แค่หยุดฟังบ้าง
ในครั้งหนึ่งเดินเข้าไปร้านตัดผม มีลูกค้ารอตัดผมอยู่หลายคน
ครั้นจะกลับบ้านมารอก็กลัวจะเสียเวลา เลยตัดสินใจนั่งรออยู่ในร้านนั้น อ่านหนังสือพิมพ์
แต่เอาเข้าจริงกลับอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะคนในร้านพูดคุยกันอย่างเมามัน
ที่สำคัญต่างฝ่ายต่างแย่งกันพูด ต่างฝ่ายต่างแย่งกันแสดงความคิดเห็น
ไม่นานก็โต้เตียงกันไปมา จวบจนคนที่อายุน้อยกว่าเป็นฝ่ายเงียบ
แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร?
เรื่องที่คุยกันไปมาก็เป็นเรื่องข่าวรายวันนั่นแหละ จริงๆ
สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขั้นในทุกที่ที่มีการสื่อสารกัน ในวงสนทนา ในโลกออนไลน์
ในที่ประชุม ไม่เว้นกระทั่งในครอบครัว
ที่แต่ละคนมักยึดโยงความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง
http://www.coachatwork.in.th/imgs/coach-talk19.jpg |
ในสังคมที่ดูเหมือนเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
มีความมั่นคงขึ้น มีหลายคนขยายบ้านหลังใหญ่มากขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งยังเกิดขึ้นเสมอๆ คือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของคนในบ้าน ยิ่งในสังคมที่ต่างคนต่างออกไปเป็นใหญ่ในหน้าที่การงาน
บางทีลืมตัวเข้าบ้านยังคิดว่าเป็นคนออกคำสั่งอยู่ ก็สั่งลูกหลานให้ทำนั่นนี่โน่น
ลืมใส่ความเมตตาอาทรในหัวใจของพ่อแม่ลงไป ทำให้บรรยากาศในบ้าน
ไม่น่าอยู่ไม่น่าอาศัย หัวใจของความเป็นพ่อเป็นแม่เท่านั้นจะทำให้บ้านน่าอยู่
หัวใจนี้ต้องเรียนรู้ที่จะฟังและเข้าไปนั่งอยู่กลางใจสมาชิกในครอบครัว
นายหลี่..เป็นเจ้านายบริษัทฯส่งออกพืชผล
ภายในโรงงานมีพนักงานห้า-หกร้อยคน เนื่องจากตนเองได้ทุ่มเทให้กับงานสุดตัวด้วย ดังนั้น
ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ หรือการจัดการ ล้วนมีประสิทธิผลที่น่าพึงพอใจ
เหมือนดั่งแม่ทัพที่นำไพร่พลเป็นพันเป็นหมื่น
ทว่า..กับลูกชายของตนเองแล้ว
กับอับจนปัญญา ช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกเปรียบเหมือนดั่งช่องแคบทางทะเล
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ทุกครั้งที่ปะหน้ากัน
คุยกันไม่ถึงสามประโยค ก็จะตบโต๊ะกระแทกประตู หมูหมากาไก่ในบ้านล้วนต้องหลบหลีกหนีภัย
วันนี้..เป็นอีกวันหนึ่ง
ที่ทั้งสองพ่อลูกโต้เถียงกัน เพราะลูกชายกลับมาบ้านดึกดื่น
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดเผ็ดมันลูกชายกลับหุบปากกะทันหัน
จากนั้น พูดทีละคำๆ ออกมาว่า
“คุณพ่อ เราทะเลาะกันต่อไปเรื่อยๆ
ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหา ผมใคร่ขอร้องให้คุณพ่อทวน
คำพูดสองประโยคที่ผมได้พูดไปเมื่อครู่ คุณพ่อพูดให้ผมฟังอีกครั้ง ได้หรือไม่”
“อา.......” นายหลี่ตกตะลึงไปทันที
คาดคิดไม่ถึง ลูกชายอยู่ๆ ก็มาไม้นี้ “ลูกพูดว่า...ลูกพูดว่า...ผู้เป็นพ่อมีความสามารถเก่งกาจเกินไป
ย่อมดูหมิ่นดูแคลนลูกชาย”
“ไม่ถูก คุณพ่อลองคิดดูใหม่
ลูกพูดว่าอะไร ?”
“ลูกเลอะเลือนแล้วลูกพูดว่าอะไรล่ะ
คำพูดที่พูดเอง แล้วทำไมถึงไม่พูดเองอีกครั้งล่ะ ?”
ลูกชายหัวเราะเสียงดังทันที “ดูซิ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกพูดอะไร คุณพ่อล้วนไม่ได้ฟังเลย คำพูดเหล่านั้น เป็นคุณพ่อที่คิดเอาเอง
ผมไม่ได้พูดเช่นนั้นเลย พวกเราต้องการสื่อสารไม่ใช่หรือ เมื่อถึงเวลาที่คุณพ่อพูด
ผมก็จะทวนคำพูดของคุณพ่อ”
“เฮ้ย...ใครจะมีเวลามากมายเช่นนั้น
เพื่อมาทวนไปทวนมา ลูกคิดจะทำให้พ่อโมโหอกแตกตายจริงๆ เหรอ ?”
“คุณพ่อ..พวกเราก็มาทดลองกันเถอะ
มิเช่นนั้น การทะเลาะโต้เถียงกัน ก็จะไม่มีวันจบสิ้น ลองนึกคิดดูว่า แท้จริงแล้ว
ลูกพูดอะไรไปบ้าง ?”
นายหลี่..นึกคิดสักครู่
สุดท้ายก็ยอมรับว่า “พ่อนึกไม่ออกจริงๆ ลูกพูดอีกครั้งก็แล้วกัน”
“ก็ได้..ผมพูดว่า
คุณพ่อมีความสามารถเก่งกาจ ด้านหนึ่งลูกเคารพนับถือ อีกด้านหนึ่ง ลูกกลัวว่าไม่สามารถทำได้เท่าเทียมอย่างคุณพ่อ
ภายในจิตใจย่อมต้องมีแรงกดดันบ้าง”
นายหลี่..สงบจิตสงบใจ แล้วคิดทบทวน
จึงพบว่า สิ่งที่ลูกพูดสมเหตุสมผล ทำไมตนเองถึงได้มีอารมณ์พลุกพล่านเช่นนี้
สุดท้าย ในคืนวันนั้น พวกเขาสองพ่อลูกพูดคุยกันถึงสองชั่วโมง โดยไม่ทะเลาะกัน
ผลลัพธ์เช่นนี้ อยู่นอกเหนือความคาดหมายของนายหลี่อย่างยิ่ง
หลังจากตื่นนอน
ถึงแม้นเวลาที่นอนหลับไม่เพียงพอ ทว่า นายหลี่กลับมีชีวิตชีวา รู้สึกสดชื่น ไปถึงบริษัทแต่เช้า
เพราะว่าเช้านี้ ต้องประชุมการจัดซื้อที่สำคัญยิ่งสิ่งที่พูดคุยสนทนาในที่ประชุม
ก็คือการจัดซื้อเครื่องจักรในอนาคต ที่มีมูลค่าร่วมสิบล้าน เพื่อให้ได้ผลสรุปว่า
จะซื้อเครื่องจักรจากประเทศอะไรดีในที่ประชุม นายหลี่ให้วิศวกรอาวุโส
เสนอความคิดเห็น นี่เป็นมารยาทเพียงผิวเผินอย่างหนึ่ง วิศวกรอาวุโสก็รู้ดีว่าเจ้านายต้องการซื้อแบบไหน
ดังนั้น เขาจึงไร้ชีวิตชีวา พูดไม่ถึงห้านาที
ก็หมดความคิดเห็นแล้วหากเป็นในยามปกติเหมือนอดีตที่ผ่านๆมา
นายหลี่มักจะร่ายรำแต่เพียงผู้เดียว เสพความภาคภูมิใจในอำนาจของตนเอง แต่ทว่า
วันนี้
https://blog.eduzones.com/images/blog//20140513-1399956457.35-2.jpg |
“ท่านวิศวกรอาวุโสผมมาทบทวนความคิดเห็นจุดที่สำคัญของคุณ
คุณดูซิว่า สิ่งที่ผมพูด ความหมายตรงกันกับของคุณหรือไม่
เครื่องจักรที่ผลิตในญี่ปุ่น ราคาถึงแม้จะถูกกว่า คุณภาพก็ไม่เลวทว่าหากอนาคต
เกิดปัญหาขัดข้อง ต้องการให้พวกเขามาบริการหลังการขาย ปัญหาก็จะเกิดขึ้นตามมา
คนของพวกเขาไม่สามารถสื่อสารโดยตรงกับเรา เพราะปัญหาด้านภาษาหาล่ามที่มาแปล
ก็เป็นผู้ที่ไม่มีความรู้
เกี่ยวกับเครื่องจักรที่ละเอียดอ่อนเครื่องจักรเสียจุดไหน
พวกเราไม่สามารถเข้าใจจนกระจ่างได้ หากครั้งต่อไปเกิดปัญหาเช่นเดียวกัน
ก็ยังคงต้องเชิญคนของพวกเขามาอีกทั้งยังไม่แน่ อาจจะกระทบถึงเวลาในการผลิต
หากขบคิดโดยละเอียดรอบคอบแล้ว ซื้อสินค้าของอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
กลับถูกกว่า” จากการพูดซ้ำให้แจ่มแจ้งของเจ้านายหลี่ ดวงตาของวิศวกรอาวุโส
ค่อยๆลุกวาวเป็นประกาย เขารวบรวมสติทั้งหมด พูดถึงความคิดเห็นของเขาอีกครั้งCr.NiwatRungvicha
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น