เขาหลัก หลักเรา
เขาหลัก จ.พังงา คือ จุดหมายปลายทางหลักของอีกหนึ่งภารกิจในการเดินทางลงสู่ภาคใต้
ถือว่าเป็นการมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งหลังจากห่างหายมานาน จำได้ว่าเคยไปแถวๆนั้นหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิผ่านไปได้ไม่นาน
การมาเยือนครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสที่จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และชีวิตผู้คน
การขับรถจากเมืองหลวงสู่ถิ่นน้ำเค็มแห่งนี้ต้องใช้เวลาร่วมๆสิบกว่าชั่วโมง
แต่ด้วยความที่ไม่ต้องรีบร้อน การเดินทางจึงเป็นแบบไปเรื่อยๆตามสถานการณ์พาไป และดังคาดในบางช่วงเจอสถานการณ์ที่เลวร้าย
นั่นคือ ฝนตกลงมาแบบมืดฟ้ามัวดิน จนแทบมองไม่เห็นถนนหนทาง จากความเร็วร้อยกว่านิดๆ
ต้องลดลงมาเกินครึ่ง เพราะด้วยความที่ไม่ชินทาง เพราะหนทางมีความคดเคี้ยว
เพื่อนร่วมทางจากที่คุยกันอย่างสนุกสนาน ต่างเงียบกริบ ร่วมเป็นตาช่วยมองดูเส้นขอบถนนอย่างตั้งอกตั้งใจ
ที่ปัดน้ำฝนเบอร์เร็วสุดก็แทบจะช่วยไม่ได้ บางจังหวะรถตกแอ่งน้ำ กระแทกจนโคลง ทำให้การเดินทางช้าลงไปอีก
จึงได้ตัดสินใจแวะพักนอนค้างคืนกันที่ตัวเมืองจังหวัดสุราษฏร์ธานี พอรุ่งเช้าของอีกวัน
จึงเริ่มเดินทางต่ออย่างปลอดโปร่งกับท้องฟ้าอันสดใส และทำให้เห็นความสวยงามของเส้นทางสู่เขาหลักสายนี้
ที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาที่เขียวขจี หากเราเดินทางต่อในยามค่ำคืนโดยไม่แวะพัก
เราจะเห็นความงามแบบนี้หรือ เป็นคำรำพึงเพื่อบอกตัวเองว่า ยามใดที่เจอมรสุมชีวิต
พบกับความมืดมน ควรจะหยุดพักบ้าง แล้วแสงสว่าง ความงามจะบังเกิดขึ้นกับชีวิตอย่างแน่นอน
ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายหลักในชีวิตด้วยกันทุกคน
บางคนเรียกมันว่าความสำเร็จ อาจจะเป็นความสำเร็จด้านการศึกษา ในหน้าที่การงาน มีไม่น้อยคล้อยตามมาตรฐานของยุควัตถุนิยม
ความสำเร็จสูงสุดของชีวิตจึงอยู่ที่การได้ครอบครองเงินทองให้เยอะๆเข้าไว้ เพื่อจะได้มีเงินไปซื้อบ้านหลังใหญ่
รถหรูๆ เหมือนอย่างกับที่พบเห็นบ่อยๆในโลกไซเบอร์ที่มีการส่งต่อๆกัน มีการเชิญชวนให้ร่วมทำธุรกิจ
โดยที่ใครได้ร่วมงานจะได้รับเงินจำนวนมาก จะได้มีรถหรู (ลัมโบกินี) ไปเที่ยวรอบโลก
แล้วก็จะนำรูปใครก็ไม่รู้ ยืนเท่ๆข้างๆรถยี่ห้อนี้
นี่เป็นการกระตุ้นความโลภในการตั้งเป้าหมายของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
แล้วเพื่อไปให้ถึงยอดขายหลายคนเลยต้องเร่งรีบ รีบร้อน มุ่งมั่นมุ่งหน้าโดยมิแยแสถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
ดึงพี่ดึงน้องดึงเพื่อนๆนำเงินไปลงทุนธุรกิจดังว่า ไม่ช้าไม่นานเสียทั้งเงิน
เสียทั้งเพื่อน ใช่หรือไม่ นี่มันก็เป็นความเห็นแก่ตัวร้ายแรงชนิดหนึ่ง
และเป้าหมายสู่ความสำเร็จในลักษณะนี้ แม้จะทำยอดได้ (น้อยคนที่ทำได้) ก็ไม่เคยเพียงพอ
ได้เท่านี้ก็จะต้องได้เพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
จะมีสักกี่คนที่ทำได้ถ้าไม่ใช้หัวใจของความมุ่งมั่น ที่เห็นๆส่วนใหญ่ใช้หัวใจแห่งความโลภและก็ต้องตกข้างทาง
ไปไม่ถึงยังเป้าหมาย
เป้าหมายชีวิตในแง่งามในนามของคนที่มีธรรมะ
มีคุณธรรมในหัวใจ มักจะต้องเดินทางสู่ความดี ความจริง ความงามของชีวิต จะติดจะขัดอย่างไร ต้องใช้ความนิ่ง ความสงบสยบความวุ่นวายภายในให้เป็น
แต่ก็ต้องไม่มุ่งมั่นเกินไป มิเช่นนั้นจะเกิดกิเลส เกิดโลภในความดี
นี่ก็เป็นความเห็นแก่ตัวอีกชนิดหนึ่งเหมือนกัน
บนหนทางนี้เราต้องเรียนรู้อยู่กับความพอดี ไม่รีบเร่ง ไม่กระเสือกกระสน
ในทางตรงกันข้ามต้องไม่นิ่งเฉย เฉื่อยชาเกินไปด้วย การมุ่งสู่เป้าหมายชีวิตแบบนี้สิ่งหนึ่ง
คือ เราต้องไม่ทำเพื่อตัวเองฝ่ายเดียว ต้องมองเห็นเพื่อนร่วมทางด้วย
จะแซงจะผ่านใครไป ต้องดูด้วยว่าเขามีอะไรให้เราช่วยเหลือบ้างไหม ความสมบูรณ์ของชีวิตเรา
คือ ความสมบูรณ์ของสังคมโดยรวมด้วย
ระหว่างคนสองกลุ่มนี้มีเป้าหมายในชีวิตแตกต่างกัน
ในระหว่างทางหากพบเจอกับปัญหา ความทุกข์ยากขวากหนามขวางกั้น ใครเล่า ? ที่จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ….
คนกลุ่มแรกต้องยอมแลกด้วยเงินทองที่สะสมมา
และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาชนะ และที่สุดสิ่งที่ได้มาอาจจะไม่ได้ดั่งหวัง
จึงท้อแท้ สิ้นหวัง เที่ยวโทษนั่นโทษนี่อยู่ร่ำไป
จนกระทั่งไม่พบกับความสุขที่แท้จริง แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะยิ่งมีมากย่อมต้องคืนกลับสู่โลกมากด้วยเช่นกัน
นี่เป็นวิถีทางการจัดสมดุลของพระผู้สร้างที่มอบให้แก่โลกใบนี้ คนกลุ่มนี้ในบางครั้งก็จะขับเคลื่อนชีวิตอย่างเร่งรีบ
จะฝ่าฝน ฝ่ามรสุมอย่างบ้าคลั่งและคิดว่าเป็นผู้ชำนาญทาง
แต่ครั้นเมื่อต้องเจอกับอะไรที่มาตัดหน้า มาบีบบังคับ เป็นไปได้สูงมาก ที่จะพลัดตกทาง
ลงเหว
ต่างกันกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มุ่งชีวิตอยู่กับเรื่องความดีและความงาม
คนกลุ่มนี้พร้อมเข้าสู่ปัญหาที่เข้ามาในชีวิต แล้วใช้สติ ความรอบคอบ รอบรู้
เรียนรู้ แล้วควบคุมพวงมาลัยชีวิตอย่างมั่นคง ให้มุ่งสู่เป้าหมาย
ดูแลเพื่อนร่วมทางอย่างระแวดระวัง หยุดพักบ้าง แวะชมดอกไม้ ลำธาร ขุนเขา
ร้านรวงริมสองข้างทางบ้าง ความสดชื่นรื่นรมย์ย่อมมีมาให้ประสบในชีวิตเสมอๆ
แล้วอะไรเล่าที่จะเป็นเครื่องชี้นำทางเราสู่หลักชัยที่แท้จริงได้
เสียงมโนธรรม การมีสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี สิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้มโนสำนึก
คือ การสวดวอนขอให้พระจิตนำทาง การให้พระจิตเป็นเข็มทิศในชีวิต ย่อมนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้องเสมอ
ใช่หรือไม่ บ่อยครั้งเรามักตัดสินใจมุ่งหน้าเดินทางด้วยอารมณ์พาไป
ทั้งๆที่ภายในเตือนว่า “หยุดพักเถอะ ข้างหน้ามันอันตราย”
แต่ด้วยทิฐิเราไม่สนใจ
เพื่อหวังให้ถึงเส้นชัยเป้าหมายโดยพลัน...สุดท้ายแล้วเราก็จะพบกับความสูญเสีย
การหยุดพักบ้าง ไม่นานก็จะพบกับผลของการรอคอยนั่นคือ ความสมหวัง
การเดินทางเรายังต้องพึ่ง GPS Google Map นำทาง
แล้วในชีวิตจริงเราได้ให้พระจิตเจ้านำทางเรามากน้อยเพียงใด ถ้ายังไม่รู้ ลองนั่งนิ่งๆเงียบๆ
แล้วฟังเสียงที่จะบอกว่าเราควรเดินทางต่อไปอย่างไร...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น