วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คนดีที่ไม่ผูกขาด

คนดีที่ไม่ผูกขาด
              อากาศที่อึมครึม ฟ้าหมอง ๆ สายฝนโปรยปรายลงมา ในช่วงเวลาที่เราเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรเพื่อจะได้มีน้ำทำไร่ทำนา แต่...ฝนสำหรับคนเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความน่าเบื่อหน่าย โดยเฉพาะถ้าตกในเวลาเร่งรีบ เวลาเร่งด่วน เพราะรถราจะติดยาวเหยียดเบียดซ้ายเบี่ยงขวาไปไหนไม่ได้ ระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตรแต่ใช้ระยะเวลาเดินทางยาวนานเหมือนไปต่างจังหวัด เพราะน้ำท่วมขังและรอการระบาย ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด เกิดมลพิษทางจิตใจ กลายเป็นคนขี้บ่นขี้โมโห ใช่หรือไม่ ในฤดูร้อนที่ร้อนจัดเราก็มักโหยหาความฉ่ำเย็น พอเวลามีฝนตกเราก็โวยวายว่าจะตกอะไรกันนักกันหนา ชีวิตไม่มีความพอดีเอาเสียเลย จนกลายเป็นนิสัยของคนยุคใหม่ ที่ชอบบ่นชอบว่าชอบกล่าวหานั่นนี่ไปเรื่อย

              ชีวิตที่ไม่มีความพอดี แม้แต่จะทำดีก็ยังหาความพอดีไม่ได้ เพราะใจไม่นิ่ง สิ่งที่เรียกว่าความดี บางทีก็มีสองด้าน บางคนทำดีเพื่อที่จะเอาชนะคนอื่น ทำความดีแล้วรู้สึกว่าตนต้องเหนือกว่าคนอื่น ชอบผูกขาดในการทำดี ดูถูกคนอื่น เกิดอาการหลงตัวลืมตน ใครวิจารณ์หรือตำหนิไม่ได้ แตะต้องเมื่อใดเป็นโกรธเมื่อนั้น  คนดีจำนวนไม่น้อย เมื่อถูกทักท้วงก็จะรู้สึกโกรธ ก็เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์คนดี ถ้าเป็นแบบนี้การทำดีกลับกลายเป็นการก่อกิเลส การทำดีหรือทำบุญกุศลที่จะส่งผลสูงสุดต้องเป็นการทำด้วยใจว่างจากความโลภโกรธหลง การหวังผลว่าทำดีแล้วจะต้องได้ดี แต่เมื่อเป็นความดีที่ระคนไปด้วยโลภและหลงก็ย่อมจะได้ผลที่ไม่ค่อยดีนักความโลภความหลงมาบั่นทอนผลของความดีนั้นให้เจือจางลง
              และเมื่อใดก็ตามที่เราเชื่อมั่นว่าเรากำลังยึดถือในสิ่งที่ดีงาม  เป็นไปได้ง่ายมากที่เราจะมองคนที่คิดหรือมีความเชื่อความศรัทธาต่างจากเราว่าเป็นคนที่หลงผิด และเห็นเขาเป็นคนเลวในที่สุด  ทันทีที่เห็นว่าเขาเป็นคนเลว ความเกลียดโกรธก็ตามมา การมุ่งร้ายต่อกันก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก   เริ่มจากการประณามหยามเหยียดเขาอย่างสาดเสียเทเสีย โดยรู้สึกว่าตนมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้น ทำร้ายกันโดยอ้างว่าทำในนามของพระเจ้าบ้าง ทำในนามของความดีบ้าง ยิ่งคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐกว่าผู้อื่น ก็ยิ่งถลำเข้าสู่ความเสื่อมจนตกต่ำย่ำแย่กว่าเขา นี่จึงเป็นกับดักความดีที่เราทำกันอยู่แบบไม่รู้ตัว ยิ่งเราผูกขาดและยึดโยงความดีที่เราทำมากเท่าไรเรากลับยิ่งมองข้ามคุณค่าของคนอื่นมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ความดีเช่นนี้จึงเป็นความดีจอมปลอม ทำความดีแล้วใจไม่สงบ สิ่งนั้นจึงไม่ใช่ความดีบริบูรณ์

            มีวิธีตรวจใจตนเองว่าทำความดีด้วยใจโดยปราศจากกิเลส โลภโกรธหลง นั่นคือ ต้องพิจารณาดูว่าเมื่อทำความดีนั้นร้อนใจที่จะแย่งใครเขาหรือเปล่า? กีดกันใครเขาหรือไม่? ฟุ้งซ่านวุ่นวายเก็งผลเลิศในการทำหรือเปล่า? ต้องการจะทำทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถแล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจหรือโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทอุปสรรคหรือเปล่า? ถ้าเป็นคำตอบว่า “ใช่” นั่น...เรากำลังตกหลุมพราง แต่ถ้าตอบ “ปฏิเสธ” ถือว่าเรามิได้ผูกขาดในความดีที่กระทำ ย่อมทำให้เราพบกับความสุขใจ พร้อมที่จะก้าวไปในชีวิตอย่างมีความสงบสันติ แม้จะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของโลกในปัจจุบัน...
             

ไม่มีความคิดเห็น: