เก้าอี้ตัวนั้น
วันเวลาเดินมาอย่างรวดเร็ว ผ่านมาครึ่งปีแล้ว
ผ่านแดดที่ร้อนจ้า ฟ้าฝนกำลังมา แล้วที่ผ่านมา เราเคยแหงนหน้ามองท้องฟ้ามองไปไกล ๆ
จากตัวเราออกไปมากน้อยสักเพียงใด หรือเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาหาเงิน
จนลืมมองดูสิ่งรอบ ๆ ที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป ใช่หรือไม่ นอกจากเงินทองทรัพย์สมบัติภายนอกที่เราใฝ่ฝัน
ดิ้นรนค้นหามาครอบครองกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนในยุคเรา ยุคสมัยใหม่ต้องการเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จก็คือ
ตำแหน่ง โดยมีสัญลักษณ์ “เก้าอี้” ที่ต่างคนต่างยื้อแย่งกันเหมือนกับกำลังเล่นเก้าอี้ดนตรี
ที่พยายามแข่งกันยึดเก้าอี้ตัวนั้นมาเป็นของเราให้ได้ เวลาที่เรายึดติดอยู่กับสิ่งต่าง
ๆ ใจเราก็จะมีความห่วง มีความกังวลคอยคิดอยู่เรื่อยว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เรารัก
ที่เราชอบ ยังอยู่กับเราหรือเปล่าแล้วจะอยู่กับเราไปได้นานสักแค่ไหน
เรื่องเหล่านี้นั้นล้วนเป็นการสร้างความเครียด สร้างความวิตก สร้างความกังวล
ทำให้ใจไม่สงบไม่นิ่ง สิ่งนี้แหละที่เรียกกันว่า “ความหลง”
บางคนหลงใหลในตำแหน่งแห่งหนต้องมีคำนำหน้าชื่อ
ต้องมีการระบุตำแหน่ง ยศ ระดับ โดยลืมไปว่าในตำแหน่งนั้นได้บ่งบอกถึงความรับผิดชอบ
ต้องทำภาระหน้าที่หนักและมากกว่าคนอื่น
หาใช่เป็นเพียงเครื่องบ่งบอกถึงการมีอำนาจเหนือคนอื่นเท่านั้น
หลายคนเสพสิ่งเหล่านี้ถึงกับต้องมีเก้าอี้ให้นั่งหลาย ๆ ตัว หลาย ๆ ที่
เมื่อมีแล้วก็ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามานั่งแทนที่ได้ง่าย ๆ แม้จะต้องปล่อยให้เก้าอี้นั้นว่าง นาน
ๆ ถึงจะมาใช้มานั่งสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่ยอมสละเพราะคิดว่ามีแต่เพียงตัวเองเท่านั้น
ที่เหมาะสมกับ “เก้าอี้ตัวนี้”
ในชีวิตจริงของเราแต่ละคนย่อมมีภาระหน้าที่
มีเก้าอี้ประจำกันด้วยทุกคน บางคนอาจจะเป็นเก้าอี้หลุยส์อย่างแพง
บางคนเป็นเพียงเก้าอี้พลาสติก เก้าอี้หวาย ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่สาระมันอยู่ตรงที่เราใช้เก้าอี้ตัวนั้นอย่างคุ้มค่าหรือยัง
ใช้เก้าอี้ตัวนั้นตามความสามารถเพื่อก่อประโยชน์สุขครบถ้วนหรือไม่ หรือว่า... เราปล่อยเก้าอี้นั้นให้ว่าง
ตากแดด ตากลม ตากฝน ไม่สนใจต่อภาระหน้าที่ของเรา โดยกระทั่งไม่รู้ว่า “เราเป็นใคร”
เพราะมัวแต่ออกไปแสวงหาเก้าอี้ตัวใหม่ ตัวใหญ่กว่าเดิมอยู่ร่ำไป เรามิได้นำพาสิ่งที่เราเป็น
มิได้สำนึกในสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบต่อการดำรงชีวิต
ในอีกมุมหนึ่งในบางครั้งตำแหน่ง
ภาระหน้าที่เก้าอี้ที่เราได้มานั้น หากเราไม่นั่ง
หากเราไม่สามารถจะทำหน้าที่หรือทำแล้วทำไม่เต็มที่ เราก็ต้องรู้จักที่จะถอย ต้องรู้จักที่จะมอบหมายให้ผู้อื่นได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่าปล่อยให้ว่าง
ๆ ยังมีคนที่คู่ควร ยังมีคนที่ขาดแคลนที่นั่ง ใช่หรือไม่
บางครั้งเรายึดมั่นถือมั่นจนหลงลืมว่า โลกนี้ยังมีคนต้องการสิ่งที่เราเหลือกินเหลือเก็บเหลือใช้อีกเป็นจำนวนมาก
ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลเกิดจากความยึดติดยึดติดปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่สำคัญคือ
การยึดติดในตัวตนโดยไม่รู้ตัวเป็นอันตรายอย่างยิ่ง วันใดที่เรารู้ว่าเราเป็นใคร
แล้วควรทำอะไร อย่าเอาความหลงนำพาชีวิต เลือกและใช้เก้าอี้ให้ถูกที่ถูกเวลา
สันติสุขในใจคือสิ่งที่ตามมา ในเวลาที่เราได้นั่งอยู่ตรงนั้น....
วันเวลาเดินมาอย่างรวดเร็ว ผ่านมาครึ่งปีแล้ว
ผ่านแดดที่ร้อนจ้า ฟ้าฝนกำลังมา แล้วที่ผ่านมา เราเคยแหงนหน้ามองท้องฟ้ามองไปไกล ๆ
จากตัวเราออกไปมากน้อยสักเพียงใด หรือเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาหาเงิน
จนลืมมองดูสิ่งรอบ ๆ ที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป ใช่หรือไม่ นอกจากเงินทองทรัพย์สมบัติภายนอกที่เราใฝ่ฝัน
ดิ้นรนค้นหามาครอบครองกันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนในยุคเรา ยุคสมัยใหม่ต้องการเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จก็คือ
ตำแหน่ง โดยมีสัญลักษณ์ “เก้าอี้” ที่ต่างคนต่างยื้อแย่งกันเหมือนกับกำลังเล่นเก้าอี้ดนตรี
ที่พยายามแข่งกันยึดเก้าอี้ตัวนั้นมาเป็นของเราให้ได้ เวลาที่เรายึดติดอยู่กับสิ่งต่าง
ๆ ใจเราก็จะมีความห่วง มีความกังวลคอยคิดอยู่เรื่อยว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เรารัก
ที่เราชอบ ยังอยู่กับเราหรือเปล่าแล้วจะอยู่กับเราไปได้นานสักแค่ไหน
เรื่องเหล่านี้นั้นล้วนเป็นการสร้างความเครียด สร้างความวิตก สร้างความกังวล
ทำให้ใจไม่สงบไม่นิ่ง สิ่งนี้แหละที่เรียกกันว่า “ความหลง”
บางคนหลงใหลในตำแหน่งแห่งหนต้องมีคำนำหน้าชื่อ
ต้องมีการระบุตำแหน่ง ยศ ระดับ โดยลืมไปว่าในตำแหน่งนั้นได้บ่งบอกถึงความรับผิดชอบ
ต้องทำภาระหน้าที่หนักและมากกว่าคนอื่น
หาใช่เป็นเพียงเครื่องบ่งบอกถึงการมีอำนาจเหนือคนอื่นเท่านั้น
หลายคนเสพสิ่งเหล่านี้ถึงกับต้องมีเก้าอี้ให้นั่งหลาย ๆ ตัว หลาย ๆ ที่
เมื่อมีแล้วก็ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามานั่งแทนที่ได้ง่าย ๆ แม้จะต้องปล่อยให้เก้าอี้นั้นว่างนาน
ๆ ถึงจะมาใช้มานั่งสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่ยอมสละเพราะคิดว่ามีแต่เพียงตัวเองเท่านั้น
ที่เหมาะสมกับ “เก้าอี้ตัวนี้”
ในชีวิตจริงของเราแต่ละคนย่อมมีภาระหน้าที่
มีเก้าอี้ประจำกันด้วยทุกคน บางคนอาจจะเป็นเก้าอี้หลุยส์อย่างแพง
บางคนเป็นเพียงเก้าอี้พลาสติก เก้าอี้หวาย ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่สาระมันอยู่ตรงที่เราใช้เก้าอี้ตัวนั้นอย่างคุ้มค่าหรือยัง
ใช้เก้าอี้ตัวนั้นตามความสามารถเพื่อก่อประโยชน์สุขครบถ้วนหรือไม่ หรือว่า... เราปล่อยเก้าอี้นั้นให้ว่าง
ตากแดด ตากลม ตากฝน ไม่สนใจต่อภาระหน้าที่ของเรา โดยกระทั่งไม่รู้ว่า “เราเป็นใคร”
เพราะมัวแต่ออกไปแสวงหาเก้าอี้ตัวใหม่ ตัวใหญ่กว่าเดิมอยู่ร่ำไป เรามิได้นำพาสิ่งที่เราเป็น
มิได้สำนึกในสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบต่อการดำรงชีวิต
ในอีกมุมหนึ่งในบางครั้งตำแหน่ง
ภาระหน้าที่เก้าอี้ที่เราได้มานั้น หากเราไม่นั่ง
หากเราไม่สามารถจะทำหน้าที่หรือทำแล้วทำไม่เต็มที่ เราก็ต้องรู้จักที่จะถอย ต้องรู้จักที่จะมอบหมายให้ผู้อื่นได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่าปล่อยให้ว่าง
ๆ ยังมีคนที่คู่ควร ยังมีคนที่ขาดแคลนที่นั่ง ใช่หรือไม่
บางครั้งเรายึดมั่นถือมั่นจนหลงลืมว่า โลกนี้ยังมีคนต้องการสิ่งที่เราเหลือกินเหลือเก็บเหลือใช้อีกเป็นจำนวนมาก
ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลเกิดจากความยึดติดยึดติดปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่สำคัญคือ
การยึดติดในตัวตนโดยไม่รู้ตัวเป็นอันตรายอย่างยิ่ง วันใดที่เรารู้ว่าเราเป็นใคร
แล้วควรทำอะไร อย่าเอาความหลงนำพาชีวิต เลือกและใช้เก้าอี้ให้ถูกที่ถูกเวลา
สันติสุขในใจคือสิ่งที่ตามมา ในเวลาที่เราได้นั่งอยู่ตรงนั้น....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น