วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อย่าเก็บทุก(ข์)สิ่งไว้

อย่าเก็บทุก(ข์)สิ่งไว้
จากการที่ได้นั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาไม่เว้นแต่ละวัน โดยพยายามที่จะไม่ไปยึดติด เกี่ยวโยงกับบางสิ่งบางอย่างมากเกินไปนัก แต่ก็อีกนั่นแหละ อยู่นิ่งๆเฉยๆก็ยังมิวายมีสายลม แสงแดด ฟ้าฝน ให้ข้องแวะอยู่ร่ำไป มิพักต้องกล่าวถึงผู้คนที่เวียนแวะพบเจอ ในส่วนลึกแล้วไม่อยากจะให้คนที่พบปะพบเจอ มองว่าหน้าตามีแต่ความทุกข์ ปรารถนาที่จะยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ใช่ว่าดัดจริต แต่อยากจะให้จริตตนอยู่บนความสบายใจมากกว่า ยิ่งเราไปยึดติดกับสิ่งใดสิ่งนั้นก็เข้ามาบีบรัดเรามากขึ้น เป็นบ่วงให้เกิดความไม่สบายใจ จนก่อให้เกิดก้อนทุกข์ขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ แน่ล่ะ...เราหนีทุกข์ไม่ได้ แต่...เราต้องมีวิธีที่จะอยู่กับทุกข์อย่างเข้าใจมัน อย่างสันติ นี่คือคำตอบที่เฝ้ามองดูอยู่ทุกวัน
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
การยึดมั่นในอุดมการณ์มากเกินไป โดยไม่ได้มองดูให้รอบด้าน ก็ไม่อาจจะแก้ปัญหาได้ การนั่งเฝ้าบ่นด่าทุกสิ่งรอบตัวโดยไม่ลงมือทำอะไรเลยก็กลายเป็นสิ่งเล็กๆที่ไร้ค่ามากที่สุดในโลก การมองคนอื่นด้วยสายตาอิจฉา ชิงชัง ก็มีแต่นำไฟมาสุมทรวง ใช่หรือไม่ การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้านั้นอีกนัยยะหนึ่ง คือ การปลดเปลื้องจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่เราล้วนสร้างเป็นมายาขึ้นมา เพื่อให้ถูกจริตของตนเอง
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเล่าไว้ว่า... 
มีชาย-หญิงคู่หนึ่งแต่งงานอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันเลยทีเดียว
ฝ่ายหญิงมีกล่องเก็บของอยู่ใบหนึ่งวางในตู้เสื้อผ้า และกำชับแกมขอร้องสามีว่าอย่าได้เปิดดูหรือถามใดๆ ทั้งสิ้น ฝ่ายสามีก็ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ไม่เคยปริปากถามเรื่องกล่องใบนั้นเลย
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายหญิงป่วยหนักมาก หมอลงความเห็นว่าเธอคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน เธอจึงวานให้สามีช่วยไปหยิบกล่องใบนั้นจากตู้เสื้อผ้ามาให้เธอ
หลังจากที่ฝ่ายชายกลับมาพร้อมกับยื่นกล่องให้เธอ เธอเปิดฝากล่องขึ้นมา พบว่ามี ตุ๊กตาถักไหมพรมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง (ประมาณว่า 1,000,000 บาท) บรรจุอยู่ข้างในกล่องใบนั้น
ฝ่ายหญิงเริ่มเอ่ย ในวันแต่งงานของเรา คุณย่าของฉันได้ให้บทเรียนสอนใจ ท่าน ว่าไว้ เรื่องครอบครัว คู่สมรสเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยกันและกัน อดทนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไว้เนื้อเชื่อใจ มีความรักให้แก่กัน และที่สำคัญ คือ มีความเข้าใจกัน
เธอหยุดพูด พร้อมกับยื่นมืออันแทบจะไร้เรี่ยวแรงลูบตุ๊กตาไหมพรมไปมา
คุณย่าได้แนะเคล็ดลับให้ว่า เมื่อใดก็ตาม ที่ความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น หรือรู้สึกโกรธมากๆ ขึ้นมา ให้ถักตุ๊กตาไหมพรมเก็บไว้ 1 ตัวเสมอ
ฝ่ายชายเหลือบมองเข้าไปในกล่อง เห็นมีตุ๊กตาไหมพรม 2 ตัววางอยู่ เขาเบือนหน้าไปอีกทาง เพื่อหลบหยดน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ เขารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของภรรยามีต่อเขาเป็นยิ่งนัก ชีวิตสมรสที่ยาวนานกว่า 50 ปี มีตุ๊กตาไหมพรมเพียง 2 ตัวเท่านั้น แทนจำนวนครั้งที่ภรรยาได้โกรธเคืองเขา หลังจากปาดคราบน้ำตาแล้ว เขาหันกลับมา
ฝ่ายภรรยาพูดต่อ เธอคงแปลกใจกับเงินก้อนนี้ด้วยสินะ
ทั้งคู่จมอยู่ในความเงียบ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
………………………………………………………………….
ฝ่ายหญิงหยิบมันขึ้นมา แล้วพูดต่อว่า มันเป็นเงินที่ได้มาจากการทยอยขายตุ๊กตาไปทีละตัวๆ ค่ะ JJJJ
ตอนอ่านเรื่องนี้ใกล้ๆจะจบ รู้สึกซาบซึ้งตรึงใจในความรักของสามีภรรยาคู่นี้เป็นยิ่งนัก แต่เมื่อเรื่องถึงจุดจบกลับมีรอยยิ้ม เพราะเรื่องมาหักมุม การหักมุมนี้มิใช่เพื่อให้เกิดรอยยิ้มเท่านั้น มันมีความหมายแฝงอยู่ในตัวด้วย เราจะเก็บความทุกข์ไว้ทำไม ทิ้งๆหรือขายมันออกไปบ้าง ทำอะไรก็ได้ที่จะแปลงความทุกข์ให้เป็นความสุข ยิ่งเก็บความทุกข์ไว้ความสุขเราก็ยิ่งลดน้อยหดหายไป
ยิ่งในสถานการณ์ที่บ้านเมืองเราถึงวาระถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ่าน ผ่านแล้วจะดีหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ต้องยอมให้เดินหน้าต่อไป จะมามัวจมอยู่กับสิ่งเดิมที่มิอาจจะก้าวไปทางไหนได้เลย อย่างน้อยๆวันนี้ เราต้องช่วยกันลดราวาศอกในเรื่องที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง หลีกได้ก็หลีกอย่าได้ปะทะอารมณ์ด้วยยึดมั่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจับไว้เหนี่ยวหนึบเกินไป เลี่ยงได้ก็เลี่ยงในการพูดคุย เพราะทุกคนต่างก็ยึดโยงบางสิ่งบางอย่างเอาไว้แล้ว อย่าได้พยายามไปดึงไปรั้ง โดยบอกว่าสิ่งนั้นไม่ดีไม่จริง ทุกคนมีเสรีภาพ ที่จะเลือกเชื่อ เลือกศรัทธาตามจริตของตน ในโลกนี้จะว่าไปมันไม่มีอะไรเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว กฎนี้อาจจะเหมาะกับสถานการณ์แบบนั้น แต่อาจจะไปใช้กับอีกสถานการณ์อื่นๆไม่ได้ เปิดใจและสวดภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองช่วยเหลือ ถ้าเราไม่ไว้วางใจในพระแล้วเราจะวางใจในอะไรเล่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอในสายพระเนตรของพระเจ้า

สิ่งที่อยากเรียนนำเสนอ คือ ชีวิตนี้มีเรื่องอีกมากมายให้ต้องทำ อย่ามัวเมาเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวและนำมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเลย ไม่เช่นนั้น เราจะไม่ได้ลิ้มลองความสุขสบายใจในโลกนี้เลย แล้ว...คิดหรือว่าเราจะก้าวสู่สุขในสวรรค์ได้...

ไม่มีความคิดเห็น: