วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เมื่อมองไกลจากกระจกข้างรถ

เมื่อมองไกลจากกระจกข้างรถ
ในขณะขับรถมาติดไฟแดงตรงแยกสุรศักดิ์ เพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสาทร ภาพจอขนาดใหญ่ข้างตึกกำลังฉายโฆษณาชิ้นหนึ่งซึ่งผ่านหูผ่านตามาบ้าง เป็นโฆษณาที่รถพยาบาลคันหนึ่งวิ่งมาแล้วไปไม่ได้ ในรถมีผู้ป่วยสาหัส เปิดไซเรนขอทาง แต่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ แทบไม่มีที่ว่างเสียเลย ไม่มีที่ว่างเพราะต่างคนต่างมองว่าธุระไม่ใช่ แต่ในงานชิ้นนี้สรุปว่าหากเราช่วยกันเปิดทางด้วยการขยับขวานิดชิดซ้ายหน่อย ก็จะพอมีทางว่างให้รถพยาบาลวิ่งได้แล้ว เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่รณรงค์เรื่องน้ำใจ ซึ่งตบหน้าคนในเมืองหลวงได้อย่างดียิ่ง เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่เห็นรถพยาบาลวิ่งตามหลังมาแต่ไม่คิดว่าจะช่วยไม่รู้ว่าหลบหลีกอย่างไร ต่างคนต่างคิดว่าธุระไม่ใช่ คนอื่นไม่ทำ เราทำคนเดียวคนอื่นคันอื่นจะว่าจะด่าเอา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า...

เมื่อดูโฆษณานี้จบสายตาก็เหลือบมองไปที่กระจกด้านข้างรถ ใช่หรือไม่ ส่วนใหญ่เรามองเพื่อที่จะให้รถเราปลอดภัย มองกระจกหลังก็เพื่อจะให้ห่างจากรถคนอื่น กลัวคันอื่นจะชนจะชิดเกินไป เรามองออกไปแต่มองไม่พ้นตัวเองเลย เราไม่ได้มองเห็นว่ามีใครกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือเปล่า มีรถมาขอทาง มีช่องว่างให้รถมอเตอร์ไซค์ไปได้ไหมห่วงแต่ว่าจะมีรถคันไหนมาเฉี่ยวหูช้างรถเรา น้ำใจในเมืองใหญ่หาน้อยหายากลงทุกที จนถึงต้องทำความรณรงค์การมีน้ำใจ น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การมีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อกัน สร้างคุณภาพของสังคมได้อย่างใหญ่หลวง อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องทางด้านเศรษฐกิจกันอย่างเดียว
หมู่บ้านของ บุน อี มีคุณตาเร่ขายเต้าหู้อยู่คนหนึ่ง   แกถีบรถจักรยานขายเต้าหู้ทุกวัน  ไม่ว่าฝนตก แดดจะออก  วันนั้นก็เหมือนกับทุก ๆ วัน  คุณตาเอากระบะที่มีเต้าหู้อยู่เต็ม ขึ้นท้ายจักรยาน    แล้วค่อย ๆ ถีบไปตามตรอกซอกซอย ซื้อเต้าหู้ไหมครับ เต้าหู้เสียงของคุณตาดังสั่นมา ตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้าน   จังหวะนั้นคุณตาเกิดเสียหลัก รถจักรยานตุปัดตุเป๋แล้วล้มลงในที่สุด กระบะเต้าหู้ที่อยู่ด้านหลังก็คว่ำตกลงมาด้วย
คุณป้าคนหนึ่งเข้าไปพยุงคุณตาให้ลุกขึ้นยืน  แต่คุณตากลับนั่งนิ่ง  มองเต้าหู้ที่เกลื่อนพื้น   น้ำตาเริ่มคลอหน่วย   คิดว่าวันนี้ต้องขาดทุนแน่ ๆ   คุณป้าช่วยเก็บเต้าหู้ที่เปื้อนดิน    คุณป้าคนนี้ยังเป็นลูกค้าขาประจำ วันนี้ก็เช่นกันแกออกมาเมื่อได้ยินเสียงของคุณตา เลยทันได้เห็นเหตุการณ์พอดี คุณตาทำท่าเสียใจแล้วพูดกับคุณป้าว่า ขอโทษด้วยน่ะ ทำยังไงดีล่ะวันนี้เห็นทีต้องไปซื้อเต้าหู้ที่อื่นแทนก่อนซ่ะแล้วแต่คุณป้ากลับหัวเราะร่วน แล้วบอกว่าตาเอาเต้าหู้ให้ฉัน 3 ก้อน แหมฉันกินเต้าหู้ของตามาตลอด แล้ววันนี้จะให้ไปซื้อที่อื่นได้ยังไง     แค่เปื้อนดินนิดหน่อย  ไม่เป็นไรหรอก

คุณตายกมือห้ามว่าไม่ทำอย่างนั้นหรอก   แต่คุณป้ากลับบอกว่าไม่มีปัญหา  แค่เอาตรงที่เปื้อนดินทิ้ง แล้วค่อยกินก็ได้  ที่สุดคุณป้าก็ขอซื้อเต้าหู้ไปจนได้   ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ยืนดูอยู่ก็เข้ามาขอซื้อเต้าหู้กันถ้วนหน้า   เย็นวันนั้นคุณตาไม่เหลือเต้าหู้ติดจักรยานสักก้อนเดียว คุณตากลับบ้านด้วยความรู้สึกว่าตัวเบากว่าทุก ๆ วันเราต้องแบ่งปันส่วนของเรา ให้แก่คนที่ลำบาก  ร่วมกันแบ่งปันความเจ็บปวดกับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก  น้ำใจเช่นนี้จะทำให้โลกของเราอบอุ่นน่าอยู่  โลกที่เราอาศัยอยู่จะงดงาม สดสวยด้วยคนเหล่านั้น (ที่มา : หนังสือ Vitamin story เขียน พาก ซอง ซอล, แปลโดย อันตน)

ไม่มีความคิดเห็น: