วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พลังหายไปไหน

พลังหายไปไหน
เกือบทั้งร้อยเกือบทุกคนที่มีกิจวัตรใหม่ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวนั่นคือก่อนเข้านอนก่อนล้มตัวลงนอนต้องเสียบชาร์จแบตเตอรี่มือถือเพื่อให้ตื่นเช้าขึ้นมามีพลังงานเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และในทุกเช้าเราลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับหยิบมันขึ้นมาดูว่าแบตเตอรี่พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วหรือไม่ หากวันไหนลืมเสียบหรือเสียบแล้วไฟไม่เข้า เช้านั้นจะเป็นอะไรที่หงุดหงิดมากบางคนยังไม่พอเท่านั้นในระหว่างวันระหว่างทางต้องมีแบตเตอรี่สำรองพาวเวอร์แบงค์บางเครื่องก็ใหญ่พอๆ กับสมาร์ทโฟนเลยทีเดียวใช่หรือไม่เราให้ความสำคัญกับเครื่องมือสื่อสารเครื่องมือแก้เหงาของเราอย่างยิ่งจนทำให้เราหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไปนั่นคือพลังชีวิตที่หดหายไป เราคิดที่จะชาร์จ ที่จะปลุกที่จะต่อเติมเพิ่มให้มีขึ้นในทุกเช้าวันใหม่หรือไม่
ภาพ : http://cms.toptenthailand.net/file/journal/20160602142212448/20160602142212448_thumb.jpg
ก่อนนอนเราชาร์จมือถือแต่...เรามักล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้าอ่อนเพลียอ่อนแอท้อแท้เหลือพลังน้อยเต็มทีเราก็ไม่เคยคิดจะชาร์จหรือจะทำอะไรเพื่อเพิ่มพลังในแต่ละวันเลย ปล่อยให้เลยตามเลยตื่นนอนขึ้นมาแทนที่จะมีพลังพร้อมที่จะออกไปสู่สังคมมีแต่ความเบื่อหน่ายและไร้ชีวิตชีวาเช้ามาลืมตาตื่นก็ไม่เคยสนใจว่าพลังของตัวเองพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่าในระหว่างวันได้ทำงานได้ปฏิบัติภารกิจเราใช้พลังหมดไปมากน้อยแค่ไหน หมดไปกับเรื่องอะไรที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อเราเองและผู้อื่นบ้างไหมมีการเตรียมพลังเสริมเหมือนการเตรียมพาวเวอร์แบงค์หรือไม่อย่างไร หรือ...เราไม่เคยสนใจเลยปล่อยให้พลังใจพลังกายหายไปกับสายลมมีชีวิตที่ล่องลอยไปวันๆ เพื่อฆ่าความฝันฝังความหวังให้เสร็จสิ้นหรือเพียงรอคอยให้มีใครสักคนเป็นคนมาชาร์จมาเป็นคนเพิ่มพลังมากระตุ้นให้ลุกยืนได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวอย่างนั่นหรือ.. เรากำลังตกอยู่ในภาวะที่ชีวิตไร้พลัง พลังเสื่อม พลังหายไปจากชีวิตหรือไม่
หากพิจารณาดูพลังชีวิตของเรามีอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน คือ พลังภายนอกและภายใน ทั้งสองนี้จะประสานสอดคล้องกัน ในวันที่เราหมดพลังกายก็จะเป็นวันที่จิตใจห่อเหี่ยว เป็นวันที่เครียด กังวล ในวันนั้นร่างกายก็อ่อนล้า ไม่สดชื่น จะทำการงานทำสิ่งใดดูจะไม่ราบรื่น วิธีการที่จะช่วยให้เพิ่มพลังที่หายไป ดึงความมีชีวิตชีวากลับมาแบบง่าย ๆ ได้ก็คือการปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางต้องเปลี่ยนจากข้างใน หยุดคิดถึงสิ่งที่ทำให้เครียด กังวล และยิ้มรับกับทุกสถานการณ์ในชีวิตให้ได้มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่สีหน้าท่าทางของเราดูเครียด ดูเศร้า ดูกังวล ถ้าข้างในของเราคิดถึงเรื่องที่มีความสุขและความทรงจำที่ดี
ภาพ : https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2015/09/S__9650178.jpg
การดูแลสุขภาพร่างกายของประทานชิ้นเอกจากพระเจ้า ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะและมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง ไม่ใช้ร่างกายทำงานจนเกินขีดจำกัด แต่ขณะเดียวกันเวลาที่จะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด ฝึกนิสัยที่จะทำอะไรก็ทำสุด ๆ จะทำงานก็เต็มที่ไม่กั๊ก จะเล่นก็เต็มที่ไม่กั๊ก จะเรียนก็เรียนเต็มที่ไม่กั๊ก จะพูดจะคุยก็พูดคุยเต็มที่ไม่กั๊กในเวลาที่ทำอะไรสุด ๆ เรากำลังได้ปลดปล่อยพลังในตัวเราออกมา ยิ่งปลดปล่อยพลังออกมาเท่าไหร่ พลังในตัวยิ่งถูกชาร์จให้มันมากยิ่งขึ้น แต่ไฟหรือพลังในตัวเราจะไม่มีทางออกมาได้เลย ถ้าเรา “กั๊ก” ถ้าลองสังเกตคนที่ดูมีชีวิตชีวา มีพลังในการทำทุก ๆ กิจกรรมสิ่งที่คนเหล่านี้ทำคือ “จะทำอะไรสุด ๆ ทำเต็มที่” ยิ่งถ้าให้ทำงานหรือทำกิจกรรมในเรื่องที่เรารักจะทำให้เรามีความสุขในขณะที่ทำและทำงานด้วยความทุ่มเทจะทำให้เรามีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เราทำพลังชีวิตเกิดขึ้นจากการที่เราทำอย่างจริงใจทำเต็มที่ไม่วอกแวก ไม่เหลียวหลังกังวลกับสิ่งที่ทำ
และส่วนที่สำคัญสุดคือพลังภายในที่เรามักจะมองข้ามผ่านไป พลังกายที่หายไปก็มาจากพลังใจเหือดแห้ง มีหลายหลากวิธีที่เราจะสร้างพลังใจให้กลับคืนมา เช่น การออกไปเที่ยวในสถานที่ธรรมชาติที่เราชื่นชอบและใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติจะทำให้เรามีพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้น การล่องเรือชมธรรมชาติการเดินป่า การดูนก การดูดอกไม้ที่สวยงาม การมาวัดฟังมิสซาในทุกวันอาทิตย์อย่างตั้งใจ มาสวดภาวนา มาสัมผัสกับความเงียบสงบบ้าง ก็จะทำให้เรามีพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้น การทำบุญและทำทานให้ให้แก่ผู้ขาดแคลน โดยหวังให้เขามีความสุขและพ้นทุกข์จะทำให้เรามีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ยิ่งเฉพาะในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมการช่วยเหลือคนพิการคนป่วยด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็จะทำให้เรามีพลังชีวิตเพิ่มมากขึ้น การชมเชยตนเองในสิ่งที่เราทำความดีในเรื่องต่าง ๆ และไม่ตำหนิตนเองในเรื่องที่เราทำดีที่สุดแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย นี่ก็เป็นการเรียกคืนพลังชีวิตให้กลับคืนมา การทำสิ่งดี ๆ เพื่อตอบแทนบุคคลผู้มีพระคุณต่อเราอย่างสม่ำเสมอ การเสียสละประโยชน์ตนเองเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เช่น การมีจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคมในเรื่องต่าง ๆการขอโทษผู้อื่นในสิ่งที่เราทำผิดพลาดและหาทางแก้ไขหรือกระทำบางอย่างเพื่อแสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาดที่เราทำไป ล้วนแต่จะทำให้เรามีพลังชีวิตที่สูงขึ้น มีอีกหลายวิธีที่เราจะทำให้พลังชีวิตที่หายไปกลับคืนมาได้

ในยุคที่เราให้ความสำคัญกับพลังงานเพื่อเครื่องไม้เครื่องมืออย่างที่สุด เราก็ต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับพลังชีวิตเรา ต้องรู้จักที่จะเติมพลังอยู่เสมอ เพราะทุกวันเวลาเราต้องก้าวหน้าต่อไป โดยไม่มีการหยุดย่ำอยู่กับที่ แล้ววันนี้เราได้ก้าวหน้ามาไกลมากน้อยเพียงใด การเป็นลูกของพระถูกปล่อยปละละเลย เฉยชา ไปมากน้อยแค่ไหน หากเรามีเวลาพักตรองสักหน่อย วัดระดับพลังชีวิตของเราดูว่ามีอยู่มากน้อยสักเพียงใด เพียงพอต่อการก้าวย่างในวันเวลาที่จะมาถึงหรือไม่ อย่าปล่อยให้อาการขาดแคลนพลังงานเข้ามาเกาะกุมวิถีชีวิตเรา เพราะชีวิตเรามีค่ามากกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งปวง พลังชีวิตเป็นสิ่งที่ยิ่งเติมยิ่งเพิ่ม ไม่มีวันเสื่อมถอย เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ปล่อยให้พลังนี้หายไปจากตัวเราบ่อย ๆ ช่วยกันชาร์จพลังชีวิตเพื่อเนรมิตโลกให้สวยงามกันต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น: