เป็นหนึ่ง
เวลาช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่กรุงโรม
ประเทศอิตาลี ได้มีโอกาสมาที่หน้าวาติกันเกือบจะทุกวัน แต่มีอยู่ 2 วัน ที่เป็นช่วงมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต
เป็นเวลาที่นับว่าดีที่สุด ในวันที่มีการเข้าเฝ้าทั่วไป นับว่าเป็นวันแรกที่ได้เข้ามานั่งอยู่หน้าลานมหาวิหารนักบุญเปโตร
ฝนตกตั้งแต่กลางคืน ตื่นเช้าเราจึงจำเป็นต้องนั่งแท็กซี่จากที่พักสู่หน้าวาติกัน
ไม่ต้องถามว่าค่ารถเท่าไหร่ พูดได้คำเดียวว่า “แพงมาก” มาถึงตอนเจ็ดโมงเช้า
มีคนรอเข้าแถวต่อคิวอย่างมากมาย ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาไม่ยอมหยุด กว่าจะเข้าประจำที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง
และกว่าจะถึงเวลาที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
เสด็จออกมาก็ต้องรออีกนับเป็นชั่วโมงๆ สายฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ร่มสีสันต่างๆหน้าลานถูกกางออก ทำให้เกิดความงามอีกแบบหนึ่ง
และแล้วเมื่อถึงเวลา 10 โมงเช้า เสียงเพลงต้อนรับพระสันตะปาปาดังขึ้น
แต่ขบวนรถโมบิลพระสันตะปาปาก็ยังไม่เคลื่อนออกมา ช่วงจังหวะรออยู่นั้น สายฝนก็หยุดลง
เงยขึ้นมองท้องฟ้า เห็นแสงแดดลอดช่องก้อนเมฆออกมาทอแสง จากที่หนาวเหน็บเยือกเย็นกลายเป็นอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ร่มทุกคันถูกเก็บ ทำให้เห็นว่ามีผู้คนมากมายมารอรับเสด็จ เวลาผ่านไปไม่นานรถโมบิลพระสันตะปาปา
(Pope Mobile) ก็ออกมา แล้วก็วิ่งผ่านไปท่ามกลางหมู่มวลประชาชนที่พร้อมใจกันปรบมือต้อนรับพระองค์
พระสันตะปาปาทักทายทุกคน รถวนไปรอบๆลานหน้ามหาวิหาร
เมื่อครบรอบพระองค์ก็ขึ้นมายังเก้าอี้กลางประรำพิธี แล้วก็เริ่มสวดภาวนา
อ่านพระวาจาประจำวัน และที่สำคัญในวันนี้เป็นวันฉลองนักบุญจอร์ช
นักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระองค์ท่าน จึงมีการอวยพรให้พระองค์ท่านถึง 7 ภาษา เมื่อพิธีสิ้นสุดลง พระองค์ก็ออกทักทายแขกคนสำคัญๆที่นั่งอยู่ด้านข้างประรำพิธีอย่างใกล้ชิด
ไม่น่าเชื่อว่าจากสายฝนที่น่าจะตกตลอดครึ่งวันวันนั้นกลับหายไป
มีแต่แสงแดดอันอบอุ่นเหมือนไออุ่นจากบิดาที่รักยิ่งที่แผ่มายังมวลประชาคาทอลิก
นั่นคือความมหัศจรรย์แรกที่มีให้เห็น
แล้วงานใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน ถนนทุกเส้นมุ่งสู่วาติกัน
การสถาปนานักบุญองค์ใหม่ 2 องค์
นักบุญผู้เคยเป็นพระสันตะปาปาที่นำพาพระศาสนจักรสู่ยุคใหม่ ผู้นำสันติไปสู่มวลมนุษยชาติ นักบุญจอห์น ที่ 23 และ
นักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ผู้คนเรือนล้านต่างมุ่งสู่โรมเพื่อการณ์นี้
เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในสหพันธ์นักบุญ โดยมิได้คำนึงถึงความยากลำบาก ทุกคนต่างยินดีที่จะเสียสละความสุขสบาย
เพื่อร่วมในพิธีวันนั้น แม้จะต้องอยู่ห่างไกลจากพระแท่นพิธี หลายคนต่างตื่นเฝ้าศีลมหาสนิททั้งคืน
โดยวัดรอบๆวาติกันจะเปิด 24 ชั่วโมง ให้ผู้คนได้เฝ้าศีล
มีไม่น้อยใช้บริเวณหน้าวัดเหล่านั้นเป็นที่พักผ่อนนอนเอาแรง แม้เพียงสักงีบก็ยังดี
และด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งที่สภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทย
ได้ให้การรับรองในการเป็นผู้แทนนักข่าว มงซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์ และ อาจารย์ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย
ที่ช่วยประสานงานในการขอบัตรนักข่าว
ทำให้มีโอกาสเข้าใกล้ชิดพระแท่นและประรำพิธี
จำได้ว่าในคืนนั้นตื่นตั้งแต่ตี 3 เดินมาขึ้นรถไฟใต้ดินแต่สถานียังไม่เปิด
ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถเมล์ ที่ทุกคันมีเป้าหมายเดียว คือ ส่งผู้โดยสารไปให้ใกล้ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร
รถคันที่นั่งมาส่งได้ใกล้ๆสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์
เห็นผู้คนเดินเท้าเป็นหมู่เป็นคณะ บ้างก็สวดสายประคำ บ้างก็ขับร้องบทเพลงพระ
แล้วทุกคนก็หยุดรอเพื่อให้ปะตูทางเข้าลานเปิดในเวลา 6 โมงเช้า
ส่วนนักข่าวเข้าได้ตั้งแต่ตี 5.30 น. แต่... หาทางเข้าสำหรับสื่อมวลชนไม่เจอ
รอจนคุณพ่อ(มงซินญอร์) วิษณุ มาพบแล้วพาเดินอ้อมไปอีกทางตามคำบอกของหน่วยบริการ
ใช้เวลาเดินอีกประมาณครึ่งชั่วโมง จึงได้เข้าประจำตำแหน่งบนนั่งร้านสี่ชั้นที่เตรียมไว้สำหรับตัวแทนนักข่าวของแต่ละประเทศ
เราเลือกทำเลที่ชั้น 2 ไม่มีที่นั่ง มีเพียงที่ยืน ตั้งแต่ตี
5 - 2 โมงเย็น คือ การยืนตลอด แต่ก็ไม่มีความรู้สึกว่าเมื่อยหรือเหนื่อยอย่างใด
มีแต่ปลาบปลื้มใจ และเช่นกันก่อนเริ่มพิธีฝนก็ตกลงมา ร่มถูกกางออก ครั้นพอเริ่มพิธีมิสซาและโดยเฉพาะช่วงประกาศแต่งตั้งนักบุญ
ท้องฟ้ากลับสดใส แสงแดดอบอุ่นทอลงมา นี่เป็นอัศจรรย์ครั้งที่ 2 ในลานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
สำหรับพิธีมิสซาในวันนี้ เริ่มด้วย
พระคาร์ดินัล อันเจโล่ อมาโต้ ประธานสมณกระทรวง ประกาศการเป็นนักบุญอ่านคำร้องขอให้พระสันตะปาปาทรงประกาศสถาปนานักบุญใหม่ทั้งสอง
มีการอัญเชิญพระธาตุของนักบุญใหม่ทั้ง 2
องค์ โดยพระธาตุของนักบุญจอห์น ที่ 23 เป็นเนื้อผิวหนังของพระองค์
ส่วนนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 เป็นโลหิตของพระองค์ ทั้งนี้
ผู้ที่ทำหน้าที่อัญเชิญพระธาตุของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ได้แก่
ฟลอริเบ็ธ โมรา ดิอาซ
สตรีชาวคอสตาริก้าที่ได้รับอัศจรรย์จากการวอนขอพระเจ้าผ่านคำเสนอวิงวอนของนักบุญจอห์น
ปอล ที่ 2 จนเธอหายจากอาการเส้นเลือดในสมองแตกได้อย่างอัศจรรย์
นอกจากนี้ ในบทภาวนาเพื่อมวลชน หนึ่งในผู้อ่านได้แก่ ซิสเตอร์ มารี ซิมง เปียร์
ชาวฝรั่งเศส ผู้ได้รับอัศจรรย์ให้หายจากโรคพาร์กินสัน
จนนำไปสู่การสถาปนาสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เป็นบุญราศีนั่นเอง
พิธีมิสซาและพิธีกรรม การเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
สั้นกระชับ เพื่อพระองค์จะได้มีเวลาทักทายมวลสัตบุรุษ หลังจากทักทายบรรดาผู้นำประเทศ
พระองค์เสด็จขึ้นโป๊ปโมบิล (Pope Mobile) ไปรอบๆลาน แล้วเหนือความคาดเดา พระองค์ให้รถแล่นออกไปยังถนนหน้าลาน
เพื่อให้คนที่มิอาจจะเข้าไปร่วมพิธีหน้าลานได้พบกับพระองค์ ทุกคนต่างยินดี
เด็กหนุ่มสาวบางคนถึงกับโยนผ้าพันคอให้พระองค์ขึ้นไปบนรถคันนั้น
ในเวลากลับแทบไม่ต้องเดิน
คลื่นคนชนคาทอลิกไหลพาร่างเราไปตามทาง กว่าจะพ้นออกมาได้กินเวลาอีกเป็นชั่วโมง
จากนั้นฝนก็ตกลงมา ในขณะที่เดินกลางสายฝน ใจคิดถามตัวเองขึ้นมาว่า รู้สึกเสียดายเงินที่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน
จ่ายค่าที่พัก ค่ารถบ้างไหม เพราะเป็นเงินส่วนตัวล้วนๆ คำตอบ คือ
เงินทองนั้นหาเมื่อไรก็ได้ แต่แรงบันดาลใจ
แรงศรัทธาในความเป็นหนึ่งร่วมกับพระศาสนจักรสากลที่สืบทอดจากพระคริสตเจ้านั้นหาได้มีมาบ่อยๆนัก
ความลำบากแค่นิดหน่อย
สู้ไม่ได้กับความรักของพระเจ้าที่มีมาทุกยุคทุกสมัยผ่านทางผู้แทนของพระองค์
แล้วเมื่อมีโอกาสในความเป็นหนึ่งนั้น เรามิอาจจะปฎิเสธเสียงเรียกนี้ได้ และคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจออกเดินทางสู่วาติกันในครั้งนี้
เพื่อร่วมความเป็นหนึ่งในพระคริสต์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น