คนดีที่ไม่ผูกขาด
อากาศที่อึมครึม
ฟ้าหมอง ๆ สายฝนโปรยปรายลงมา ในช่วงเวลาที่เราเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ
เป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรเพื่อจะได้มีน้ำทำไร่ทำนา
แต่...ฝนสำหรับคนเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความน่าเบื่อหน่าย
โดยเฉพาะถ้าตกในเวลาเร่งรีบ เวลาเร่งด่วน เพราะรถราจะติดยาวเหยียดเบียดซ้ายเบี่ยงขวาไปไหนไม่ได้
ระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตรแต่ใช้ระยะเวลาเดินทางยาวนานเหมือนไปต่างจังหวัด
เพราะน้ำท่วมขังและรอการระบาย ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด เกิดมลพิษทางจิตใจ
กลายเป็นคนขี้บ่นขี้โมโห ใช่หรือไม่ ในฤดูร้อนที่ร้อนจัดเราก็มักโหยหาความฉ่ำเย็น
พอเวลามีฝนตกเราก็โวยวายว่าจะตกอะไรกันนักกันหนา ชีวิตไม่มีความพอดีเอาเสียเลย
จนกลายเป็นนิสัยของคนยุคใหม่ ที่ชอบบ่นชอบว่าชอบกล่าวหานั่นนี่ไปเรื่อย
ชีวิตที่ไม่มีความพอดี
แม้แต่จะทำดีก็ยังหาความพอดีไม่ได้ เพราะใจไม่นิ่ง สิ่งที่เรียกว่าความดี
บางทีก็มีสองด้าน บางคนทำดีเพื่อที่จะเอาชนะคนอื่น
ทำความดีแล้วรู้สึกว่าตนต้องเหนือกว่าคนอื่น ชอบผูกขาดในการทำดี ดูถูกคนอื่น
เกิดอาการหลงตัวลืมตน ใครวิจารณ์หรือตำหนิไม่ได้
แตะต้องเมื่อใดเป็นโกรธเมื่อนั้น
คนดีจำนวนไม่น้อย เมื่อถูกทักท้วงก็จะรู้สึกโกรธ ก็เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์คนดี
ถ้าเป็นแบบนี้การทำดีกลับกลายเป็นการก่อกิเลส การทำดีหรือทำบุญกุศลที่จะส่งผลสูงสุดต้องเป็นการทำด้วยใจว่างจากความโลภโกรธหลง
การหวังผลว่าทำดีแล้วจะต้องได้ดี
แต่เมื่อเป็นความดีที่ระคนไปด้วยโลภและหลงก็ย่อมจะได้ผลที่ไม่ค่อยดีนักความโลภความหลงมาบั่นทอนผลของความดีนั้นให้เจือจางลง
และเมื่อใดก็ตามที่เราเชื่อมั่นว่าเรากำลังยึดถือในสิ่งที่ดีงาม
เป็นไปได้ง่ายมากที่เราจะมองคนที่คิดหรือมีความเชื่อความศรัทธาต่างจากเราว่าเป็นคนที่หลงผิด
และเห็นเขาเป็นคนเลวในที่สุด
ทันทีที่เห็นว่าเขาเป็นคนเลว ความเกลียดโกรธก็ตามมา การมุ่งร้ายต่อกันก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
เริ่มจากการประณามหยามเหยียดเขาอย่างสาดเสียเทเสีย
โดยรู้สึกว่าตนมีความชอบธรรมที่จะกระทำเช่นนั้น
ทำร้ายกันโดยอ้างว่าทำในนามของพระเจ้าบ้าง ทำในนามของความดีบ้าง
ยิ่งคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐกว่าผู้อื่น ก็ยิ่งถลำเข้าสู่ความเสื่อมจนตกต่ำย่ำแย่กว่าเขา
นี่จึงเป็นกับดักความดีที่เราทำกันอยู่แบบไม่รู้ตัว
ยิ่งเราผูกขาดและยึดโยงความดีที่เราทำมากเท่าไรเรากลับยิ่งมองข้ามคุณค่าของคนอื่นมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
ความดีเช่นนี้จึงเป็นความดีจอมปลอม ทำความดีแล้วใจไม่สงบ
สิ่งนั้นจึงไม่ใช่ความดีบริบูรณ์
มีวิธีตรวจใจตนเองว่าทำความดีด้วยใจโดยปราศจากกิเลส
โลภโกรธหลง นั่นคือ
ต้องพิจารณาดูว่าเมื่อทำความดีนั้นร้อนใจที่จะแย่งใครเขาหรือเปล่า?
กีดกันใครเขาหรือไม่? ฟุ้งซ่านวุ่นวายเก็งผลเลิศในการทำหรือเปล่า? ต้องการจะทำทั้ง
ๆ ที่ไม่สามารถแล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจหรือโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทอุปสรรคหรือเปล่า?
ถ้าเป็นคำตอบว่า “ใช่” นั่น...เรากำลังตกหลุมพราง แต่ถ้าตอบ “ปฏิเสธ”
ถือว่าเรามิได้ผูกขาดในความดีที่กระทำ ย่อมทำให้เราพบกับความสุขใจ
พร้อมที่จะก้าวไปในชีวิตอย่างมีความสงบสันติ แม้จะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของโลกในปัจจุบัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น