วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไร้ค่าแต่ล้ำค่า

ไร้ค่าแต่ล้ำค่า
บ่อยครั้งในชีวิตของเรามักเจอะเจอกับเรื่องที่แปลกๆ และตรงข้ามกับสิ่งที่เราคิดไว้ก่อนเสมอๆ วันที่เราล้างรถเสร็จใหม่ๆสีแวววาวดูเหมือนรถใหม่ สะอาดสะอ้าน ขับออกมายังไม่ทันไร เจอฝนตกหนัก รถเปียกเปรอะไปทั้งคัน การล้างรถวันนั้นดูช่างไร้ค่า หรือ ซักผ้า ตากไว้เต็มราว คิดว่าวันนี้แดดออกดี ตากไว้ไม่นานผ้าคงแห้ง แต่พอยามเย็นหลังเลิกงานหมายมั่นว่าจะกลับบ้านเก็บผ้าที่ซักตากไว้คงแห้งเรียบร้อย แต่แล้วฝนก็ตกลงมาดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ต้องกลับไปเก็บผ้าเปียกฝน ตากพัดลม แถมบางครั้งต้องนำมาซักใหม่อีกรอบ ดูจะเป็นการสูญเสียเวลาจริงๆ หรือว่าตั้งใจที่จะไปกินอาหารร้านอร่อยในร้านขาประจำ พอไปถึงร้านปิด หน้าร้านมีใบปิดว่าหยุดหนึ่งวัน ความตั้งใจดูเหมือนไร้ค่าไปเลย หรือบางครั้ง นั่งขับรถแอร์เย็นๆอยู่ดีๆ แอร์เกิดเสียกลางทาง บนทางด่วนที่มีรถติดอยู่เต็มถนน ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วย แต่...อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นโชคดีที่รถยังวิ่งได้และวิ่งไปจนถึงร้านเติมน้ำยาแอร์ นี่...ใช่การไร้ค่าหรือเปล่า การพบเจอเรื่องที่ไม่แน่นอน ย่อมวนเวียนมาในวิถีทางในโลกนี้ได้เสมอ เพียงแต่ว่าเราได้อะไรจากเรื่องที่คิดว่าไร้ค่านั้นบ้าง ในบางครั้งสิ่งที่ได้เรียนรู้กลับล้ำค่าในความไร้ค่านั้น
พูดถึงเรื่อง ล้ำค่า อะไรเล่า ล้ำค่า สำหรับเรา หลายคนคงคิดถึงทรัพย์สมบัติ ในโลกที่ทุกคนใช้มาตรฐานทางเศรษฐกิจวัดค่าความเป็นคน เราทุกคนจึงต้องดิ้นรนวุ่นวายกับการหาเงินหาทรัพย์สมบัติ หาตำแหน่ง หาความโลภเอาไว้ครอบครอง เพียงเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเราล้ำค่าราคาคน ความดีงามทางคุณธรรมไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้คุณค่าของคนอีกต่อไป ในภาวะโลกที่ถูกหลอมรวมด้วยทุน ด้วยการจับจ่าย ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ความสุขของคนเริ่มลดน้อยถอยลงไป ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น แต่ใจไร้สุขในทุกเวลา มีเพียงความเหงากับเครื่องเล่นสมัยใหม่ข้างกายที่เป็นเพื่อน
ไม่มีเงินมาก เท่าเขา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา จน
ไม่สวยหล่อ เท่าเขา...ไม่ได้หมายความว่าเรา ขี้เหร่
ไม่ได้เก่งฉลาด เท่าเขา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา โง่
ไม่ได้มี ในสิ่งที่เขามี...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา ขาด
ถ้าไม่ ทุกข์ร้อน ไม่ กังวล ไม่ อิจฉา
นั่นแสดงว่า...เรา ได้สิ่งที่ล้ำค่ามาครอบครองแล้ว
(ข้อความส่งผ่านมาทางเฟสบุ๊ค)

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้สิ่งล้ำค่าที่เรามีเหมือนๆกัน นั่นคือ เวลาและชีวิต เวลาเป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าให้ทุกคนมีเท่ากัน  ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ก็ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะใช้เวลาอย่างไร ใครจะใช้เวลาที่ผ่านไปอย่างมีค่าและคุ้มค่ากว่ากัน ใช่หรือไม่ ในความเป็นจริงแล้ว เราควรใช้เวลาของชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ คือ
1. ใช้เพื่อให้พบความสุขหรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือพบความสงบนั่นเอง
2. ใช้เพื่อสร้างประโยชน์และสิ่งดีๆให้กับชีวิต
3. ใช้เพื่อให้คนรอบข้างและสังคมมีความสุข
เราให้อะไรกับใจเรา ใจเราก็ให้สิ่งนั้นกับเรา เราให้อะไรกับชีวิตเรา ชีวิตก็จะให้สิ่งนั้นคืนกลับแก่เรา
สิ่ง ล้ำค่า ที่สุดในชีวิตของคนเป็นพ่อเป็นแม่คือ ลูกพ่อแม่ต่างก็ไม่ต้องการเห็นลูกของตัวเองตกระกำลำบาก อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข ปรารถนาให้ลูกเดินในทางที่ตัวเองอยากเห็น อยากให้เป็น (แต่ไม่รู้ว่าลูกอยากด้วยหรือไม่) บางคนสร้างเส้นทางให้ลูกเดินมากเกินไป จนลูกรับไม่ได้ต้องเตลิดออกไปนอกลู่นอกทาง พ่อแม่หลายคนที่ตัวเองเคยลำบากมาก่อน ก็ไม่ต้องการเห็นลูกลำบากเหมือนตัวเอง มักจะชดเชยชีวิตที่เคยลำบากของตัวเองมาให้ลูก แต่ชดเชยแบบผิดๆ ประเคนให้ทุกอย่างที่ลูกต้องการ จนทำให้ลูกเสียผู้เสียคนไป สุดท้ายแก้ไขอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ ชื่อเสียงเพียงใด ก็มิได้มีความสุขดั่งที่หวังไว้ สิ่งที่ ล้ำค่าสำหรับเราก็จะกลายเป็นสิ่งที่ ไร้ค่า ของสังคม
สิ่งหนึ่งที่ตระหนักไว้คือ เราต้องทำหน้าที่สร้างคุณค่าในตัวลูกของเรา โดยให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ และสามารถนำเอาคุณค่าในตัวลูกไปสร้างสิ่งมีค่าด้วยตัวเขาเองให้ได้ และสุดท้ายก็ต้องสอนลูกเราให้เขาไปดูแลลูกของเขาด้วยวิธีการเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่าคนในรุ่นต่อๆไปยังคงคุณค่าในตัวเองมากกว่ามีคุณค่าเพราะทรัพย์นอกกายที่ไม่จีรังยั่งยืน
ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ทุกคนมีสิ่ง ล้ำค่า อยู่ในตัวนั่นคือ ใจ ที่ไม่ติดยึดโยงกับสิ่งใด สิ่งที่ไร้ค่าในสายตามนุษย์ หากใช้ใจดูใช้ใจส่อง เราจะมองเห็นแสงแห่งธรรมนำชีวิตเรา ใช่หรือไม่ คนยากจน คนทุกข์โศกเศร้า คนอ่อนโยน คนยุติธรรม คนที่มีใจเมตตา ใจบริสุทธิ์ คนที่รักสันติ ไม่ยอมต่อสู้กับใคร ไม่เบียดเบียนไม่ปัดแข้งขาใคร มักจะถูกค่านิยมสมัยใหม่มองว่าเป็นคนไร้ค่า เป็นคนที่ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำที่จะพาสังคมสู่ความสำเร็จ แต่...เป็นเช่นนั้นหรือไม่ หากเรามองด้วยหัวใจ และมองตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ใครที่มีหัวใจแบบคนเหล่านั้นต่างหากที่มีความสุขแท้ เพราะพวกเขาจะเป็นผู้นำพาเราไปสู่สวรรค์ บ้านของพระเจ้า แล้ววันนี้เราเป็นคน ล้ำค่า ในยุคสมัยนิยม แต่ ไร้ค่า ในความดีงามหรือเปล่า หรือ เราเป็นสิ่งที่ล้ำค่าทั้งในยุคนี้และในสายตาของพระเจ้าด้วย เราเลือกที่จะเป็นได้ ใช่หรือไม่...

ไม่มีความคิดเห็น: