กาง กั้น กรอง
ยามบ่ายแสงแดดแรงเหลือหลาย
จากความห่างหายไม่ได้พบเจอกับเพื่อนคนเคยคุย พอได้มีเวลาพบปะกันโดยบังเอิญ
จึงถือโอกาสสนทนาพาทีในเรื่องต่าง ๆ ที่ต่างก็มีวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง ณ
มุมห้องในตึกแห่งหนึ่ง ที่มีกระจกกั้นแสงที่สาดส่องผ่านมา แต่ก็ยังมิอาจจะต้านความร้อนแรงของแสงนั้นได้
มู่ลี่จึงถูกกางออกกั้นเพื่อกรองแสงนั้นอีกชั้นหนึ่ง ถึงแม้แสงที่แรงสุดที่สายตาจะต้านทานได้
ครั้นเมื่อมันส่องลงมากระทบใบอ่อนของไม้นานาพันธุ์
หักมุมกระทบถูกที่ถูกจังหวะความสวยงามก็บังเกิดขึ้น ใช่หรือไม่ ในความร้อนแรง ในแสงจ้า
ยังมีสิ่งน่ามองน่าชม แล้วในชีวิตที่ดำเนินยามปกติเล่า ย่อมมีสิ่งสวยงามในนามของคุณค่าแห่งพระพรดำรงอยู่เสมอ
เพียงแต่ในบางกาละที่เราต้องรู้จัก “กางใจ” “สกัดกั้น” บาปและกิเลส “กรอง” ด้วยมโนสำนึก
เท่านี้ชีวิตเราย่อมเดินทางต่อไปท่ามกลางความงดงาม
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น
ๆ ในการสนทนา สิ่งแวดล้อมในห้วงเวลานั้นมันกลับมาฉายให้เห็นเด่นชัดขึ้น
ในช่วงค่ำคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา
กับความเศร้าอย่างสุดที่จะบรรยายได้ในเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์
ท่ามกลางความงวยงง ท่ามกลางความสับสน ของข่าวสารที่มีในช่วงขณะนั้น
สิ่งที่ทำได้ในขณะนั้นคือการสวดวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองบ้านเมืองเรา
อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นมากไปกว่านี้เลย ภาพแสงที่ลอดผ่านมู่ลี่นั้นบอกให้เราต้องตระหนักจะได้ไม่ตระหนกจนเกินไป
และยังสอนให้เรามองเหตุการณ์ด้วยหัวใจแห่งรักและเมตตา..
มนุษย์เรามักใช้ความโง่เขลานำทางได้เสมอ
ๆ สงคราม การเข่นฆ่า ยังคงอยู่คู่โลก ตราบเท่าที่ใจของคนเรายังเต็มล้นระคนไปด้วยเพลิงแห่งริษยาอาฆาตแค้น...ระเบิดสนั่นกลางกรุงเทพฯ
ชีวิตผู้คนดับสลายกลางสี่แยก แสงเพลิงพวยพุ่งด้วยแรงอัดแห่งความเบาปัญญา
ที่มองเห็นชีวิตผู้คนเป็นเพียงเครื่องมือสนองอุดมการณ์ที่ครอบงำนำชีวิตให้วนเวียนอยู่ในโลกสมมุติของตัวเองเท่านั้น
ไม่นำพาต่อความเจ็บปวดและทุกข์สาหัสของเพื่อนมนุษย์มองไม่เห็นดวงตาที่ฉ่ำอาบนองไปด้วยน้ำใส
ๆ ที่ไหลพราก ยามคนอันเป็นที่รักต้องพลัดพรากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวดร้าวของผู้คน เพียงให้ตนได้ชัยก็เพียงพอ
เป็นความโง่เขลาที่กางออกมาโดยไม่ต้องผ่านการกรอง โดยไม่มีเมตตามากั้นกลาง
เหตุใดคนเราใจร้ายทำได้ขนาดนี้???สงครามไม่มีวันจบสิ้นตราบเท่าที่ความโง่เขลาเบาปัญญายังคงอยู่คู่มนุษย์
เพียงแต่มันเปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น
แต่สำหรับเราทั้งหลาย
ความเศร้าจากเหตุการณ์อันใกล้ตัวเราในครั้งนี้ ที่มิอาจจะอดกลั้นน้ำตาไว้ได้
ยิ่งทำให้หัวใจเรามีสำนึกร่วมกันมากขึ้นในการที่จะช่วยกันปกป้องชีวิตของคนในสังคม
ทำให้เราร่วมมือร่วมใจกันในการสร้างสันติสุขด้วยเมตตาอาทรต่อกัน
ความสุขสันติที่เคยมีต้องมีต่อไป
อย่าให้ความโง่เขลาเบาปัญญาของคนไม่กี่คนมาขวางกั้น ต้องร่วมกันรักษาให้อยู่คู่กับสังคมไทยเราตลอดไป
ในโลกยุคแห่งความรวดเร็วของการติดต่อหากัน
คนบางคนบางกลุ่มที่ไร้เมตตาใช้เป็นเครื่องมือปล่อยข่าว สร้างความหวาดกลัว สร้างรอยช้ำซ้ำเติมความทุกข์ให้เกิดขึ้น
อาศัยความอ่อนด้อยคล้อยตามของเราผู้เสพติดสื่อสมัยใหม่ ที่ยังขาดความระมัดระวัง ขาดความตระหนักรู้
ขาดวิจารณญาณ ย่อมตกเป็นเหยื่อของสงครามสมัยใหม่ได้ง่าย
สิ่งที่จะช่วยให้เราไม่หลงกลลวงนี้ได้ เราต้องสร้างความฉลาด เฉลียว ต้องรอบครอบ
ต้องรู้จักนิ่ง ต้องตระหนักให้ได้ว่าเราคือผู้รับสื่อ
อย่าคิดทำตัวเป็นผู้สื่อข่าวเพื่อแผ่กระจาย ต้องกรองข้อมูลให้ดีก่อน
และจึงพูดออกไป ไม่เช่นนั้นแรงกระเพื่อมจะถูกส่งออกไป
เหมือนแสงที่สาดส่องออกมาโดยมิได้มีอะไรออกมากางกั้น
รังแต่จะกลายเป็นสิ่งที่ทวีความร้ายเข้าทำลายความงามของสังคมลงไปอย่างไม่รู้ตัว
ในโลกออนไลน์เราควรแบ่งปันความงามให้กันในยามที่ภัยสาธารณะมาเยือน เฉกเช่นที่สำนักข่าวเยอรมันได้นำเสนอ
“Nation TV เขารายงานว่า สำนักข่าวเยอรมัน
มีมุมมองที่แปลกไปคือเอ่ยถึงความมีน้ำใจของคนไทยว่า
ทันทีหลังเกิดระเบิดยังมีควันคลุ้งอยู่ ก็มีคนไทยแถวนั้นวิ่งไปช่วยคนเจ็บทันที ยังมีอีก
แม้ว่าสภากาชาดไทยจะประกาศว่ามีเลือดเพียงพอก็ยังมีคนแห่ไปบริจาคเลือด นอกจากนี้
หลังทีวีประกาศหาล่ามจีนเพื่อสื่อสารกับผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีนก็มีผู้อาสามาช่วย
จนเกินต้องการ!อีกเรื่องคือ วินมอเตอร์ไซค์แถวสี่แยกราชประสงค์ช่วงที่มีเรื่อง
ก็รับส่งผู้โดยสารฟรี”(จาก FaceBook : Kritsada Wiset)
ในวันนี้วันที่เราร่วมกันมาฉลอง
“ท่านนักบุญหลุยส์ผู้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่” ไม่ได้ยิ่งใหญ่เพราะการได้ชัยชนะเหนือคนอื่น
ท่านนักบุญยิ่งใหญ่เพราะชัยชนะในหัวใจของผู้คนมากกว่า
ท่านนักบุญทำสงครามไม่ใช่เพื่อเพิ่มความขัดแย้ง
แต่ท่านกลับเข้าสู่สงครามเพื่อลดความขัดแย้ง ท่านนักบุญหลุยส์กางแขนออกมิใช่เพื่อกวักแกว่งดาบ
แต่กางแขนออกเพื่อโอบกอดทุกคนแม้กระทั่งฝ่ายตรงข้าม
ท่านนักบุญกั้นความโหดร้ายด้วยความรัก ท่านไม่ใช้สงครามเพื่อ “รบ” แต่เพื่อ “รัก”
ต่างหากท่านนักบุญหลุยส์ใช้ความเมตตาเพื่อกรองความแค้นของผู้คนที่ถูกสวมใส่ให้เชื่อในอุดมการณ์
ในอุดมคติ ที่เต็มไปด้วยอคติ และไร้ค่าไร้ศรัทธา ท่านผ่านสนามรบด้วยหัวใจแห่งรักและเมตตา
ความสันติสุขจากตัวท่านไหลผ่านไปยังผู้คนมากมายกลายเป็นบรรทัดฐานของสันติภาพของโลกนี้
เราควรนำบทเรียนจากชีวิตของท่านไปใช้ในชีวิตของเรา
เพื่อว่าในวันหนึ่งที่เราตกอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้ง
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมเล็ก ๆ ในบ้าน ในที่ทำงาน
เราจะได้เป็นผู้ที่ช่วยลดความขัดแย้งนั้นลง ด้วยการกางแขนให้อภัย มีเมตตา
กั้นแรงโทสะโมหะด้วยความเห็นอกเห็นใจเข้าใจผู้อื่น
เพื่อกรองจิตวิญาณของเราให้ใช้ความรักนำทางเสมอ เราจะได้เป็นผู้ที่มีหัวใจของนักรบคุณธรรมคนหนึ่งของสังคมวันนี้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น