บ้านนี้สถานีแห่งรัก
(บทที่ต้องร่วมกันเขียน)
จากข่าวร้ายรายวันหญิงสาวถูกฆ่าข่มขืนบนรถไฟที่กลายเป็นประเด็นยังไม่ทันจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง
ของการเรียกร้องให้เพิ่มโทษคนทำผิด ก็มีข่าวรักๆเลิกๆ ของดาราคนนั้นคนนี้
ในช่วงนี้ จึงมีแต่เจนนี่ เจนนี่ และเจนนี่ เต็มหน้าทั้งสื่อทั่วไป และสื่อออนไลน์จนรก
ล้น ลุกลามเข้ามาอยู่ในสื่อส่วนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวันนี้เรามีสื่อให้เลือกใช้เยอะ จนแยกแยะกันไม่ออก
อะไรจริงอะไรเท็จ คนทำสื่อก็ต้องแข่งขันกันเพื่อให้เกิดความสดความเร็ว
ทันใจโดยขาดความใส่ใจอย่างมาก เราจึงได้รับแต่เรื่องกากๆเกรียนๆกันอยู่มิใช่น้อย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ระบบทีวีที่เราใช้กันอยู่ตั้งแต่แรกนั้น
เรียกว่าทีวีอนาล็อก (Analog) เป็นการนำเอาสัญญาณภาพมาผสมกับสัญญาณวิทยุ
ใช้สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นตัวส่งสัญญาณ ซึ่งตามบ้านก็จะใช้เสาอากาศรับสัญญาณที่เรียกกันว่า
“เสาก้างปลา” หรือ “เสาหนวดกุ้ง” นั่นเอง
ต่อมา มีความก้าวหน้าของโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เป็น
Digital Satellite Broadcastingในระดับ Standard
Definition มีจำนวนช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมมากกว่า 250-300
ช่อง มากกว่าทุกประเทศในอาเซียน
จนกระทั่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการส่งคลื่นทีวีแบบดิจิทัลที่ให้สัญญาณภาพและเสียง
ที่มีคุณภาพดีกว่าแบบอนาล็อก
และใช้คลื่นความถี่ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยดิจิทัลทีวี
จะใช้สัญญาณดิจิทัลที่ถูกบีบอัดและเข้ารหัสที่มีค่าเป็น “0”กับ “1”เท่านั้น
ซึ่งในหนึ่งช่วงคลื่นความถี่จะสามารถนำมาส่งได้หลายๆรายการโทรทัศน์
พร้อมสัญญาณภาพและเสียงที่มีความละเอียดคมชัดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีช่องฟรีทีวีที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็น
48 ช่อง แบ่งเป็น 24 ช่องบริการในกลุ่มธุรกิจ
12 ช่องบริการสาธารณะ และ 12 ช่องกิจการบริการชุมชน
ซึ่งเพิ่มการแข่งขันในวงการโทรทัศน์ได้มากเลยทีเดียว
สรุปแล้ววันนี้เรามีสื่อทีวีอย่างน้อยๆ
300 กว่าช่อง ให้เลือกรับชม แต่เอาเข้าจริงวันหนึ่งเราดูทีวีกี่ช่องกัน
2-3 ช่องเท่านั้น บางช่องเนื้อหาก็เต็มไปด้วยขยะทัศน์เสียมากมาย ช่องที่เกิดใหม่ๆการที่จะให้มีผู้ชมติดตามมากขึ้นได้นั้น
เนื้อหาจะต้องเข้าถึงผู้ชม ต้องตอบสนองความต้องการให้ได้ แต่ส่วนใหญ่เรามักเห็นแต่การเสริมอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าและนำมาทำรายการคุยกัน
นัดคนนั้นคนนี้มาสนทนา มาวิพากษ์วิจารณ์ รายการที่ดีๆหายากเต็มทีบนทีวีเยอะช่องแบบทุกวันนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบนช่องดิจิทัลใหม่ๆ คือ การซื้อหนังเกาหลีมาออกอากาศ
จนคิดว่านี่มันช่องของไทยหรือช่องต่างประเทศกันแน่ เนื้อหาในรายการทีวียังน้อยหรือเป็นเพราะสังคมไทยไม่เน้นเนื้อหา
เน้นแต่เปลือก เน้นแต่รูปแบบ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
“บ้าน”ต้องเป็นระบบดิจิทัลที่มีความเช็ดเจน ไม่มีคลื่นแทรกซ้อน ต้องมีหลากหลายช่องทางให้เลือกอย่างเสรี
แต่มีสาระในการเลือก ต้องไม่เป็นมลพิษ
เป็นขยะล้นเหม็น เป็นภัยต่อคนในบ้านและที่สำคัญต้องมีความบันเทิงผสมกับสาระรวมอยู่ด้วย
ในสภาพสังคมแบบใหม่
ที่มีสื่อเป็นทางเลือกให้ถูกจริตกับตนมากขึ้น จนทำให้เกิดวัฒนธรรมตัวใครตัวมัน แม้แต่คนที่อยู่บ้านเดียวกันก็กลายเป็นต่างคนต่างอยู่
ไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน ชอบที่จะเกี่ยวข้องกับคนอื่นในโลกออนไลน์
ชอบคุยให้ความช่วยเหลือเพื่อโชว์ความเป็นผู้ใจดีกับคนห่างไกล แต่..กับคนใกล้เป็นเหมือนเสือเหมือนพยัคฆ์หน้างอ
รำคาญที่จะคุยที่จะให้ความช่วยเหลือคนในบ้าน บ้านในสังคมแบบนี้มีให้เห็นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
บ้านสวยมีให้เลือกมากมาย แต่บ้านที่อบอุ่นและน่าอยู่นั้นไม่มีให้เลือก เราต้องร่วมกันสร้างร่วมกันทำให้เกิดขึ้น
ความรักนั้นมีอยู่แต่หากไม่ถูกนำมาปฏิบัติก็จะไม่รู้ว่ารักนั้นเป็นอย่างไร หากบ้านคือสถานีแห่งรัก
ครอบครัวต้องเป็นโครงข่ายขยายความรักออกไปให้ผู้อื่นได้รับความรักนี้ด้วย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ในทุกเช้าเราตื่นขึ้นมาในบ้านหลังเดิม
เรายังยิ้มให้กันอยู่ไหม ยังดูแลห่วงใยกันมากน้อยเพียงใด สถานีแห่งนี้ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่หรือไม่
หรือเช้าตื่นมาเห็นหน้า ก็เหม็นขี้หน้าหงุดหงิดใส่กัน
จนอยากจะรีบออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด บ้านเราเป็นเช่นนี้หรือไม่
เช้าตื่นขึ้นมายังมองเห็นคนข้างกายเป็นคนที่เรารักเมื่อหลายปีก่อนอยู่หรือไม่
หรือปล่อยให้ความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ใช่หรือไม่ เทคโนโลยีสื่อสารเปลี่ยนผ่านไปในทุกๆปี
แต่ความเป็นครอบครัวในบ้านของเรา ต้องไม่เปลี่ยนผ่านไป มีแต่ต้องพัฒนาเปลี่ยนแปลงสู่ความสมบูรณ์มากขึ้น
มาสร้างเนื้อหาใส่ความรัก เอาใจใส่ต่อคนในบ้านของเรากันก่อน
แล้วสังคมจะๆค่อยพัฒนาขึ้น เพื่อให้ก้าวทันกับเทคโนโลยี “สื่อในบ้านสร้างด้วยรัก
สื่อหลักสร้างด้วยความจริง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น