เมื่อมองไกลจากกระจกข้างรถ
ในขณะขับรถมาติดไฟแดงตรงแยกสุรศักดิ์
เพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสาทร
ภาพจอขนาดใหญ่ข้างตึกกำลังฉายโฆษณาชิ้นหนึ่งซึ่งผ่านหูผ่านตามาบ้าง
เป็นโฆษณาที่รถพยาบาลคันหนึ่งวิ่งมาแล้วไปไม่ได้ ในรถมีผู้ป่วยสาหัส เปิดไซเรนขอทาง
แต่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ แทบไม่มีที่ว่างเสียเลย ไม่มีที่ว่างเพราะต่างคนต่างมองว่าธุระไม่ใช่
แต่ในงานชิ้นนี้สรุปว่าหากเราช่วยกันเปิดทางด้วยการขยับขวานิดชิดซ้ายหน่อย
ก็จะพอมีทางว่างให้รถพยาบาลวิ่งได้แล้ว เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่รณรงค์เรื่องน้ำใจ
ซึ่งตบหน้าคนในเมืองหลวงได้อย่างดียิ่ง
เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่เห็นรถพยาบาลวิ่งตามหลังมาแต่ไม่คิดว่าจะช่วยไม่รู้ว่าหลบหลีกอย่างไร
ต่างคนต่างคิดว่าธุระไม่ใช่ คนอื่นไม่ทำ เราทำคนเดียวคนอื่นคันอื่นจะว่าจะด่าเอา
ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า...
เมื่อดูโฆษณานี้จบสายตาก็เหลือบมองไปที่กระจกด้านข้างรถ
ใช่หรือไม่ ส่วนใหญ่เรามองเพื่อที่จะให้รถเราปลอดภัย
มองกระจกหลังก็เพื่อจะให้ห่างจากรถคนอื่น กลัวคันอื่นจะชนจะชิดเกินไป เรามองออกไปแต่มองไม่พ้นตัวเองเลย
เราไม่ได้มองเห็นว่ามีใครกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่หรือเปล่า มีรถมาขอทาง มีช่องว่างให้รถมอเตอร์ไซค์ไปได้ไหมห่วงแต่ว่าจะมีรถคันไหนมาเฉี่ยวหูช้างรถเรา
น้ำใจในเมืองใหญ่หาน้อยหายากลงทุกที จนถึงต้องทำความรณรงค์การมีน้ำใจ
น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การมีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อกัน
สร้างคุณภาพของสังคมได้อย่างใหญ่หลวง อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องทางด้านเศรษฐกิจกันอย่างเดียว
หมู่บ้านของ บุน อี มีคุณตาเร่ขายเต้าหู้อยู่คนหนึ่ง แกถีบรถจักรยานขายเต้าหู้ทุกวัน ไม่ว่าฝนตก แดดจะออก วันนั้นก็เหมือนกับทุก ๆ วัน คุณตาเอากระบะที่มีเต้าหู้อยู่เต็ม
ขึ้นท้ายจักรยาน แล้วค่อย ๆ
ถีบไปตามตรอกซอกซอย “ซื้อเต้าหู้ไหมครับ เต้าหู้” เสียงของคุณตาดังสั่นมา
ตั้งแต่ปากทางเข้าหมู่บ้าน
จังหวะนั้นคุณตาเกิดเสียหลัก รถจักรยานตุปัดตุเป๋แล้วล้มลงในที่สุด
กระบะเต้าหู้ที่อยู่ด้านหลังก็คว่ำตกลงมาด้วย
คุณป้าคนหนึ่งเข้าไปพยุงคุณตาให้ลุกขึ้นยืน แต่คุณตากลับนั่งนิ่ง มองเต้าหู้ที่เกลื่อนพื้น น้ำตาเริ่มคลอหน่วย คิดว่าวันนี้ต้องขาดทุนแน่ ๆ คุณป้าช่วยเก็บเต้าหู้ที่เปื้อนดิน คุณป้าคนนี้ยังเป็นลูกค้าขาประจำ
วันนี้ก็เช่นกันแกออกมาเมื่อได้ยินเสียงของคุณตา เลยทันได้เห็นเหตุการณ์พอดี
คุณตาทำท่าเสียใจแล้วพูดกับคุณป้าว่า “ขอโทษด้วยน่ะ ทำยังไงดีล่ะวันนี้เห็นทีต้องไปซื้อเต้าหู้ที่อื่นแทนก่อนซ่ะแล้ว”
แต่คุณป้ากลับหัวเราะร่วน แล้วบอกว่า“ตาเอาเต้าหู้ให้ฉัน
3 ก้อน แหมฉันกินเต้าหู้ของตามาตลอด แล้ววันนี้จะให้ไปซื้อที่อื่นได้ยังไง แค่เปื้อนดินนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
คุณตายกมือห้ามว่าไม่ทำอย่างนั้นหรอก แต่คุณป้ากลับบอกว่าไม่มีปัญหา แค่เอาตรงที่เปื้อนดินทิ้ง
แล้วค่อยกินก็ได้
ที่สุดคุณป้าก็ขอซื้อเต้าหู้ไปจนได้
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ยืนดูอยู่ก็เข้ามาขอซื้อเต้าหู้กันถ้วนหน้า
เย็นวันนั้นคุณตาไม่เหลือเต้าหู้ติดจักรยานสักก้อนเดียว
คุณตากลับบ้านด้วยความรู้สึกว่าตัวเบากว่าทุก ๆ วันเราต้องแบ่งปันส่วนของเรา
ให้แก่คนที่ลำบาก
ร่วมกันแบ่งปันความเจ็บปวดกับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
น้ำใจเช่นนี้จะทำให้โลกของเราอบอุ่นน่าอยู่ โลกที่เราอาศัยอยู่จะงดงาม
สดสวยด้วยคนเหล่านั้น (ที่มา : หนังสือ Vitamin story เขียน พาก ซอง ซอล, แปลโดย อันตน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น