วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บ้านนี้สถานีแห่งรัก

บ้านนี้สถานีแห่งรัก
(บทที่ต้องร่วมกันเขียน)
จากข่าวร้ายรายวันหญิงสาวถูกฆ่าข่มขืนบนรถไฟที่กลายเป็นประเด็นยังไม่ทันจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ของการเรียกร้องให้เพิ่มโทษคนทำผิด ก็มีข่าวรักๆเลิกๆ ของดาราคนนั้นคนนี้ ในช่วงนี้ จึงมีแต่เจนนี่ เจนนี่ และเจนนี่ เต็มหน้าทั้งสื่อทั่วไป และสื่อออนไลน์จนรก ล้น ลุกลามเข้ามาอยู่ในสื่อส่วนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ในวันนี้เรามีสื่อให้เลือกใช้เยอะ จนแยกแยะกันไม่ออก อะไรจริงอะไรเท็จ คนทำสื่อก็ต้องแข่งขันกันเพื่อให้เกิดความสดความเร็ว ทันใจโดยขาดความใส่ใจอย่างมาก เราจึงได้รับแต่เรื่องกากๆเกรียนๆกันอยู่มิใช่น้อย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ยิ่งเมื่อเรากำลังก้าวสู่โลกดิจิทัล ทุกอย่างต้องดิจิทัล ในวงการโทรทัศน์เราก็กำลังจะมีทีวีดิจิทัล (Digital TV) ซึ่งก็เป็นกระแสที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมกันอยู่ในช่วงนี้ ในเรื่องของการแจกคูปองเพื่อซื้อกล่อง Set Top Box ซึ่งทุกบ้านจะได้รับคูปองในมูลค่า 690 บาท เพื่อนำไปแลกซื้อ วงการทีวีในบ้านเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งคำถามที่ตามมาก็คือ แล้วเจ้าทีวีดิจิทัลคืออะไร? ทำไมจึงต้องเปลี่ยน?
ระบบทีวีที่เราใช้กันอยู่ตั้งแต่แรกนั้น เรียกว่าทีวีอนาล็อก (Analog) เป็นการนำเอาสัญญาณภาพมาผสมกับสัญญาณวิทยุ ใช้สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นตัวส่งสัญญาณ ซึ่งตามบ้านก็จะใช้เสาอากาศรับสัญญาณที่เรียกกันว่า “เสาก้างปลา” หรือ “เสาหนวดกุ้ง” นั่นเอง
ต่อมา  มีความก้าวหน้าของโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เป็น Digital Satellite Broadcastingในระดับ Standard Definition มีจำนวนช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมมากกว่า 250-300 ช่อง มากกว่าทุกประเทศในอาเซียน
จนกระทั่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการส่งคลื่นทีวีแบบดิจิทัลที่ให้สัญญาณภาพและเสียง ที่มีคุณภาพดีกว่าแบบอนาล็อก และใช้คลื่นความถี่ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยดิจิทัลทีวี จะใช้สัญญาณดิจิทัลที่ถูกบีบอัดและเข้ารหัสที่มีค่าเป็น “0”กับ “1”เท่านั้น ซึ่งในหนึ่งช่วงคลื่นความถี่จะสามารถนำมาส่งได้หลายๆรายการโทรทัศน์ พร้อมสัญญาณภาพและเสียงที่มีความละเอียดคมชัดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีช่องฟรีทีวีที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็น 48 ช่อง แบ่งเป็น 24 ช่องบริการในกลุ่มธุรกิจ 12 ช่องบริการสาธารณะ และ 12 ช่องกิจการบริการชุมชน ซึ่งเพิ่มการแข่งขันในวงการโทรทัศน์ได้มากเลยทีเดียว
สรุปแล้ววันนี้เรามีสื่อทีวีอย่างน้อยๆ 300 กว่าช่อง ให้เลือกรับชม แต่เอาเข้าจริงวันหนึ่งเราดูทีวีกี่ช่องกัน 2-3 ช่องเท่านั้น บางช่องเนื้อหาก็เต็มไปด้วยขยะทัศน์เสียมากมาย ช่องที่เกิดใหม่ๆการที่จะให้มีผู้ชมติดตามมากขึ้นได้นั้น เนื้อหาจะต้องเข้าถึงผู้ชม ต้องตอบสนองความต้องการให้ได้ แต่ส่วนใหญ่เรามักเห็นแต่การเสริมอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าและนำมาทำรายการคุยกัน นัดคนนั้นคนนี้มาสนทนา มาวิพากษ์วิจารณ์ รายการที่ดีๆหายากเต็มทีบนทีวีเยอะช่องแบบทุกวันนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบนช่องดิจิทัลใหม่ๆ คือ การซื้อหนังเกาหลีมาออกอากาศ จนคิดว่านี่มันช่องของไทยหรือช่องต่างประเทศกันแน่ เนื้อหาในรายการทีวียังน้อยหรือเป็นเพราะสังคมไทยไม่เน้นเนื้อหา เน้นแต่เปลือก เน้นแต่รูปแบบ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ในยุคสังคมไทยภายใต้อ้อมกอดที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัลเช่นนี้ แล้วสภาพชีวิตครอบครัวของเราเป็นเช่นไร“บ้าน”ของเราล่ะเป็นอย่างไร บ้านที่เรามุ่งสร้าง มุ่งซื้อให้มีขนาดใหญ่ ตบแต่งทำให้สวยงาม ทำให้น่าอยู่ แต่คนในบ้านอยู่แล้วอบอุ่นหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนในบ้านต้องช่วยสร้างช่วยทำ อย่าปล่อยให้บ้านเป็นสถานีที่เพียงพักแล้วผ่านไปที่อื่น แต่บ้านต้องเป็นสถานีเป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึงทุกๆวัน บ้านต้องเป็นสถานีที่ถ่ายทอดความรักความเข้าใจ เป็นสถานีที่ถ่ายทอดเนื้อหาของความเชื่อความศรัทธาให้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และบ้านต้องเป็นสถานีที่มีการพูดคุยกันแบบมีสาระ คุยกันแบบสร้างสรรค์ แบ่งปันทุกข์สุขให้กันและกัน
 “บ้าน”ต้องเป็นระบบดิจิทัลที่มีความเช็ดเจน ไม่มีคลื่นแทรกซ้อน ต้องมีหลากหลายช่องทางให้เลือกอย่างเสรี แต่มีสาระในการเลือก ต้องไม่เป็นมลพิษ เป็นขยะล้นเหม็น เป็นภัยต่อคนในบ้านและที่สำคัญต้องมีความบันเทิงผสมกับสาระรวมอยู่ด้วย
ในสภาพสังคมแบบใหม่ ที่มีสื่อเป็นทางเลือกให้ถูกจริตกับตนมากขึ้น จนทำให้เกิดวัฒนธรรมตัวใครตัวมัน แม้แต่คนที่อยู่บ้านเดียวกันก็กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน ชอบที่จะเกี่ยวข้องกับคนอื่นในโลกออนไลน์ ชอบคุยให้ความช่วยเหลือเพื่อโชว์ความเป็นผู้ใจดีกับคนห่างไกล แต่..กับคนใกล้เป็นเหมือนเสือเหมือนพยัคฆ์หน้างอ รำคาญที่จะคุยที่จะให้ความช่วยเหลือคนในบ้าน บ้านในสังคมแบบนี้มีให้เห็นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง บ้านสวยมีให้เลือกมากมาย แต่บ้านที่อบอุ่นและน่าอยู่นั้นไม่มีให้เลือก เราต้องร่วมกันสร้างร่วมกันทำให้เกิดขึ้น ความรักนั้นมีอยู่แต่หากไม่ถูกนำมาปฏิบัติก็จะไม่รู้ว่ารักนั้นเป็นอย่างไร หากบ้านคือสถานีแห่งรัก ครอบครัวต้องเป็นโครงข่ายขยายความรักออกไปให้ผู้อื่นได้รับความรักนี้ด้วย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ในทุกเช้าเราตื่นขึ้นมาในบ้านหลังเดิม เรายังยิ้มให้กันอยู่ไหม ยังดูแลห่วงใยกันมากน้อยเพียงใด สถานีแห่งนี้ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่หรือไม่ หรือเช้าตื่นมาเห็นหน้า ก็เหม็นขี้หน้าหงุดหงิดใส่กัน จนอยากจะรีบออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด บ้านเราเป็นเช่นนี้หรือไม่ เช้าตื่นขึ้นมายังมองเห็นคนข้างกายเป็นคนที่เรารักเมื่อหลายปีก่อนอยู่หรือไม่ หรือปล่อยให้ความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ใช่หรือไม่ เทคโนโลยีสื่อสารเปลี่ยนผ่านไปในทุกๆปี แต่ความเป็นครอบครัวในบ้านของเรา ต้องไม่เปลี่ยนผ่านไป มีแต่ต้องพัฒนาเปลี่ยนแปลงสู่ความสมบูรณ์มากขึ้น มาสร้างเนื้อหาใส่ความรัก เอาใจใส่ต่อคนในบ้านของเรากันก่อน แล้วสังคมจะๆค่อยพัฒนาขึ้น เพื่อให้ก้าวทันกับเทคโนโลยี “สื่อในบ้านสร้างด้วยรัก สื่อหลักสร้างด้วยความจริง” 

ไม่มีความคิดเห็น: