เหนือความคาดการณ์
เป็นวาระแห่งชีวิตอีกครั้งหนึ่งที่ตั้งไว้ว่าในรอบปีต้องหาเวลาพักผ่อนจากภารกิจและหลีกหนีความจำเจด้วยการท่องโลกกว้าง
ในครั้งนี้จึงตั้งจุดหมายปลายทางไว้ที่อังกฤษหลังจากคัดเลือกว่าจะไปไหนดี
ไปอย่างไร ไปกับบริษัททัวร์หรือไปเอง
เหมือนพระจัดสรรเมื่อน้องและเพื่อนที่อังกฤษติดต่อมา
และเสนอว่าให้ไปพักกับเขาและจะพาไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ
จึงตัดสินใจเดินทางกันเองเริ่มดำเนินการเรื่องเอกสารซึ่งมีความยุ่งยากและมีอุปสรรคพอสมควร เหนือสิ่งอื่นใดเรามั่นใจในพระเสมอว่าสิ่งใดที่พระโปรดให้เราทำ
ให้เราไป ย่อมเป็นไปตามนั้น
เมื่อเดินทางถึงอังกฤษทุกอย่างเกิดขึ้นเกินความคาดหวัง
สัปดาห์แรกเพื่อนที่อาศัยอยู่ทางเหนือของประเทศอังกฤษได้มารับเราไปเที่ยวด้วยกันโดยมีสามีผู้เปี่ยมด้วยความรู้และผู้ถ่อมตัวอย่างยิ่งพาเราไปในสถานที่หลายๆ
แห่ง และยังได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาให้เรารู้ จนกระทั่งในช่วงหลังๆ
จึงรู้ว่าเราโชคดีที่อยู่กับผู้ทรงความรู้จบปริญญา 3 ใบ ชำนาญด้วยประวัติศาสตร์
เป็นศิษย์เก่าของมหาลัยในเคมบริดจ์ สิ่งที่ได้รับนอกจากความรู้
ยังสัมผัสได้ถึงการรู้จักใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ รู้จักการพอเพียง
ในประเทศอังกฤษแม้ว่าจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่กฎหมายนั้นเข้มข้นอย่างมาก
ผู้คนจึงมีระบบมีระเบียบ ระบบภาษีที่เก็บในอัตราค่อนข้างสูง
เพื่อนำเงินไปพัฒนาประเทศและใช้สำหรับเลี้ยงดูยามเกษียณ ประชาธิปไตยจึงไม่ใช่เรื่องของอิสระที่จะทำอะไรก็ได้เพียงอย่างเดียว
ต้องอยู่ในกรอบกติกาให้ความเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย
แน่นอนสิ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับการท่องโลกทุกครั้งก็คือ
การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางศาสนา แม้ว่าจะคนละนิกาย
แต่รากเง้านั้นมาจากสิ่งเดียวกัน ที่นี่คือ นิกายอังกฤษ
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แองกลิกัน (Anglicanism) ถือกำเนิดในประเทศอังกฤษ
โดยมีสาเหตุมาจากการที่ พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8 แห่งอังกฤษ (Henry
VIII of England) ต้องการหย่าขาดจาก เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งอารากอน
พระมเหสีของพระองค์
ด้วยเหตุที่เจ้าหญิงไม่สามารถให้บุตรชายเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์ของพระองค์ได้
ในขณะนั้นพระองค์ยังนับถือนิกายโรมันคาทอลิกอยู่
ซึ่งการจะหย่าขาดจากเจ้าหญิงแคทเธอรีนก็ต้องได้รับอนุญาตจากพระสันตะปาปาเสียก่อน
แต่พระสันตะปาปาเคลเมนท์ ที่ 7 ไม่ทรงอนุญาต ในที่สุดปี ค.ศ.1533 พระองค์ก็ได้ตั้งนิกายอังกฤษ หรือแองกลิกัน
ขึ้นมาเป็นศาสนาประจำชาติแต่เพียงศาสนาเดียว
แม้ว่าคริสตจักรอังกฤษได้แยกตัวออกจากวาติกันอย่างเด็ดขาดแล้ว
แต่พิธีกรรมความเชื่อและการบริหารงานต่างๆ ก็ยังคงคล้ายกับโรมันคาทอลิกของเราท่านผู้รู้บอกว่าวัดต่างๆ
ในอังกฤษส่วนมากก็เป็นวัดคาทอลิกมาก่อน ในเมืองใหญ่ๆ ก็มักมีอาสนวิหารประจำเมือง
ที่มีลักษณะหอสูงเด่นและข้างในประดับด้วยกระจกสีเหมือนๆ กัน
ทุกที่ในอังกฤษเมื่อเราจะเข้าชมภายในต้องเสียค่าเข้าชมซึ่งค่อนข้างแพง
ซึ่งก็รวมทั้งวัดด้วย (ยกเว้นพิพิธภัณฑ์เข้าชมฟรี) ใช่หรือไม่
ในชีวิตคนเราบางทีก็มักมีสิ่งที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นเสมอ
และบางครั้งเราคาดหวังมากเกินไปก็มักไม่เป็นดังหวัง ฉะนั้นแล้วทุกอย่างหากมอบความไว้ใจในสิ่งที่เราเชื่อเราศรัทธา
อัศจรรย์ในชีวิตก็เกิดขึ้นได้ในทุกย่างก้าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น