วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ฤ ว่าเวลานั้นจะมาถึง

ฤ ว่าเวลานั้นจะมาถึง
ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเดินทางมุ่งไปร่วมงานศพของผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่จากไปในวัยชรา ท่ามกลางแดดที่แผดร้อน ก็มิอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการมาร่วมส่งวิญญาณของท่านเลย ในสุสานแม้จะมีความเศร้า แต่มิได้เห็นน้ำตาของลูกหลาน  ญาติมิตรสหาย เหตุเพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเวลาอันสมควรของการพักผ่อนอันนิรันดร์ของหญิงผู้ผ่านความยากลำบากมามาก ความลำบากจากการเลี้ยงดูครอบครัว ความบากบั่นในการสร้างพื้นฐานปลูกฝังลูก ๆ ให้ดำรงอยู่ในวิถีทางแห่งความดี นี่ใช่หรือไม่ คือผลของการดำเนินชีวิตอยู่ในครรลองตามแบบคริสตชนที่แท้จริง ที่ไม่ได้แสวงหาความร่ำรวยฝ่ายโลก แต่มุ่งสร้างความดีให้มีปรากฏทั้งในชีวิตตัวเอง และในชีวิตของลูกหลานสืบต่อมา ในบรรดาผู้คนที่มาร่วมงานนั้น มากมายหลายคนไม่รู้จักผู้หญิงชราท่านนี้เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักผ่านทางลูก ๆ ผู้ที่ได้นำความดีของผู้เป็นแม่ไปเผยแผ่ให้แก่ผู้ผ่านเข้ามาในชีวิตได้รับรู้ ได้รับความรักเมตตา ความมีน้ำใจดี ความงดงามในนามของความเป็นแม่ผู้ประเสริฐจึงปรากฏต่อทุกคนที่ผ่านพบ

แหงนหน้ามองท้องฟ้า ณ เวลานั้น กางเขนบนยอดวัด บนยอดศาลาที่ทำพิธีส่งร่างลงหลุม บ่งบอกเราว่ามีความรักของพระเจ้าอยู่กับเราเสมอ ใช่...ความรักของพระเจ้าส่งผ่านมายังบุคคลหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เราต่างก็เป็นท่อธารนำความดีไปสู่กันและกัน แต่ว่าวันนี้ เวลานี้ ท่อธารของเรากำลังอุดตันอยู่หรือไม่ เรายังมีความรักของพระเจ้าอยู่ในหัวใจเราในทุกห้วงเวลาหรือเปล่า ในชีวิตที่คิดแต่เรื่องของตัวเองจนลืมว่า แท้จริงชีวิตเรานั้นต้องมีเวลาเพื่อผู้อื่นบ้าง  ถึงแม้ว่าเราต้องการสร้างชื่อเสียง สร้างบารมีให้คนนับถือ สุดท้าย ณ เวลานั้นมาถึง จะมีคนสักกี่คนที่มาร่วมอาลัยรักถึงเรา แม้เขาจะไม่เคยพบปะเรา คิดแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรไม่รู้...

ในระหว่างทางกลับ ต้องแวะทำธุระ ในที่ที่ไปถึง แม้จะอยู่กลางเมืองที่เจริญ ด้านนอกรถราติดเป็นแถวเหยียดยาว แต่พอไปถึงที่นัดพบ กลับพบเจอความร่มรื่นของแมกไม้ใหญ่ที่ยืนต้นให้ร่มเงา นั่งเล่นสักพักก็เห็นรังนกที่อยู่บนกิ่งไม้หลายรัง ทำให้คิดถึงคำว่า “นกน้อยทำรังแต่พอตัว” ขึ้นมา นกไม่เคยทำรังไว้ขายต่อกัน นกไม่เคยสะสมรังไว้ เพื่อแวะไปพักที่นั่นที่นี่ นกไม่เคยแย่งชิงรังกัน ไม่เคยมีสงครามแก่งแย่งอาณาเขต นกมีรังเพื่อคลอด และเลี้ยงดูแลลูกน้อยให้เติบกล้า พอปีกแข็งโบยบินได้ รังนั้นก็ไม่มีความหมายถูกสลายไปตามลม ตามธรรมชาติ บนความธรรมดาของวิถีชีวิตนก
ชีวิตคนไม่ใช่ชีวิตนก คนต้องกินต้องใช้ ต้องหาต้องดิ้นรน แล้วก็เกิดการแย่งชิง สร้างอาณาเขต อาณาจักรเข้าครอบครอง เรากำลังหลงทางกันหรือเปล่า...มีเพื่อให้ได้ใช้ หาใช่การมีเพื่อกอบโกยเก็บเกี่ยว หาได้เพื่อแบ่งปัน หาใช่หามาเพื่อแข่งขัน ในยุคที่ผ่านมาหลายสิบปี ในภาวะของความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจโลก มายาคติที่สอนสั่งปลูกฝังลงในหัวคิดของผู้คนคือการบริโภค การมีทรัพย์สินให้มาก เพื่อให้ได้มาต้องรู้จักที่จะนำเงินทองในอนาคตมาใช้เพื่อต่อยอดก่อน สร้างความเชื่อมั่น สร้างความใหญ่โตของธุรกิจ เดินหน้าต่อไปในหนี้สินที่เพิ่มทวี
ในระดับมหาภาค ประเทศใหญ่ ๆ ต่างก็แข่งขันกันสร้างความมั่งคั่งมั่นคง อัดฉีดเม็ดเงิน พิมพ์ธนบัตร เพิ่มยอดรายได้ของประเทศด้วยผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี แล้วก็ละเลยการสร้างคุณภาพของคน มีแต่ส่งเสริมค่านิยมให้ใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย ใช้เงินทำงาน ความชำนาญในวิชาชีพคือเรื่องรอง นับถือคนที่การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มากกว่าคนที่มีเมตตา จิตสาธารณะเป็นเพียงสิ่งที่บังคับให้ปฏิบัติ เพื่อเขียนรายงาน และแล้วเมื่อสิ่งหนึ่งเดินเข้ามาในกระแสโลก นั่นคือภาวะความฝืดเคืองของการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เงินที่หว่านลงไปให้ผู้คนใช้กันแบบสนุกมือ ได้ก่อหนี้สินเป็นดินพอกหางช้าง ใหญ่ขึ้น ๆ จนหาทางแก้ไขลำบาก บวกกับความละโมบโลภมากของการครอบครอง ต่างคนต่างจับจ้องกองเงินกองทองที่มีแต่ตัวเลขลอย ๆ เมื่อความจริงปรากฏนั่นมันของปลอมนี่ ทุกคนจึงตกในภาวะไปไม่เป็น ฤ เวลานั้นจะมาถึง เวลาที่ทุกคนไม่เหลืออะไรเลย ต้องกลับไปหาวิธีสร้างรังแต่พอตัว
ยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศจีนประกาศลดค่าเงินหยวนหลายระลอก ค่าเงินลดลง คนที่มีมากย่อมได้รับผลกระทบกว่าผู้อื่น จะว่าไปแล้วก่อนที่ประเทศจีนจะลดค่าเงินของตัวเอง ในหลาย ๆ ประเทศก็เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจมาแล้ว หลายคนหอบเงินหนีมาลงทุนในประเทศจีน หวังว่านี่จะเป็นโอกาสสร้างความร่ำรวย แต่ทุกอย่างไม่เป็นดังหวังดังคาดเสมอ จะเอาอะไรกับระบบทุนเสรี ที่สามารถโจมตีค่าเงินกันได้ กลายเป็นสงครามย่อย ๆ ชนิดใหม่ที่เข้าห้ำหั่นกัน ใครเล่าเดือดร้อน ใครเล่าต้องเจ็บปวด คนโลภมากย่อมเจ็บช้ำชอกมากกว่าคนอื่น คนมีเยอะย่อมทำใจลำบากกว่าคนที่มีเพียงพอต่อการดำรงชีวิต คนที่คิดว่ามือตัวเองยาวกว่าคนอื่นสาวได้สาวเอา ย่อมหาความสุขสู้คนที่มีใจที่สะอาดและใจกว้างใจเมตตาไม่ได้

ในวันนี้ วันที่ระบบของเศรษฐกิจโลกเริ่มเอนโอนจนจะทำให้โลกเกิดวิกฤติครั้งใหม่ครั้งใหญ่เช่นนี้ เราคิดว่ามีสิ่งใดเล่าจะช่วยบรรเทาลงได้บ้าง วันนี้เราเป็นทุกข์ไปกับเศรษฐกิจขาลงมากน้อยแค่นั้น เราผูกติดชีวิตกับการหาเงินทองมากไปหรือเปล่า หรือรู้สึกว่า เราไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรมากนัก เราไม่ได้ตกอยู่ในภาวะเป็นหนี้เป็นสินใคร มีชีวิตที่อยู่ได้อย่างมีความสุขเท่าที่เป็นอยู่ มีความสุขที่เห็นคนรักคนในครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใส นี่แหละคือสิ่งชี้วัดความสุขในวันเวลานั้นที่กำลังจะมาถึง 
(ข้อคิดจากการไปร่วมพิธีปลงศพ โรซา ประสาน ตรีมรรคา มารดาของคุณพ่อ กุลบุตร และคุณพ่อเกรียงชัย ตรีมรรคา ณ วัดมารีย์สมภพ บ้านแพน)

ไม่มีความคิดเห็น: