วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ในวันที่เกือบจะปล่อยมือ

ในวันที่เกือบจะปล่อยมือ
ใครที่ว่าเข้มแข็งที่สุด ย่อมต้องมีวันอ่อนแรงและอ่อนล้า ใครที่กล้าหาญชาญชัยที่สุด ย่อมมีวันที่ในใจเกิดหวาดหวั่นและสะทกสะท้านสะเทือน ใครที่ว่าแน่ เมื่อถึงจุดหนึ่งในวิกฤตของชีวิต ย่อมมีท้อแท้เป็นเรื่องธรรมดา ใครที่เคยเชื่อมั่นอย่างสุดซึ้ง ถึงวาระหนึ่งที่ความอ่อนแอเข้าครอบครองย่อมไขว้เขวและหมดความมั่นคงเอาง่ายๆ หนึ่งชีวิตบนหนทางมีความเจ็บป่วย มีความทุกข์ท้ออยู่รายรอบเพียงแต่ว่าจะเกิดขึ้นกับเรา ณ เวลาใด ในยามนั้นแหละทั้งร่างกายและจิตใจต่างอ่อนไหวอ่อนแอสอดรับกัน จนทำให้เกิดคำถาม ทำให้เกิดความสงสัยคลางแคลงใจและถูกชักจูงให้ปล่อยมือจากสิ่งที่เราเชื่อถือและศรัทธามาอย่างยาวนานได้ เพียงชั่วพริบตาที่ความทรมานเจ็บปวดเกือบจะมาพลัดพรากความรักของพระเจ้าไปจากเรา เหมือนคนกำลังจมน้ำเคว้งคว้างสับสน หมดเรี่ยวแรงที่จะยึดเหนี่ยวสิ่งใดๆ
ในสภาวะปกติเรามักจะบอกกล่าวเล่าขาน ให้คำแนะนำใครต่อใครที่ต้องการคำปรึกษา รักษาอาการที่ขาดความเชื่อ เราพูดได้อย่างคล่องปากให้ไว้ใจในพระ ให้ไว้วางใจในความดูแลของพระ แต่ในยามที่เราต้องประสบปัญหา มีความทุกข์ เผชิญกับความเจ็บป่วย เจอการสูญเสีย เรากลับไม่สามารถทำอย่างที่เคยให้คำแนะนำผู้อื่นไว้ได้ ซ้ำร้ายบางชั่วขณะ จิตใจล่องลอยเพื่อหาทางลัด เพื่อลดความทรมานจากทั้งหลายทั้งปวง


ในวันที่มือเกือบหลุดจากพระองค์ ทำให้รู้ว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา หาใช่เป็นของเรา เราไม่อยากป่วย แต่ร่างกายกลับเจ็บป่วย
ในวันที่มือเกือบจะปล่อยจากพระองค์ ทำให้ได้รู้ว่า ความรักของพระองค์มีมากล้นพ้นพรรณนา ที่ผ่านมายังมีคนที่ห่วงใยเราอย่างแท้จริง ยามที่ลืมตาตื่นแล้วเห็นคนเหล่านั้นอยู่รอบเตียง
ในวันที่มือนั้นไม่เคยปล่อยให้เราหลุดลอยไป ทำให้ได้รู้ว่า แม้ร่างกายที่แข็งแรงเพียงไหนหรือจิตใจที่เข้มแข็งเพียงใดก็ต้องการการเยียวยาเสมอ
ในวันที่มือนั้นไร้เรี่ยวแรงจะเหนี่ยวรั้งทำให้รู้ว่าผู้คนที่เจ็บป่วยเขาไม่เพียงอ่อนแอที่ร่างกายเท่านั้นแต่จิตใจเขาก็ต้องการคนดูแล ความเจ็บป่วยพัดโหมกระหน่ำดุจพายุ แต่การทุเลาเป็นเหมือนฟ้าที่ค่อยๆ สางจากเมฆมืดดำ ในวันนั้นทำให้รู้ว่า จิตใจที่เข้มแข็งอาจจะได้จากการใช้เวลาเยียวยาหรือสถานการณ์ดีๆ ช่วยรักษาต้องรู้จักป้องกันความอ่อนแอทางจิตใจ โดยอาศัยการสวดภาวนาเพื่อไม่ให้แพ้การผจญ

ในวันที่มือนั้นควานหาที่จับยึดทำให้ได้รู้ว่า แม้เราจะป้องกันความอ่อนแอทั้งจากร่างกายหรือจิตใจมากแค่ไหน อย่างไรเสียย่อมก็ต้องเจอความทุกข์อยู่ดีชีวิตย่อมมีทุกข์ความสุขเดี๋ยวก็มาสุขทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา มีมาเดี๋ยวมันก็ไป”… เพียงเข้าใจสุขทุกข์ พักพิงในพระเจ้าพักพิงในพระองค์ทุกอย่างก็จะดีเองขอบคุณวันเวลาที่ได้เรียนรู้รักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านทางคนที่ห่วงใย ผ่านทางคนที่เน้นย้ำว่าพระองค์ไม่มีวันทิ้งให้เราเดียวดาย มือนั้นช่างอบอุ่นและแข็งแกร่งยิ่งนักที่โอบประคองจนความเจ็บป่วยให้คลี่คลาย ไม่สายใช่ไหมที่จะขอโทษพระองค์ที่เกือบจะปล่อยมือจากพระองค์...

ไม่มีความคิดเห็น: