วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตำแหน่งแห่งหนบนโลก

ตำแหน่งแห่งหนบนโลก
โลกเรามีผู้คนผ่านมารุ่นแล้วรุ่นเล่า เราก็เพียงผู้ผ่านย่ำซ้ำรอยเท้าบรรพบุรุษที่ผ่านพ้นไป หลายสิ่งรับมาต่อเติม ต่อยอด หลายสิ่งยังเป็นปัจจุบันจนนิรันดร์ ทำให้เราเรียนรู้ เลียนแบบในวิถีทางการดำเนินชีวิต การเรียนรู้และศึกษาชีวิตนั้นมีหลากหลายวิธี สิ่งหนึ่งก็คือ การชมภาพยนตร์ ที่ถือได้ว่าเป็นทั้งความบันเทิงผสมกับการเรียนรู้ไปด้วย และสิ่งนี้กลายเป็นภารกิจประจำสัปดาห์ไปเสียแล้ว เพื่อจะได้หาสิ่งใหม่ๆเพิ่มทักษะในการทำงาน เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความรู้ใหม่ๆ

ในแต่ละเรื่องที่ได้เข้าไปชมนั้น อย่างน้อยๆมักจะได้คำคม ความคิดและเนื้อหาดีๆในเรื่องราวผ่านมาทางแผ่นฟิล์ม อย่างเช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่อง Thor : The Dark World (ธอร์ โลกาทมิฬ) เป็นเรื่องต่อจากภาคแรก ว่าด้วยการผจญภัยของ ธอร์ อเวนเจอร์ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องโลกและดินแดนทั้ง 9 จากศัตรูลึกลับที่หมายจะครอบครองจักรวาล ธอร์ ผู้ที่ต้องรับตำแหน่งราชาต่อจากบิดา แต่ไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ มุ่งแต่ช่วยให้ดินแดนในการปกครองของบิดาพบกับความสุขสันติ ต่างจาก โลกิ ผู้น้อง ที่บิดาและมารดานำมาเลี้ยง (จากภาค 1) เมื่อโตขึ้นก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็นราชา แต่เขาชอบใช้ความรุนแรง ชอบฆ่าคน ชอบบังคับคนให้ไปรบ จนมีคนต้องตายมากมาย สุดท้ายบิดาทนไม่ไหวกับปัญหาที่โลกิก่อขึ้น จึงจับขังเดี่ยว  การใช้ชื่อว่า โลกิ นี้ ตรงกับภาษาไทยและเหมาะกับบุคลิกในตัวละครอย่างมาก ที่เต็มไปด้วยความโลภอยากเป็นใหญ่ (โลกียะ) หลงอยู่กับการครอบครอง แสวงหาให้ได้มา
ในขณะที่ ธอร์ ต่อสู้เพื่อนำความสงบกลับมาสู่จักรวาลนั้น ชนเผ่าโบราณที่นำโดย มาเลคิธ ผู้เคียดแค้น ได้กลับฟื้นขึ้นมาเพื่อทำให้จักรวาลกลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เหมือนว่าความชั่วกำลังครอบครองโลก การใช้สัญลักษณ์ให้ตัวละครร้าย คือ ความมืด และฝ่ายธรรมะ คือ ความงามและแสงสว่าง เปรียบเทียบได้อย่างตรงไปตรงมา การเผชิญหน้ากับความมืด แม้แต่ โอดิน (บิดาผู้เป็นราชา) ในแอสการ์ด ดินแดนศูนย์กลางความสงบ ยังไม่สามารถรับมือได้ สุดท้าย ธอร์ ต้องมุ่งหน้าสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย พร้อมโลกิที่รู้ถึงทางลัดเพื่อหนีออกจากศูนย์กลาง โดยไม่ให้บิดาที่สั่งห้ามไว้ได้รับทราบโดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขส่วนตัว
และจุดมุ่งหมายการเดินทางครั้งนี้เพื่อช่วย เจน ฟอสเตอร์ คนรักจากโลกให้พ้นอันตรายด้วย หนังเรื่องนี้เข้มข้นไปด้วยเนื้อหาของการต่อสู้ระหว่างความมืดมนกับความสงบสันติ ในขณะเดียวกันในอาณาจักรที่สงบ แต่ภายในกลับมีการแย่งชิง ลึกลงไปในแต่ละคนต่างมีความขัดแย้งในตัวเอง ธอร์ ผู้สืบตำแหน่งราชา ก็ไม่ปรารถนาในตำแหน่งนั้น โลกิ ผู้ที่ใฝ่สูงตำแหน่งราชา แต่ไม่เคยทำอะไรเป็นประโยชน์เลย จนสุดวาระท้ายได้สละชีวิตเพื่อช่วยพี่ชายตัวเอง  
ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำคมและให้ข้อคิดดีอยู่ในหลายๆตอน อย่างเช่น แม่ของธอร์ผู้เลี้ยงดูโลกิมาตั้งแต่เล็กและรักเหมือนลูกจริงๆ ได้เข้าไปหาโลกิในคุกแล้วพูดว่า ลูกมองดูแต่คนอื่น แต่ลูกไม่เคยมองดูตัวเองเลย  ใช่หรือไม่ คนที่จะเป็นใหญ่ได้ คนที่จะปกครองคนอื่นได้นั้นต้องเรียนรู้จักตัวเองก่อน ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน เมื่อนั้นเราจึงจะใส่ใจคนอื่นได้ ไม่ใช่วันๆคอยแต่จะจับผิดคนอื่น คอยแต่จะต่อว่านินทาคนอื่นอยู่ร่ำไป โดยที่ตัวเองก็ไม่คิดที่จะทำดีอะไรเลย เป็นคนประเภทว่า อยู่ในความมืดก็เที่ยวต่อว่าความมืด แทนที่จะลุกขึ้นจุดไฟไปต่อเทียนหรือตะเกียง ให้เกิดแสงสว่าง เราเป็นเช่นนี้หรือเปล่า????
หรืออีกตอนหนึ่ง ธอร์กลับมาหาบิดาเพื่อบอกว่าโลกิได้ตายแล้ว ตายเพราะเสียสละช่วยเหลือตน โดยพูดว่า เขาตายอย่างมีเกียรติ แต่ข้าจะพยายามอยู่อย่างมีเกียรติ การตายอย่างมีเกียรตินั้นถือว่ายากแล้วแต่การอยู่อย่างมีเกียรติกลับยากยิ่งกว่า ในโลกยุคปัจจุบันการให้เกียรติกันนั้นมีน้อยลง มีแต่การให้เกลียดกันมีมากขึ้น การจะอยู่อย่างมีเกียรติได้นั้นเราจะต้องฝึกฝนที่จะเป็นคนดี คนดีที่เสียสละเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อให้คนอื่นยกย่องเพื่อหมายจะได้รับเกียรตินั้น และสุดท้าย ธอร์ ได้ปฏิเสธตำแหน่งราชาด้วยคำว่า ข้าอยากเป็นคนดีมากกว่าราชาที่ยิ่งใหญ่


ออกจากโรงหนังวันนั้นแล้ว คำนี้คือสิ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำตลอดมา เราไม่จำเป็นเลยที่จะมุ่งแสวงหาตำแหน่งแห่งหน เราควรแสวงหาวิถีทางที่จะเป็นคนดี แสวงหาหนทางเพื่อช่วยเหลือกันและกันมากกว่า ตัวอย่างหนึ่งที่คิดถึงทันที คือ องค์พระเยซูเจ้า ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์แห่งสากลโลก เพราะพระองค์ปฏิเสธที่จะเป็นกษัตริย์บนโลกนี้ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องยากในสภาวะครั้งกระโนน พระองค์มีผู้ติดตามมากมาย เป็นที่ชื่นชมของหมู่มวลมหาประชาชนผู้ตกยาก และกำลังต้องการคนที่มาฉุดพวกเขาให้เป็นไท แต่พระองค์กลับเลือกหนทางที่ไม่ยอมให้ผู้คนมาเสียเลือดเนื้อเป็นจำนวนมากโดยการยอมเสียเลือดเนื้อของพระองค์เอง เป็นบทสอนถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ นี่คือราชาที่ยิ่งใหญ่ ราชาที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องมาจากการเป็นคนดียอดเยี่ยมต่างหาก โลกนี้มีคนจำนวนไม่น้อยปรารถนาอยากจะขึ้นเป็นเจ้าคนนายคน มีตำแหน่งแห่งหน  แต่จะสักกี่คนเล่าที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตผู้อื่น คนยิ่งใหญ่จริงๆไม่จำเป็นต้องเป็นราชาเสมอ แต่ราชาที่ยิ่งใหญ่คือผู้ช่วยปลดปล่อยคนให้รอดพ้นเสมอมา

ไม่มีความคิดเห็น: