงำจิตใจจนลงมือทำร้ายผู้อื่น แม้ดูเหมือนจะได้รับชัยชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะเพียงชั่วคราว ในที่สุดก็จะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ เป็นความพ่ายแพ้ที่เรียกว่า แพ้ภัยตน”  เพียงแค่คิดจะเอาชนะผู้อื่น เราก็กลายเป็นผู้แพ้ไปแล้ว คือ แพ้ต่อความโกรธเกลียด ถูกความโกรธเกลียดครอบงำย่ำยีจิตใจจนเร่าร้อน ความโกรธเกลียดนี้แหละ ที่ทำให้เราลืมตัวจนสามารถทำสิ่งเลวร้ายได้มากมาย การชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การชนะใจตน เพราะถือว่าเป็นการชนะความอยาก และจิตใจที่ใฝ่ต่ำ คนที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้นั้น จะต้องมีการฝึกแก้นิสัย ข้อบกพร่องของตนเอง ให้เกิดนิสัยที่ดีขึ้นมาทดแทนนิสัยที่ไม่ดีไม่งาม
                 การชนะใจตนยังเป็น “ศิลปะ” อันหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถสร้างอุปนิสัยที่ดีมาสู่ตัวเราได้  ซึ่งการชนะใจตนเองเป็นการทำได้ยาก  แต่ถ้าได้ลองทำครั้งที่หนึ่งแล้ว  ครั้งที่สอง  ครั้งที่สาม  จะค่อย ๆ ง่ายลง  การเริ่มเอาชนะใจตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ลองเริ่มต้นสลัดความเกียจคร้าน พยายามเป็นคนขยัน  มานะ  พากเพียรเตือนตัวเองให้ตั้งมั่นอยู่ในความขยัน  กระตือรือร้นอยู่เสมอ  ไม่นานนิสัยนี้ก็จะติดตัวเรา สิ่งหนึ่งที่เราต้องมีอันดับแรกก่อนอื่นหมด เพื่อนำชีวิตตนเองไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน ก็คือ ต้องชนะใจตน จากนั้น ต้องชนะใจคนอื่น การชนะใจทั้งสองแบบนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกชัยชนะบนโลกนี้ เมื่อชนะใจตน ก็ไม่ยากที่จะชนะใจผู้อื่น ใครทำได้ก็พบสันติสุขก่อน พระเยซูเจ้าถ่อมพระองค์เองมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็ด้วยการชนะใจตนเองและพระองค์ก็ชนะใจผู้คนอีกมากมายบนโลกนี้ แล้วเราจะไม่ลองทำบ้างหรือ...

ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเรากับท่าน เราให้สันติสุขกับท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย(ยอห์น 14:1,27)

ไม่มีความคิดเห็น: